หดหู่! หนุ่มเพิ่งกลับจากเยอรมัน ถูกฆ่าเผาอำพราง ทิ้งศพ​ในโรงเรียนใกล้บ้าน

11 ต.ค. 65

หนุ่มเพิ่งกลับจากเยอรมัน ถูกฆ่าเผาอำพราง ทิ้งศพในโรงเรียน ห่างจากบ้านราว 500 เมตร ตร.เร่งแกะรอย เค้นสอบ ยังไม่ชี้ชัดชิงทรัพย์หรือแค้นส่วนตัว

เมื่อเวลาประมาณ​ 20.30 น.​ (10​ ต.ค.65)​ พ.ต.ท.สกลณัฎฐ​ ปัตตาเทศา สารวัตร​ (สอบสวน)​ สภ.ประโคนชัย​ จ.บุรีรัมย์​ ได้รับแจ้งพบศพคนถูกเผาเสียชีวิต​ ภายในบริเวณโรงเรียนบ้านแสลงโทน​ ต.แสลงโทน​ อ.ประโคนชัย​ คาดว่าน่าจะเป็นการฆ่าเผาอำพราง  จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนประสานแพทย์เวรฯ​ รพ.ประโคนชัย​ พร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างจุดประโคนชัย​ และหน่วยกู้ภัยบ้านสองเมือง ร่วมตรวจสอบจุดเกิดเหตุ

ทั้งนี้ พ.ต.อ.เจษสฤษฎ์ แพ่งศรีสาร ผกก.สภ.ประโคนชัย​ พร้อมด้วยเจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสวนภูธรจ.บุรีรัมย์​ ชุดสืบสวน​ สภ.ประโคนชัย​ ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุด้วย

เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณด้านหลังโรงเรียนบ้านแสลงโทน  ​พบศพ นายธนทัต​ หรือหนั้ม​ อายุ​ 21​ ปี​ นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต​ ในสภาพบริเวณหน้าผากคล้ายถูกของแข็งตีเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกไฟไหม้ทั้งเสื้อยืดและกางเกงที่สวมใส่เกือบทั้งหมด ลามไปจนถึงผิวหนังตามร่างกายบางส่วน ข้างศพพบรองเท้า 1 คู่ ไฟแช็ค 1 อัน คราบน้ำมันและหยดน้ำตาเทียนที่คาดว่าคนร้ายใช้ในการก่อเหตุสังหารโหด

ทั้งนี้ยังเจอกระเป๋าสะพายสีฟ้าซึ่งเป็นของผู้ตาย วางอยู่บนตะแกรงเหล็กที่ไว้สำหรับใส่ขวดพลาสติกหรือขยะรีไซเคิลของโรงเรียน  เมื่อตรวจสอบในกระเป๋าสะพายดังกล่าวก็พบกระเป๋าตังค์สีน้ำตาล 1 ใบด้านในมีเงินจำนวน 280 บาท  โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง  และบุหรี่ 2 ซอง เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนใจแก่ครอบครัวญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก 

ซึ่งจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดของร้านขายของชำ ซึ่งอยู่ติดกับกันบ้านของผู้ตาย ก็พบว่าเมื่อเวลา 18.55 น. นายธนทัต  ได้เดินออกจากบ้านผ่านหน้าร้านไปคนเดียวก่อนจะพ้นรัศมีกล้องวงจรปิดแล้วหายไปในความมืด แต่ไม่มีใครรู้ว่านายธนทัต จะเดินไปไหนหรือไปหาใคร แต่เป็นภาพสุดท้ายก่อนจะพบศพถูกฆ่าเผาอำพราง  

สอบถามนายนายบัญญัติ​ นักการภารโรง​ ซึ่งเป็นคนมาพบศพคนแรก เล่าว่า  ช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. วันนี้ (10 ต.ค.) ตนมาเข้าเวรที่โรงเรียนตามปกติแต่พอเดินเข้ามาภายในโรงเรียน ก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้และเห็นเปลวไฟอยู่บริเวณด้านหลังโรงเรียน ตอนแรกนึกว่าใครมาจุดเผาอะไรไว้ แต่พอเดินไปใกล้ๆ แล้วใช้ไฟฉายส่องดู เห็นเป็นขามนุษย์ ก็ตกใจจึงรีบไปเรียกชาวบ้านใกล้เคียงให้มาช่วยดูก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ อย่างไรก็ตามตอนที่เห็นเปลวไฟก่อนจะเดินเข้ามาเจอศพ ก็ไม่ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติ  จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น 

น.ส.ยุพาภรณ์​ หรือก้อย​ อายุ​ 22 ปี ภรรยาของนายธนทัต ผู้ตาย เล่าด้วยน้ำสียงสั่นเครือว่า  สามีเพิ่งกลับจากเยอรมันพร้อมกับครอบครัว ตอน 5 ทุ่มของคืนวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ 10 ต.ค.ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของตนเองทางครอบครัวญาติพี่น้องประมาณ 10 คน จึงได้มีการกินเลี้ยงฉลองสังสรรค์เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของตนเอง โดยเริ่มกินกันตั้งแต่ประมาณ 5 โมงเย็น  กระทั่งช่วง 6 โมงกว่าไม่เห็นสามีอยู่ที่บ้าน ก็คิดว่าน่าจะเดินไปซื้อของหรือเดินเล่นใกล้ๆ กระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นสามี ก็เริ่มใจคอไม่ดีจึงได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดที่ร้านค้าข้างบ้าน ก็พบภาพสามีของตนเองเดินผ่านหน้าร้านของชำไปคนเดียวช่วงเวลา 18.55 น. แล้วก็หายไปกับความมืดโดยไม่รู้ว่าจะไปไหนไปหาใคร กระทั่งมาทราบอีกทีว่ามีคนพบศพสามีถูกฆ่าเผาอำพรางที่โรงเรียนบ้านแสลงโทนแล้ว ก็รู้สึกช็อกมากทำอะไรไม่ถูก และไม่รู้สาเหตุว่าสามีถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเพราะอะไร เพราะสามีเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด

ขณะที่นายสุวรรณ​  ลุงของผู้ตาย บอกว่า ตนรักนายธนทัต  เหมือนลูกชายคนหนึ่งเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่แม่ของเขาจะพาไปอยู่ต่างประเทศด้วยแต่ก็ไปๆ กลับๆ ซึ่งหลานกับครอบครัวก็เพิ่งเดินทางมาจากเยอรมันได้คืนวันที่ 9 พอเย็นวันนี้ 10 ต.ค.65 ที่บ้านจึงมีการกินเลี้ยงสังสรรค์กันในครอบครัวเครือญาติ ประกอบกับเป็นวันเกิดของหลานสะใภ้ด้วย  ก็ไม่มีใครรู้ว่าหลานออกไปจากบ้านตอนไหนหรือไปหาใคร  มารู้อีกทีตอนที่มีคนไปพบว่าถูกฆ่าเผาอำพรางในโรงเรียนที่หลานเคยเรียนตอนเด็ก หลานเป็นคนในหมู่บ้านและเคยเรียนที่นี่ก็ไม่เคยเห็นหลานมีปัญหากับใคร จึงไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็อยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบทั้งภูธรจังหวัด และชุดสืบ สภ.ประโคนชัย  ก็ได้เร่งแกะรอยวงจรปิดใกล้เคียง และเรียกสอบผู้ต้องสงสัย เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุในดำเนินคดี เบื้องต้นยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นการเพื่อหวังเอาทรัพย์สิน หรือความแค้นส่วนตัว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส