จากกรณีเมื่อเวลา 07.58 น. วันที่ 25 ต.ค. 65 พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ สืบเรือง สารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พร้อม แพทย์เวร รพ.มะการักษ์ และอาสาสมัครกู้ชีพขุนรัตนาวุธ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำ จ.กาญจนบุรี ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุและชัณสูตร พบศพ น.ส.ฟาริดา สาวท่ามะกา อายุ 28 ปี สวมยกทรงสีดำ กาเกงขาสั้นสีดำ ลอยอืดในน้ำคลองชลประทาน สายท่าสาร-บางปลา หมู่ 1 ต.ดอนชะเอม อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ห่างศพ 50 เมตร บนฝั่งคลองตรงข้ามจุดพบศพ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิ๊กสีขาว บนรถพบคราบเลือด บนบกใกล้เคียงจุดที่รถตกน้ำใกล้ที่เกิดเหตุห่างจากจุดพบศพ 50 เมตร พบผ้าห่มคราบเลือด มีเส้นผม 1 กระจุก อยู่บนพื้นดินข้างตลิ่ง
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ คลองชลประทาน สายท่าสาร-บางปลา หมู่ 1 ต.ดอนชะเอม อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี โดยสภาพแวดล้อมเป็นทุ่งนา ลำคลองตามธรรมชาติ ไม่มีบ้านคนที่อาศัยอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ พบรอยเลือดตกอยู่ที่พื้น และมีเพิงกระต๊อบอยู่ใกล้ ๆ ถัดออกไปมาณ 15 เมตร ก็เป็นในส่วนของคลองชลประทาน
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.ดวงนภา เหมือนละม้าย อายุ 48 ปี แม่ของสามีผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า น.ส.ฟานิดา เป็นสะใภ้ที่บ้านของตนมานานกว่า 10 ปี มีลูกสาว 2 คน ซึ่งไม่ได้เลิกรากับลูกชายของตนแต่อย่างใด จะมีทะเลาะกันบ้างก็ตามประสาสามีภรรยา แต่ไม่ได้รุนแรงถึงกับตบตีกัน
แต่ล่าสุดเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา น.ส.ฟานิดา มีปากเสียงกับตน เนื่องจากแอบเอาเงินที่ซื้อหวยของตนไปใช้ พอจับได้ก็ด่ากันไม่ไว้หน้า ตนเลยให้กลับไปอยู่บ้านยายตัวเอง ซึ่งก็ไม่ห่างกันกับบ้านของตน จากนั้นเขาก็เทียวไปเทียวมาหาลูกเขา ซึ่งวันที่ 23 ต.ค. 65 ช่วงเย็น ลูกสาวของผู้เสียชีวิตบอกกับตนว่าติดต่อแม่ไม่ได้ ตนเลยถามลูกชายซึ่งติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนใจอะไร เพราะ น.ส.ฟานิดา บอกพี่สะใภ้คนโต ว่าจะไปทำงานชงเหล้า และไปเอาเงินกับคนชื่อโก๊ ซึ่งตนไม่รู้จัก
จากนั้นเฟซบุ๊กของ น.ส.ฟานิดา ก็มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นใครตนก็ไม่รู้ และเปลี่ยนเป็นรูปสลิปต์การโอนเงินให้ลูกชายตนเป็นโปรไฟล์ ตอนนั้นก็ถึงจะเริ่มเอะใจ เพราะปกติถ้า น.ส.ฟานิดาเปลี่ยนรูปก็จะเปลี่ยนเป็นรูปสวย ๆ ของตัวเอง
ตอนทราบข่าวว่ามีคนพบศพลอยน้ำ แล้วระบุว่าอาจจะเป็น น.ส.ฟานิดา ซึ่งตนไปที่เกิดเหตุก็รู้สึกตกใจเพราะว่าศพที่เจอคือลูกสะใภ้ของตน ซึ่งสงสารมากสภาพเหมือนโดนของแข็งทุบที่ใบหน้า และบริเวณศีรษะมีแผลเกือบ 6 จุด ยังพบเส้นผมที่ถูกตัดอีกด้วย ซึ่งไม่มีรากผม จึงมองว่าถูกผู้ก่อเหตุทำ โดย น.ส.ฟานิดา พื้นฐานเป็นคนสู้คน ไม่ยอมใครง่าย ๆ เชื่อว่าจะต้องมีการต่อสู้และขัดขืน
และถึงแม้ว่าจะมีปากเสียงกันบ้างกับลูกสะใภ้ แต่ตนก็รักเหมือนลูกของตัวเอง เพราะอยู่กันมานานกว่า 10 ปี และมองว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนโหดเหี้ยมมาก ซึ่งตนคาดว่าอาจจะเป็นเรื่องของชู้สาว แต่ยืนยันได้ว่าลูกชายของตนไม่ได้เป็นคนก่อเหตุตามที่ญาติสงสัย ซึ่งตอนนี้ลูกชายได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้ว และเข้าสอบปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อความบริสุทธิ์ใจ อยากให้ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนก่อเหตุได้ในเร็ว ๆ นี้
ขณะเดียวกันตำรวจ สภ.ท่ามะกา ได้พาตัว นายนพดล เหมือนละม้าย สามีผู้เสียชีวิต ไปตรวจร่างกายและเข้าสอบปากคำ โดยภายหลังที่ตำรวจมีการพาตัวสามีผู้เสียชีวิตกลับจากการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายนพดล เหมือนละม้าย สามีผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า วันสุดท้ายที่ได้คุยกับนางสาวฟานิดา คือ 23 ต.ค.65 เขามาฝากลูกไว้กับตน 1 วัน และบอกกับลูกสาวว่า 22.00 น. นางสาวฟานิดาจะมารับ แต่ก็ไม่ได้มา ลูกสาวก็ติดต่อไม่ได้ ตนก็ติดต่อไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะออกไปตามหาที่ไหน เพราะเขาไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ เขาอาจจะเข้าใจกันว่า เลิกกัน ซึ่งก็ไม่ได้เลิกกันขาด เหมือนทะเลาะกันมากกว่า หลังทะเลาะกับแม่ตน เลยให้กลับไปอยู่บ้าน เลยเหมือนว่าแยกกันอยู่ แต่ก็ยังไปมาหากันตามปกติ ส่วนจะเป็นเรื่องมือที่ 3 หรือไม่นั้นตนไม่รู้ เพราะตนมารู้จากลูกสาว ว่าคนชื่อโก๊ เปิดอู่ซ่อมรถ (ไม่แน่ใจว่าชื่อใหม่เซอร์วิสหรือไม่) โดยเคบรับตัวนางสาวฟานิดา ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับลูกสาว แล้วก็กลับบ้าน เลยไม่รู้ว่าเป็นมือที่ 3 เป็นแฟนคนใหม่ หรือเป็นเพื่อน
ส่วนคนก่อเหตุ ตนก็สงสัยเหมือนกันว่าคือใคร แต่ขอเจอตัวเจอหน้าก่อน และขอให้ตำรวจจับได้ ซึ่งไม่มีลางสังหรอะไร แต่มีนกแสกมาร้องหน้าบ้านก็ไม่คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไร ส่วนที่ตำรวจพาตัวไปตรวจร่างกาย เพราะตำรวจก็สงสัยเป็นธรรมดา แต่ส่วนตรวจนั้น จะได้ทำให้ฝ่ายญาติผู้ตายสบายใจว่าตนไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ เพราะเขาคงสงสัยตน และช่วงเวลาที่คาดว่าจะเกิดเหตุ ตนก็มีพยานแวดล้อมหมด และเชื่อไม่ได้ว่านี่จะเป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันทีมข่าวพูดคุยกับ น.ส.รุ้งนภา ผลอุดม อายุ 35 ปี พี่สะใภ้ของผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 65 เวลาประมาณ 15:00 น.น.ส.ฟานิดา ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นน้องสะใภ้ ส่งข้อความผ่านแชตเฟซบุ๊กมาบอกว่ารู้สึกเซ็ง ๆ จะแวะเข้ามาหาตนที่บ้าน ก่อนที่จะไปเอาเงินกับคนชื่อโก๊ ซึ่งคนชื่อโก๊ ตนเคยได้ยิน น.ส.ฟานิดา ผู้เสียชีวิต พูดถึง ว่าเป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเวลาเดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ส่วนตัวไม่เคยเจอ และไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวกับ น.ส.ฟานิดา ว่านายโก๊คือใคร
พอตกช่วงเย็น ก็ไม่เห็น น.ส.ฟานิดา เข้ามาที่บ้าน เลยคิดว่าไม่มาแล้ว ซึ่งเวลาประมาณ 20.00 น. นายนพดล สามีของผู้เสียชีวิต โทรมาสอบถามว่า น.ส.ฟานิดา มาหาที่บ้านหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้มาหา ทางนายนพดล ก็เลยวิตกกังวล ตนเลยคิดว่า น.ส.ฟานิดา อาจจะแค่ไปเล่นบ้านเพื่อนตามเคย เขาเอาตัวรอดเก่ง ก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมาเหมือนเดิม
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างนายนพดล และ น.ส.ฟานิดา ไม่ได้มีการเลิกรากัน เพียงแค่แยกกันอาศัยอยู่คนละบ้านเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็เห็นว่ามีปากเสียงกัน แต่ก็ไม่ถึงกับรุนแรงลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน แค่จะง้องอน และหึงห่วงกันเป็นธรรมดา และวันที่ 23 ต.ค.65 นายนพดล ก็มีพยานว่าอยู่ด้วยกันจริง
ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คาดคิดว่าศพที่ลอยน้ำมาจะเป็น น.ส.ฟานิดา เพราะยังคงมีความเชื่อว่า เขาเอาตัวรอดเก่ง แต่พอระบุชัดว่าเป็นเขาก็รู้สึกตกใจช็อกมาก ส่วนคนก่อเหตุตนไม่แน่ใจว่าเป็นใคร และบุคคลที่ถูกกล่าวถึงจะมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดีกว่า
