วุ่น! หนุ่มปีนตึกตร.เครียดเต็นท์ซื้อดาวน์รถทำติดหนี้โดนคดี เซลส์ปัดเอี่ยวร่วมโกง (คลิป)

21 ต.ค. 65

วันที่ 21 ต.ค. 65 เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เกิดเหตุชายขึ้นไปบนชั้น 5 ของอาคารจอดรถ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปีนรั้วพยายามที่จะกระโดดลงมาด้านล่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ภรรยาของชายคนดังกล่าว ได้เดินทางมาเพื่อจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีที่ถูกเต็นท์รถหลอกซื้อดาวน์รถ

506660

สอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงพื้นที่อาคารที่เกิดเหตุ ทราบว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีชายต้องการจะกระโดดตึก เนื่องจากความเครียด ก่อนที่จะเจ้าหน้าที่ภรรยาของผู้เสียหาย และนักข่าวช่อง 3 ช่วยกันเกลี้ยกล่อมนานประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่สามารถช่วยชายคนดังกล่าวไว้ได้

957260

หลังจากนั้นจึงได้ประสานทาง พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ มารับตัวผู้เสียหายทั้ง 2 ราย เพื่อไปสอบปากคำที่ สภ.ท้องที่ ที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้

789988

นายตั้ม (นามสมมติ) อายุ 38 ปี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองได้นัดกับกลุ่มผู้เสียหายก็ประมาณ 10 คนที่โดนเต็นท์หลอก โดยจะเดินทางไปร้องเรียนที่กองปราบปราม ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเดินทางไปกองปราบมาก่อนหน้านี้เเล้ว ประมาณ 1-2 วัน ก็ไม่ได้มีความคืบหน้า โดยทางกองปราบได้บอกกับตนว่า "ต่อให้จะมีผู้เสียหายมากี่คนก็ไม่มีผลอะไร" ก่อนจะให้คำแนะนำว่าให้พวกตนไปร่างหนังสือเรียบเรียงเหตุการณ์มาว่าเกิดอะไรขึ้น

789385

ด้วยคำพูดดังกล่าวทำให้ตนเครียดมาก ตนเดินทางมาที่ สภ.เมือสมุทรปราการ 2 ครั้งแล้วไปที่กองปราบก็โดนไล่กลับ ไม่รู้จะต้องปรึกษาใคร พอไปปรึกษาทนาย ทนายก็พูดทำนองเดียวกับตำรวจว่าพวกตนเองทำผิดกฎหมาย เอาผิดจากเจ้าของเต็นท์ก็ยาก แนะนำให้ตนหาเงินจ่ายไฟแนนซ์แทน ซึ่งพวกตนเองก็ลำบากมากพออยู่แล้ว

856954

เมื่อวานนี้ตนคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ นอนไม่หลับ ภรรยาก็ป่วย ลูกก็ยังเรียนอยู่ เมื่อวานนี้ตนเองจึงได้หนีออกไปนอนที่บ้านเพื่อน ตนเครียดเพราะทางไฟแนนซ์ก็มาทวงค่างวดกับตนเพราะเต็นท์รถที่ตนเอาไปขายดาวน์นั้นไม่ยอมจ่ายค่างวดให้ เมื่อเช้าตนจึงตัดสินใจ เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คิดว่าน่าจะมีผู้ใหญ่บางท่านที่มีอำนาจช่วยตนได้ สาเหตุที่เกิดเหตุการณ์โดนโกงขึ้น เพราะ ตนไม่อยากเป็นหนี้ จึงได้ขายดาวน์รถเพื่อเปลี่ยนสัญญา หาคนมาเปลี่ยนสัญญารถเเค่นั้น ไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกหลอก เพราะตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย

ตอนนี้ตนยอมรับว่าจะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน เพราะตนเอารถติดไฟแนนซ์ไปขายดาวน์ ส่วนตอนนี้รถก็ไม่มีคืนไฟแนนซ์ ตนอยากจะให้ตำรวจช่วยตามรถให้ หรือหากมีคนที่รู้กฎหมายยื่นมามาช่วย ก็จะขอบพระคุณอย่างมาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนอยากจะให้ทุกคนที่เจอปัญหาเดียวกันนี้พยายามให้ถึงที่สุดก่อน อย่าเพิ่งคิดสั้นเหมือนตน ตนอยากจะบอกคนโกงว่าให้เลิกทำพฤติกรรมแบบนี้ คนอื่นเดือดร้อนมากพอเเล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่เอารถไปขายแบบนี้ แถมยังต้องมาถูกดำเนินคดีอีก

800753

นายเอ็ม (นามสมมติ) เซลส์ที่รับซื้อรถจากผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองเป็นพนักงานของเต็นท์ทำงานมาได้ประมาณ 1 ปี ก่อนหน้านี้ ตนเองไม่เคยทราบพฤติกรรมของเต็นท์รถนี้มาก่อน ทุกอย่างปกติเหมือนเต็นท์รถอื่นทั่วไป ตนมีหน้าที่หารถมือสองที่ขายดาวน์ จนกระทั่งมาเจอรถที่ผู้เสียหายประกาศลงเฟซบุ๊ก ตนก็พูดคุยกันตามปกติ ติดต่อขอซื้อดาวน์กัน ซึ่งหากมีการค้างค่างวดทางเต็นท์รถก็จะปิดให้เลย

หลังจากนั้นเจ้าของเต็นท์เริ่มจ่ายค่างวดรถของลูกค้าช้า อ้างว่ามีรถเยอะ เเต่ตนก็ยังไม่มั่นใจว่าเจ้าของเริ่มโกงผู้เสียหาย หลังจากนั้นตนก็ติดโควิด-19 ไม่ได้ไปที่เต็นท์มานานประมาณ 2 เดือนทางเจ้าของเต็นท์เองบอกกับตนว่าไม่ต้องเข้ามาที่เต็นท์รถ ตนเริ่มแปลกใจ เมื่อกลับมาทำงานก็พบว่ารถในเต็นท์หายไปเยอะ

นอกจากเคสนี้ยังมีเหยื่ออีกเกือบ 100 คน ตนช่วยในฐานะพยาน นอกจากตนแล้วยังมีพนักงานคนอื่นอีก 4 คน ที่โดนตรวจสอบด้วย โดยตอนนี้ทางเจ้าของเต็นท์เริ่มรู้แล้วว่าตนมาเป็นพยาน ตนไม่ค่อยสบายใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วันก่อน มีชายฉกรรจ์ 5 คน ขับรถฟอร์จูเนอร์สีดำมาถามหาตนที่บ้าน โชคดีตอนนั้นตนไม่อยู่ ส่วนเมื่อวานนี้ก็มีรถมาตามหาตนอีก

664801

นางผึ้ง (นามสมมติ) อายุ 46 ปี ภรรยาของนายตั้ม เล่าว่า ตนคบหากับสามีคนนี้มาได้ 11 ปีมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 7 ขวบ เมื่อช่วงปลายปี 2562 ตนเองทำงานเกี่ยวกับการตลาดของบริษัทแห่งหนึ่ง มีรายได้เดือนละ 60,000 บาท จึงตัดสินใจซื้อรถปาเจโร่ ราคาเต็ม 1.5 ล้านบาท ผ่อนชำระ 84 งวด ตกงวดละประมาณ 20,000 บาท โดยไม่ได้ปรึกษาสามี ต่หลังจากผ่อนไปได้ 20 งวด ตนก็ถูกออกจากงาน เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 โดยตนได้รับเงินเดือนตอนออก 240,000 บาท ทำให้ยังมีเงินผ่อนรถต่อได้อีกสักระยะ เหลังจากนั้นก็เริ่มไม่มีเงินพอส่งค่างวด เพราะสามีก็ต้องทำงานค้าขายเพียงลำพัง

ตอนนั้นตนเองเริ่มหาทางออกโดยคิดว่าจะคืนรถให้กับทางไฟแนนซ์ แต่บ้านสามีกลับบอกว่าหากคืนรถให้กับทางไฟแนนซ์ก็จะต้องเสียค่าส่วนต่าง ทำให้ที่บ้านเป็นหนี้เพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้ตนฝากขายดาวน์กับทางเต็นท์รถจะดีกว่า ในตอนนั้นตนเองก็มีความกังวลว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ แต่สามีก็ยืนยันกับตนว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้น สามีเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด

สุดท้ายพวกตนจึงตัดสินใจโพสต์ประกาศขายดาวน์รถ มีเต็นท์รถเเถวรามคำแหงติดต่อเข้ามา เมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว และนัดเข้ามาดูรถที่บ้าน พอมาถึงก็ตัดสินใจจะซื้อทันที ตกลงรายละเอียดกันว่าจะจ่ายเงินดาวน์ 136,000 บาท แต่ทางเต็นท์ขอทำสัญญาว่า ขอเวลา 3 เดือน หากขายรถได้จึงจะเปลี่ยนสัญญาให้ผู้ซื้อ แต่หากภายใน 3 เดือนยังขายไม่ได้ ก็จะเปลี่ยนสัญญานำรถเข้าเต็นท์ โดยในระยะเวลา 3 เดือนนี้ เต็นท์จะเป็นผู้จ่ายค่าผ่อนรถให้เอง หากผิดสัญญาจะชดเชยให้ 3 เท่า ตนจึงตกลง

625331

วันที่ 28 มิ.ย. คนของเต็นท์ก็มารับรถไป และตนก็ไม่ได้ติดตามรถอีก เงินดาวน์ที่ได้มา ก็นำไปจ่ายค่างวดที่ค้างไว้ 5 งวดทันที และเต็นท์รถก็จ่ายค่างวดถัดไปมาให้ จนกระทั่งผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาถามว่า ตนเป็นเจ้าของรถใช่หรือไม่ โดยอ้างว่า ซื้อรถตนจากเต็นท์ที่ จ.นครสวรรค์ แต่เต็นท์ไม่ยอมโอน บอกว่าเจ้าของไม่ยอมโอนให้ ตนจึงเอะใจติดต่อไปยังเต็นท์รถที่ซื้อรถตนไป ทางเจ้าของก็บอกว่าไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องไปคุยด้วย เดี๋ยวเต็นท์จะจัดการเรื่องสัญญาให้ และได้นัดวันเปลี่ยนสัญญา แต่พอถึงวันก็เลื่อนนัด อ้างว่าเช็คไม่พร้อม เลื่อนนัดถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งถึงวันที่ 30 ก.ย. ก็ไม่สามารถติดต่อทางเต็นท์ได้อีกเลย จนตนทนไม่ไหว ด่ากลับไปว่า "คุณอย่าเลวไปมากกว่านี้เลย" มีการตอบกลับมาว่า "คุณมาด่าผมแบบนี้ได้ยังไง ผมพยายามเอารถคืนคุณอยู่" หลังจากนั้น ตนก็ได้รับความช่วยเหลือจากเซลส์ที่เคยทำงานที่เต็นท์รถดังกล่าวให้ช่วยตามหารถ มีผู้เสียหายหลาย 10 ราย

จนกระทั่งวันนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาสามีของตนติดต่อกลับโดยบอกให้ตนเดินทางไปที่กองปราบปราม เนื่องจากว่าสามีได้นัดกลุ่มผู้เสียหายไว้ที่นั่น แต่หลังจากนั้นไม่นาน สามีก็บอกอีกว่าให้เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเเทน ตนเองเห็นว่าสามีมีอาการเครียดมาก จึงไม่ได้เซ้าซี้ ก่อนสามีจะรีบเดินเข้าไปด้านในเเละบอกให้ตนรออยู่ด้านนอกเเทน ตนสามีหายไปนาน ตนจึงโทรหา แล้วมีตำรวจก็บอกกับตนว่ามีคนจะกระโดดตึกลานจอดรถ เมื่อตนมองขึ้นไปก็เห็นสามีกำลังจะกระโดด ตนเเทบเป็นลม หลังจากเกิดเหตุ สภาพจิตใจสามีก็เริ่มปกติเเล้ว ตนไม่รู้ว่าตอนนั้นสามีคิดอะไร ตนเองก็ไม่กล้าถามถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าที่เกิดขึ้น ไม่อยากซ้ำเติม ได้แต่พูดถึงลูกเท่านั้น ส่วนรถของตนตอนนี้ทราบแล้วว่าอยู่ที่ใคร ผู้ที่ซื้อรถจากเต็นท์ไปในราคา 890,000 บาทนั้นก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส