เมืองเชียงใหม่เร่งสำรวจความเสียหายและซ่อมแซม ประตูช้างเผือก หลังแนวกำแพงอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวและพังทลายลงมาเป็นทางยาวกว่า 10 เมตร
วันนี้ (25ก.ย.65) กำแพงเมืองเชียงใหม่ บริเวณประตูช้างเผือกด้านนอกที่ก่อจากอิฐ ได้เกิดการทรุดตัวและพังทลายลงมาเป็นทางยาวประมาณ 10 กว่าเมตร โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผลจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ดินที่เป็นแนวกำแพงอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวและพังทลายลงมา
ล่าสุด นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มงานอนุรักษ์โบราณสถานสำนักศิลปากรที่7 เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และทำการปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเพื่อความปลอดภัยระหว่างดำเนินการสำรวจความเสียหาย
ทั้งนี้นายเทอดศักดิ์ เปิดเผยว่า จากตรวจสอบพบว่ากำแพงที่พังลงมาดังกล่าวนี้เป็นกำแพงที่ก่อขึ้นใหม่ช่วงพ.ศ.2500 ต้นๆ เพื่อคลุมแนวกำแพงเก่าโบราณไว้เท่านั้น ส่วนแนวกำแพงเก่าไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เบื้องต้นจากนี้จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ค้ำยันป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม พร้อมสำรวจความเสียหายและดำเนินการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน รวมทั้งจะดำเนินการสำรวจตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของกำแพงเมืองเชียงใหม่ทั้งหมดด้วย
ขณะที่นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. วันนี้ (25ก.ย.65) สันนิษฐานว่าน่าจะเนื่องมาจากช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักต่อเนื่องในตัวเมืองเชียงใหม่ ส่งผลให้กำแพงเมืองอุ้มน้ำไม่ไหวจนเกิดการทรุดตัวและพังลงมา อย่างไรก็ตาม กำแพงเมืองเก่าโบราณไม่ได้รับความเสียหาย เพราะส่วนที่พังลงมาเป็นกำแพงใหม่ที่ก่อคลุมทับไว้ ทั้งนี้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่และกรมศิลปากรเตรียมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสำรวจความเสียหายและซ่อมแซมบูรณะโดยเร็วที่สุด
ด้านนายวัลลภ นามวงศ์พรหม รองประธานสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่ กล่าวถึงเหตุดังกล่าวซึ่งชาวเชียงใหม่หลายคนมองว่าอาจจะเป็นลางบอกเหตุร้ายใดๆ หรือไม่ว่า เนื่องจากเหตุแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะจุดดังกล่าวไม่ได้มีต้นไม้ใหญ่ที่รากไม้อาจจะไปชอนไชหรืออยู่ติดทางน้ำไหล ดังนั้นหากมองในแง่ความเชื่อหรือจิตวิญญาณแล้วย่อมที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจและคิดไปได้ว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายใดๆ ขึ้น ฉะนั้นอาจต้องมีการทำพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลและความสบายใจของทุกฝ่าย