จากกรณีกลางดึกของรอยต่อวันที่ 6-7 พ.ย. 65 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพังงา นำโดย พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพังงา นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.พังงา ร่วมกันติดตามเข้าจับกุมตัว นายวิโรจน์ ชัยสุทธิ์ หรือ "โรจน์ บ้านลาน" อายุ 45 ปี ชาวบ้าน ต.โคกเจริญ อ.ทับปุด จ.พังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีของกลางยาบ้า 150,000 เม็ด ยาไอซ์ 2.3 กิโลกรัม ในพื้นที่ สภ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี
โดยเจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อยาเสพติดจากนายวิโรจน์ แต่เจ้าตัวไหวตัวทันจึงขับรถกระบะหลบหนี เข้าซอยในพื้นที่ หมู่ 1 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา จากนั้นได้จอดรถแล้วพยายามใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้ถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัวจนเสียชีวิตภายในสวนปาล์ม
ล่าสุด วันที่ 7 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของนายวิโรจน์ ชัยสุทธิ์ สถานที่บำเพ็ญกุศลศพและสวดอภิธรรมผู้ตาย บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นางจันทนา คงกิจ อายุ 43 ปี อดีตภรรยาของผู้เสียชีวิต บอกว่าตนได้เลิกรากับนายวิโรจน์ประมาณ 3 ปีแล้ว เดิมทีใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ ซึ่งร่วมกันกู้หนี้ มาสร้างบ้านจำนวน 300,000 กว่าบาท ช่วยกันจ่ายมาตลอด และมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 24 ปี มีครอบครัวแล้ว คนเล็กอายุ 14 ปี แต่พอเลิกรากันตนก็ออกไปอยู่กับสามีใหม่ที่พื้นที่อื่น ไม่ได้ติดต่อกัน ยอมรับว่าขณะที่คบกับนายวิโรจน์มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดมาโดยตลอด และทะเลาะกันบ่อย จนตนไม่สามารถอยู่ต่อด้วยกันได้ เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว หวั่นว่าวันหนึ่งจะโดนคดีไปด้วย แต่ทราบว่าเขาไม่เคยค้าขายหรือมีไว้ครอบครองจำนวนเยอะ
ต่อมาทราบว่าเขาถูกคดีเกี่ยวกับร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า หรือการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในชุมชน แล้วนายวิโรจน์มีพฤติกรรมหลบหนี ตนก็รู้สึกเครียดมาก เพราะรู้เลยว่าหากถูกจับหรือเป็นอะไรไป ลูกสาว 2 คนต้องลำบาก แล้วสุดท้ายเหตุการณ์นั้นมันก็เกิดขึ้นจริง
ส่วนกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญนั้น ตนก็มองว่ามันน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ สามารถพูดคุยกันได้หรือไม่ ตนเชื่อว่าเขามีความคิดอยากจะมอบตัวอยู่แล้ว แค่รอเวลา เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณกลางปี 2565 เขาเคยโทรมาบอกกับลูกสาว 2 คนว่า "ขอเวลาเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จ แล้วพ่อจะออกมามอบตัว" หลังจากนี้ตนก็คงต้องเข้ามาดูแลลูก ๆ มากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าลูกสาวคนโตและครอบครัวจะสามารถดูแลน้องกับบ้านหลังนี้ได้ ส่วนหนี้ ธกส. ที่เหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ตนก็จะเป็นฝ่ายหามาจ่ายเอง
นางสาวบุปผา ชัยสุทธิ์ อายุ 24 ปี ลูกสาวคนโตของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ที่ผ่านมาแม้ว่าพ่อจะเสพยาเสพติดมาตลอด แต่พ่อเคยบอกว่าเหตุผลที่ต้องเสพก็เพราะจะได้มีแรงในการทำงาน ทำสวน ซึ่งต้องใช้กำลังเยอะ แต่ส่วนใหญ่พ่อจะออกไปเสพที่อื่น ไม่เคยเสพที่บ้านให้ลูกเห็น เท่าที่ตนทราบพ่อเคยถูกจับกุมในข้อหาเสพมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง ติดคุกครั้งละประมาณ 8-9 เดือน ครั้งล่าสุดคือเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน และมาถูกคดีใหญ่อีกเมื่อเมษายนที่ผ่านมา
ซึ่งหลังจากตนทราบว่าพ่อถูกออกหมายจับ พ่อก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย ทราบว่าไปมีภรรยาใหม่ แต่ตนก็ไม่เคยรู้ว่าพ่อไปอยู่ที่ไหน เพราะนาน ๆ ครั้งพ่อจะโทรศัพท์มาหา และบอกกับตนว่าคิดถึง โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบ ฝากให้ตนช่วยดูแลน้อง ดูแลตัวเองเสมอ แต่ทุกครั้งที่โทรมาพ่อก็จะเปลี่ยนเบอร์ตลอด ตนไม่สามารถติดต่อพ่อกลับได้เลย และไม่เคยได้คุยกันผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
ครั้งล่าสุดที่พ่อโทรมาคือช่วงเย็นของวานนี้ ตนก็รู้สึกแปลกใจตั้งแต่ตอนนั้น เหมือนเป็นลางสังหรณ์ เพราะพ่อโทรมาบอกว่าหิวข้าว ให้ซื้อข้าวตั้งไว้ที่หน้าบ้านหน่อย แล้วเดี๋ยวพ่อจะเข้ามาเอา ซึ่งต่างจากปกติที่พ่อไม่เคยเข้ามาที่บ้านหลังนี้เลย ตนก็คิดว่าพ่อคงจะกลับมาจริง ก็เลยไปซื้อข้าวหมกไก่มาตั้งไว้ที่หน้าบ้าน และเฝ้ารอเพื่อที่จะได้เจอหน้าพ่อ แต่สุดท้ายพ่อก็ไม่ได้เข้ามาที่บ้าน จนกระทั่งตี 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาบอกว่าพ่อถูกยิงเสียชีวิตแล้วที่ตำบลใกล้เคียง และให้ตนเข้าไป พอตนเดินทางไปถึงก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ เพราะพ่อจากไปเร็วมาก ยังไม่ทันได้ร่ำลา ข้าวที่ตนซื้อให้พ่อก็ยังไม่ทันได้กิน ตนก็เลยเอาข้าวหมกไก่นั้นทิ้งไปแล้ว
สำหรับตนแล้วอยากจะบอกกับดวงวิญญาณของพ่อว่า "หนูจะดูแลน้องเป็นอย่างดี จะทำหน้าที่ทุกอย่างแทนพ่อให้ได้" และอยากฝากให้กรณีของพ่อตนเป็นอุทาหรณ์กับสังคม เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดว่ามันไม่ใช่สิ่งดี มันทำลายครอบครัว อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดล้างยาเสพติดให้หมดไป
