ไม่กลัวบาป! 2 ชายบุกต่อยพระ เชื่อใบสั่งแค้นไม่แบ่งที่ ผู้ใหญ่ถูกโยงปัดเอี่ยว (คลิป)

14 ต.ค. 65

จากกรณี​มีชาวบ้าน​ ในอำเภอพิปูน​ จ.นครศรีธรรมราข​ แจ้งทีมข่าวเข้ามาว่ามีชายฉกรรจ์​ 2 คนเข้ามาทำร้ายร่างกายพระหรั่ง​ อดีตเจ้าอาวาส วัดสุวรรณคีรี​ ​หรือ วัด​นางเอื้อย​ และยังชักปืนขู่ด้วย​

137690

โดยในสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช​ ก็มีการโพสต์ข้อความ​ถึงเรื่องนี้ด้วย​ ระบุว่า​ “ชักกปืนขู่พระ”ลูกขวานนักการเมืองชายชฉกรรจ์ 2 คน บุกชกปากพระหรังแหกเลือดพ่าน ก่อนชักปืนออกมาจากเอวขู่ให้กลัวเหตุ เกิดในวัดดัง อ.พิปูน ในขณะพระเตรียมงานทอดกฐิน พระรุดแจ้งความแล้วที่ สภ.พิปูน คาดขัดเรื่องผลประโยชน์ในวัดดัง

554868

ล่าสุดทีมข่าวได้ติดต่อพระที่ถูกทำร้ายร่างกายได้​ ชื่อว่าพระครูสุวรรณธีรัตน์​ พระลูกวัดห้วยกลาง​ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า​ ตนได้ไปช่วยทางโรงเรียนวัดนางเอื้อย​ทำพิธีทอดผ้าป่า ​ขณะเตรียม​ของ​ได้​มีชายฉกรรณ​์​ 2 คน​ 

cg

คนหนึ่งที่ตนจำได้​เลย​ นายเอกพล​ สุทธิ​ อายุประมาณ​ 41 ปี​ อีกคนหนึ่งไม่รู้จักชื่อสวมเสื้อสีดำ​ โดยในเอกพลเป็นคนลงมือชกต่อยอดีตเจ้าอาวาสถูกที่แขนซ้าย 1 ครั้งและถูกที่ปากตนเอง 1 ครั้ง​ หลังจากนั้นก็มีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาห้าม​ นายเอกพล​และพวกได้ชักปืนขู่​ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับพระอาจารย์​ถือมีดพร้า​ได้ยกมีดพร้าขู่เช่นกัน​ ทั้งสองคนจึงขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี​

หลังจากนั้นชาวบ้านและผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนางเอื้อยได้พาตน​ ไป​ทำแผล​และแจ้งความดำเนินคดีกับคนก่อเหตุ​ โดยพระครูสุวรรณธีรัตน์ยืนยัน ว่าคนที่ทำร้ายร่างกายตนคือนายเอกพลซึ่งตนจำได้แม่น และชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ก็เห็นเหตุการณ์และจำได้เช่นกัน​เพียงแต่ไม่ได้มีใครถ่ายภาพเอาไว้​ แต่ก็มีชาวบ้านให้ความร่วมมือไปเป็นพยานให้ที่สถานีตำรวจ

296393

ทีมข่าวสอบถามมูลเหตุ​ พระครูสุวรรณธีรัตน์เผยว่า เดิมตนเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัด​​วัดนางเอื้อย​ และออกจากวัดมาตั้งแต่ปี​ 61 เพราะถูกข่มขู่​จากผู้ใหญ่บ้าน​และพรรคพวก​บอกจะเอาไม้ตีหน้า​ หลังจาก​ที่ผู้ใหญ่บ้าน​มาขอให้พระครูสุวรรณธีรัตน์​ออกโฉนดรางวัดที่ดินของวัดเพื่อจัดสรรทึ่ให้ชาวบ้านสามารถเช่าพื้นที่อยู่ได้​​ แต่พระครูสุวรรณธีรัตน์​ไม่ยินยอม​ บอกว่าต้องไปสอบถามกับทางสำนักพุทธศาสนา​เอง​

