ทนายแถลงต่อศาลฯ พิ้งกี้-แม่ เป็นผู้ลงทุน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ

29 พ.ย. 65

ศาลตรวจพยานคดีแชร์ Forex3D จำเลยให้การปฏิเสธ "พิงกี้" ผอมลง ด้าน แม่พิ้งกี้ โผเข้ากอดลูกชาย นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 10 ส.ค. 66

วันนี้ (29 พ.ย.65) ศาลอาญา รัชดา นัดตรวจพยานหลักฐานใน คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ. 853/2565  ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง นายอภิรักษ์ โกฎธิ อดีตผู้บริหารแชร์ Forex-3D เป็นจำเลยที่1 กับพวกรวม 24 คน ซึ่งมี นายกิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช จำเลยที่ 6 น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ "พิ้งกี้" จำเลยที่ 7 และนางสรินยา ไชยเดช แม่ของพิ้งกี้ เป็นจำเลยที่ 8

กรณี พวกจำเลยหลอกลวงประชาชนผู้เสียหายให้มาร่วมลงทุนเล่นแชร์ Forex-3D ทั้งที่ความจริงแล้วพวกจำเลยไม่ได้ประกอบกิจการซื้อขายหรือเทรดเงินตราต่างประเทศ (Forex) จริงตามที่กล่าวอ้าง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่เคยให้ใบอนุญาตแก่บุคคลหรือนิติบุคคลใด เพื่อให้บริการลงทุนโดยเก็งกำไรจากการซื้อขายหรือเทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ในประเทศไทยอีกด้วย โดยพวกจำเลยอาศัยโอกาสจากความมีชื่อเสียง หรือความน่าเชื่อถือของพวกจำเลยที่เป็นดารานักแสดง นักร้อง บุคคลในวงการบันเทิง บุคคล ในวงการสังคมชั้นสูงหรือไฮโซ และรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ

และเมื่อพวกจำเลยได้รับเงินจากประชาชนผู้ร่วมลงทุนไว้แล้ว ได้นำเงินจากประชาชนรายนั้นหรือรายอื่นๆ มาจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หมุนเวียนให้แก่ประชาชนรายอื่น โดยพวกจำเลยกับพวกมิได้นำเงินไปลงทุนหรือประกอบกิจการอย่างใดให้ได้รับผลตอบแทนคืนให้แก่ประชาชน แต่มีเจตนาหลอกลวงประชาชนที่หวังจะได้รับเงินตอบแทนในอัตราสูง ให้นำเงินมาลงทุน จนมีประชาชนผู้เสียหายหลงเชื่อถูกหลอกลวงจำนวนมาก อันเป็นการกระทำความผิดฐานโดยทุจริต หรืออันเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน รวม 9,824 กรรม มูลค่าความเสียหาย 2,489,820,321.52 บาท

โดยคดีนี้ ศาลสั่งรวมสำนวน สำนวนดังกล่าวเป็นมูลกรณีเดียวกัน พยานหลักฐานชุดเดียวกัน ถ้ารวมการพิจารณาคดีทั้ง 3 สำนวนเข้าด้วยกัน จะเป็นการสะดวกและรวดเร็ว 

เมื่อถึงเวลา ศาลเริ่มกระบวนพิจารณา โดยศาลระบุว่า อัยการได้แบ่งบัญชีรายชื่อเพื่อนัดสืบพยานออกเป็น 6 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มผู้กล่าวหา ,พยานผู้ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับบริษัท ,กลุ่มผู้เสียหายพยานที่รับจ้างเปิดบัญชี และพยานในกลุ่มเจ้าหน้าที่ จำนวน 122 ปาก แบ่งเป็น ใช้เวลาในการสืบพยานรวม 30 นัด

จากนั้น ทนายความ ของจำเลยแต่ละคนแถลงแนวทางต่อสู้คดี โดยเริ่มจาก ทนายความของจำเลยที่ 1 และ 2 แถลงว่า บริษัทของจำเลยที่ 2 ได้ติดต่อโบรกเกอร์นักลงทุนต่างประเทศเพื่อให้เข้ามาฟื้นฟูของบริษัทจำเลยที่ 2 เมื่อประสบผลสำเร็จในการประกอบธุรกรรมโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 ดำเนินการมาก่อน ถ้ามีผลประกอบการดีก็จะนำรายได้เป็นค่าตอบแทนให้กับจำเลยที่ 1 และ 2 นำไปคืนให้กับผู้เสียหายแต่ละคนในคดีนี้ ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนที่เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ได้รับความเสียหาย

ขณะที่ ทนายความของจำเลยที่ 6 แถลงว่า มีรายชื่อเป็นกรรมการในบริษัทของจำเลยที่ 2 จริง แต่ไม่ได้มีการร่วมบริหาร

ด้าน ทนายความของจำเลยที่ 7 และ 8 คือ พิงกี้ และ แม่ ได้ แถลงว่า จำเลยที่ 7 และ 8 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของจำเลยที่ 2 และ 3 ไม่เคยมีการชักชวนหรือแนะนำใครมาร่วมลงทุนดังกล่าว จำเลยที่ 7 และ 8 ยืนยันว่า เป็นเพียงนักลงทุนที่ได้รับเงินจากจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นผลตอบแทนจากการลงทุนเท่านั้น ไม่เคยได้รับประโยชน์ผิดแปลกแตกต่างจากปกติหรือได้รับผลตอบแทนจากคำแนะนำในการเชิญชวนผู้อื่น

ส่วนทนายจำเลยที่ 9 แถลงแนวทางต่อสู้คดีโดยระบุว่าจำเลยที่ 9 เป็นเพียงพนักงานบริษัทของจำเลยที่ 2 ได้กระทำตามหน้าที่และทำตามคำสั่งของผู้บริหารและกรรมการบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดตามฟ้องส่วนเงินที่ผ่านบัญชีของจำเลยที่ 9 เป็นเพียงเงินที่ได้นำไปใช้ในการบริหารงานของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยไม่ได้รับผลประโยชน์อื่นใดนอกจากเงินเดือน

ทนายจำเลยที่ 10-15 แถลงแนวทางต่อสู้คดีโดยระบุว่าเป็น จำเลยเป็นลูกจ้างและพนักงานบริษัททำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

ทนายจำเลยที่ 16 ,18 ,19 และ 24 แถลงว่า จำเลยที่ 16 เป็นผู้รับจ้างออกแบบเว็บไซต์ให้จำเลยที่ 2 และเป็นนักลงทุนคนหนึ่งไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 18 19 และ 24 แถลงว่าเป็นบุคคลในครอบครัวของจำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการของจำเลยที่ 2 และไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

ทนายจำเลยที่ 17 แถลงว่า จำเลยที่ 17เป็นตัวแทนขายอาหารเสริมให้กับจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ลงทุนกับบริษัทของจำเลยที่ 2 ไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องในการชักชวนผู้เสียหายให้มาลงทุน ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

ทนายจำเลยที่ 20 แถลงว่าจำเลยที่ 20 ไม่ได้ทำงานในบริษัทของจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 1 เป็นประธานมูลนิธิโดยจำเลยที่ 20 ทำงานอยู่ในมูลนิธิและได้รับคำสั่งโดยตรงจากผอมูลนิธิซึ่งก่อนหน้านี้ DSI ได้สอบปากคำพนักงานในมูลนิธิทุกคนแล้วพนักงานทุกคนไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เพลงแต่จำเลยที่ 20 ได้รับการโอนเงินโดยตรงจากบริษัทของจำเลยที่ 2 เพียงแค่ 3-4 ครั้งเพื่อนำมาจ่ายเงินให้กับพนักงานของมูลนิธิโดยไม่มีส่วนรู้เห็นในการชักชวนให้มาลงทุนไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

ทนายความจำเลยที่ 21 แถลงว่าจำเลยที่ 21 ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำผิดโดยเงินที่ได้มานั้นไม่ทราบว่าได้มาจากการกระทำความผิดโดย จำเลยที่ 21 อ้างบัญชีพยาน เป็น นายปราปต์ปฎล มาเป็นพยานด้วย

ทนายความจำเลยที่ 22 แถลงว่าจำเลยที่ 22 เป็นเพียงผู้ลงทุนไม่เคยชักชวนหรือโฆษณาให้ใครมาลงทุนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทจำเลยที่ 2 พร้อมระบุว่าจำเลยที่ 22 เป็นผู้เสียหายคนหนึ่งไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

ทนายความจำเลยที่ 23 แถลงว่าจำเลยที่ 23 เป็นเพียงนักลงทุนไม่เคยชักชวนใครมาลงทุนไม่เคยรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดไม่ได้ทำผิดตามฟ้อง โดยจำเลยที่ 23 ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับศัลยกรรมที่เกาหลีเงินที่ได้จากจำเลยที่ 1 เป็นเพียงเงินค่าศัลยกรรมและเงินตอบแทนจากการลงทุนยืนยันไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

ทั้งนี้ ภายหลังศาลตรวจพยานหลักฐาน ร่วมกับโจทก์ จำเลย แล้วเสร็จ ได้นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 10 ส.ค. 2566

โดยวันนี้ ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำในเวลา 10.30 น. สำหรับบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี กิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช ใส่กุญแจมือมาพร้อมกับ นายอภิรักษ์ โกฎธิ ส่วน นางสรินยา ไชยเดช (แม่ของพิงกี้) เข้าไปโอบกอดลูกชายและย้ายไปนั่งด้านข้าง ส่วน พิ้งกี้ มีหน้าตานิ่งเฉย เครียดเล็กน้อย และผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ญาติและเพื่อนของจำเลยรายอื่นได้อยู่ในห้องพิจารณาคดีและเข้าไปพูดคุยให้กำลังใจกับจำเลย และมองหน้ากันแล้วร้องไห้หลายราย หลังจากทนายความพูดคุยทางคดีเรียบร้อย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส