จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะวัยรุ่น 2 กลุ่มตีกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ห่างจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพียง 100 เมตร เมื่อคืนวันที่ 5 พ.ค. 62 ซึ่งในคลิปมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งนั่งดื่มกินอยู่ด้านในร้านประมาณ 5-6 คน โดยมีผู้หญิงอยู่ด้วย 2 คน จากนั้นเพื่อนในกลุ่มซึ่งเป็นผู้ชายลักษณะอ้วนท้วม ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้เสียหายเดินไปสูบบุหรี่ที่หน้าร้าน สักพักหนึ่งได้มีวัยรุ่นอีกกลุ่มไม่ต่ำกว่า 8 คน ปาขวด ปาหิน และแก้วใส่กลุ่มของชายอ้วน และเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น จนถึงขั้นชกต่อยกันชุลมุน จนเพื่อนกลุ่มชายอ้วนเห็นเหตุการณ์ก็พยายามเข้าไปห้ามแต่ไม่สำเร็จ ลุกลามบานปลาย ซึ่งขณะนั้นภายในร้านมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและการ์ดของร้านอยู่ด้วย แต่ไม่สามารถห้ามได้ เนื่องจากจำนวนวัยรุ่นมีมากกว่า จึงได้ประสานสายตรวจของ สภ.พระนครศรีอยุธยา มาในที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่ยอมหยุด มีการชกต่อยกันต่อหน้าตำรวจนานเกือบ 20 นาที
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ฝ่ายของชายอ้วนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากถูกทำร้ายก่อน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน รวมทั้งเพื่อนผู้หญิง 2 คนในกลุ่มก็ถูกลูกหลงด้วย
ภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด
วันที่ 7 พ.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายปารุสก์ วิจันทร์ อายุ 23 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งยังพักรักษาตัวอยู่ พบว่าได้รับบาดเจ็บถูกตีด้วยขวดและเก้าอี้จนหัวแตก เย็บ 18 เข็ม และฟกช้ำตามร่างกาย ตอนนี้ยังมีอาการเบลอ และอาเจียน แพทย์จึงต้องทำการสแกนสมองและเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
อาการบาดเจ็บของนายปารุสก์
ด้านนายเจ (นามสมมติ) เพื่อนของผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เหตุเกิดวันที่ 5 พ.ค. เวลาเที่ยงคืน และร้านปิดแล้ว ขณะที่กลุ่มของตนยืนอยู่หน้าร้านและรอกลับบ้าน ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 10 คน นั่งอยู่ในร้าน ก็มีคนตะโกนด่าด้วยคำหยาบคาย ก่อนจะปาขวดมาที่กลุ่มของตน จึงถามกลับไปว่าปามาทำไม และมีการโต้เถียงกัน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาและกลุ่มของตนก็เดินไปสู้เพราะต้องการป้องกันตัว แต่อีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่า ทำให้เพื่อนของตน 2 คนได้รับบาดเจ็บ และที่เจ็บหนักคือนายปารุสก์ ส่วนเพื่อนอีกคนหน้าบวม ซึ่งตอนนี้นายปารุสก์ยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
นายเจ (นามสมมติ) เพื่อนนายปารุสก์
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องและไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน และทราบภายหลังว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งตอนนี้ตนและพรรคพวกยังต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่กล้าออกไปไหน