ผู้ใหญ่บ้านจึงโมโหแล้วบอกว่า​น่าถูกไม้ตีหน้า​ เพราะพื้นที่ของวัดมีบ้านของชาวบ้านอยู่ 25 หลังคาเรือนที่อาศัยที่วัดอยู่และปลูกเป็นห้องแถวด้วย​ ในจำนวนนี้เป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้านและญาติ ๆ ด้วย​ ต่อมาพ่อของผู้ใหญ่บ้านก็ได้มาเจรจากับตนอีกเพื่อที่จะขอให้ทำการรางวัดที่ดินของวัดและแบ่งพื้นที่เช่าที่ดินให้กับชาวบ้าน​ ตนจึงได้ปฏิเสธอีกครั้งและจึงถูกพ่อของผู้ใหญ่บ้านขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย​เมื่อไรก็ได้​ พระครูสุวรรณธีรัตน์จึงตัดสินใจออกจากวัดนางเอื้อย​ ไปจำพรรษาที่วัดอื่นใน จ.สุราษฎร์ธานี​ และ จ.นครศรีธรรมราช​

พอกลับมาช่วยงานบุญ​ที่วัดเดิม​จึงถูกทำร้ายร่างกาย​ จึงคิดว่าอาจมีความเป็นไปได้ว่าที่นายเอกพลมาทำร้ายร่างกายตนเป็นเพราะปมปัญหาเก่าที่ตนเคยมีปัญหากับผู้ใหญ่บ้าน เพราะนายเอกพลกับผู้ใหญ่บ้านสนิทกัน โดยนายเอกพลรับจ้างขับรถสิบล้อให้ผู้ใหญ่บ้าน​

556872

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปยังบ้านของนายเอกพล​ สุทธิ​ อยู่ในหมู่ที่ 6 ต.กะพูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ได้สอบถาม​ญาติ ๆ นายเอกพล​ คือ นายพงศุวรรณ​ พิบูลย์​ อาของนายเอกพล​ บอกกับทีมข่าวว่า​ เพิ่งทราบเรื่องพระครูหรั่งถูกต่อย​ โดยบอกว่าพระครูหรั่งเป็นพระนักพัฒนา หาเงินเข้าวัดช่วยโรงเรียนได้เยอะและทราบว่าพระครูมีปัญหากับผู้นำท้องถิ่นแต่ก็ไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องอะไรแต่มีปัญหากันจนถึงขั้นพระครูหลั่งต้องออกจากวัด​

ยอมรับว่าในพื้นที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งก็จะชอบพระครูหรั่ง​ อีกส่วนจะไม่ค่อยชอบเพราะพระครูหรั่งมักจะเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา​ พูดโผงผาง ​แต่ส่วนตัว​ชอบพระครูเพราะเป็นนักพัฒนาวัดและโรงเรียน​ ชาวบ้านก็ไปช่วยงานท่านตลอด​ ส่วนเรื่องเงินทองของวัดมั่นใจว่าพระครูหรั่งไม่ฉ่อโกงแน่นอน ส่วนเรื่องที่นายเอกพลไปก่อเหตุชกต่อยพระครูหรั่งจริงหรือไม่เรื่องนี้ตนไม่ทราบจริง ๆ​ แต่รู้ว่าเอกพลสนิทสนมกับผู้ใหญ่บ้านที่มีปัญหากับพระครูหรั่ง​เห็นไปมาหาสู่กันประจำ​

ล่าสุดทีมทีมข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่บ้านปรากฏว่า ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าทราบเรื่องแล้ว ส่วนที่พระครูอ้างว่าก่อเหตุก็ได้ไปแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และชี้แจงว่าไม่ได้เป็นคนก่อเหตุโดยผู้ใหญ่บ้านยังบอกอีกว่า ส่วนตัวตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับทางพระครูมี แต่ทางพระครูที่ไม่ค่อยชอบตน​ โกรธตน เพราะสมัยก่อน​มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินวัด ปรากฏว่าพระครูไม่สามารถตอบคำถามเจ้าหน้าที่ได้ ตนก็ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ไปตามข้อเท็จจริง​ พระครูจึงโดนเพ่งเล็งเรื่องเงินบริจาคของวัด และก็ได้หลบหนีออกจากวัดไปแล้วก็โกรธตนที่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตรงไปตรงมา​

ส่วนนาย​เอกพล​ ยืนยันว่ารู้จักกันผิวเผิน​ไม่ได้สนิทกันมาก​ คือเป็นคนในหมู่บ้าน​รู้จักกัน​ทั่วไปและก็ทราบว่าจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่พระครูถูกต่อยนายเอกพลยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนลงมือทำ

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส