กรณีรถยนต์พิกอัปเฉี่ยวชนรถยนต์เก๋งรถลัมโบร์กินีสีแดง จากเหตุการณ์รถยนต์พิกอัป ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีเทาดำ ชนรถยนต์เก๋งลัมโบร์กินี สีแดง
เหตุเกิดถนนสวรรคโลก-ศรีสำโรง ฝั่งตะวันตก บริเวณแยกทางเข้าสนามบิน ม.2 ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 พ.ย. 65 ตรวจสอบพบ นายทวีชัย อายุ 41 ปี ขับรถยนต์เก๋งลัมโบร์กินี ส่วนนางมาลัย ขับรถยนต์พิกอัป
วันที่ 25 พ.ย. 65 ทีมข่าวได้เดินทางไปสถานีตำรวจภูธรสวรรคโลก พบว่ารถพิกอัปจอดอยู่ที่บริเวณที่เก็บรถด้านหลังสถานีตำรวจภูธรสวรรคโลก สภาพด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหลังแตก มีเศษทรายตามกระจก ทะเบียนหลังอยู่ครบ ส่วนรถเก๋งลัมโบร์กินี ไม่ได้จอดอยู่ที่ สภ. เนื่องจากทางเจ้าของรถได้ส่งรถกลับ กทม. แล้ว
พ.ต.อ.มนตรี เบ้าทอง ผกก.สภ.สวรรคโลก เปิดเผยข้อมูลว่า หลังจากเกิดเหตุได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาที่สถานีตำรวจสภ.สวรรคโลก ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นเจ้าของรถเก๋งยินดีชดใช้ค่าเสียโอกาสในอาชีพให้กับคู่กรณี เป็นจำนวนเงิน 80,000 บาท
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการลงบัณทึกประจำวันและทำเปรียบเทียบปรับเจ้ารถเก๋ง ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 500 บาท เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปชัดเจน หลังจากนี้ ทางเจ้ารถเก๋งยินดีชดใช้ค่าซ่อมให้เจ้าของรถกระบะทั้งหมด ซึ่งค่าเสียหายอยู่ระหว่างการประเมินของบริษัทประกันภัย
แม่ค้าใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนเองอยู่ในร้าน กลุ่มรถหรูออกจากสนามบินไปเมื่อช่วงเช้า ช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่กลับเข้าไปที่สนามบินรอบเย็น ระหว่างนั้นสังเกตเห็นว่ากลุ่มรถหรูกำลังชะลอต่อแถวเลี้ยวเข้าสนามบิน แต่มีรถคันหนึ่งที่แซงแล้วเลี้ยวขวาทันที ทำให้ชนกับกระบะเสียงดังสนั่น
หลังจากเกิดเหตุทั้งคู่ลงมาเจรจากันด้วยดี กระบะมา 2 คน เป็นผู้หญิงแม่และลูก ส่วนรถเก๋งมาคนเดียวเป็นผู้ชาย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะแยกย้ายออกจากพื้นที่เกิดเหตุ ส่วนตัวไม่เคยเห็นรถทั้งสองคันมาก่อน เพราะเป็นคนนอกพื้นที่ ซึ่งคาราวานรถหรูก็เพิ่งจะเห็นเมื่อวานนี้เป็นครั้งแรก
นางมาลัย เสือกระจ่าง อายุ 42 ปี คนขับรถกระบะ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เมื่อวานนี้ตนเองเดินทางไปพร้อมกับลูกสาววัย 14 ปี โดยจะเดินทางไปส่งของที่ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ระหว่างทางนั้นตนเองสังเกตเห็นรถรู้ว่าที่อยู่ด้านขวามือกำลังชะลอรถ เพื่อที่จะเลี้ยวขวาเข้าไปยังสนามบินสุโขทัย ตนเองเห็นแล้วว่ามีรถหรูสีเขียวที่ผ่านไปแล้ว และคันอื่น ๆ กำลังชะลอจอดอยู่ แต่ไม่เห็นรถของคู่กรณี
จังหวะที่ปาดหน้าออกมาตนเองจึงเบรกไม่ทัน ทำให้ชนกลางคัน หลังจากเกิดเหตุจึงมีการพูดคุยกับคู่กรณีทันทีโดยช่วงแรก ทางคู่กรณีบอกว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด แต่เมื่อเห็นคลิปที่ถ่ายโดนพลเมืองดีแล้ว ทางฝั่งคู่กรณีก็พูดคุยดี และยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด
ส่วนตัวไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด และยอมรับว่ายังอยู่ในสภาพที่ตกใจอยู่ รวมถึงลูกสาวด้วย ปกติจะวิ่งส่งของก็จะใช้ถนนเส้นนี้ประจำ ล่าสุดได้พูดคุยและเคลียร์กับคู่กรณีเป็นที่เรียบร้อย อยู่ระหว่างนำรถส่งให้บริษัทประกันประเมินความเสียหาย ส่วนตัวไม่ติดใจเรื่องคดีความแล้ว แต่อยากจะขอแก้ข่าวที่มีบางเพจที่ลงข่าวว่าคู่กรณีมีการซื้อรถให้ตนเองใหม่นั้นไม่เป็นความจริง
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ให้ความเห็นกรณีนี้ว่า ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 51 อนุ 2 การเลี้ยวรถ ให้ปฏิบัติดังนี้ ถ้าจะเลี้ยวขวา เมื่อรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่สวนมาในทางเดินรถทางเดียวกันผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เลี้ยวขวาไปได้ กรณีดังกล่าวลัมโบร์กินีต้องถูกปรับ 500 บาท แต่หากระบะได้รับบาดเจ็บแก่ร่างกายจนสาหัสก็จะถูกเพิ่มโทษ ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกถึง 10 ปี
