ภัยใกล้ตัว! แก๊งแฮกไลน์หลอกยืมเงิน 38 ราย พ่อเหยื่อช็อกโคม่า เช็กบัญชีโจร 7 ล้านถูกโอนข้ามประเทศ

จากกรณี น.ส.อรรจจิมา ศรีชนม์ หรือ วงแหวน อายุ 53 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าตึกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ และ wondcenter รพ.นครพนม ได้แจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชีพ ที่แฮกเฟซบุ๊กและไลน์ หลอกยืมเงินคนรู้จักถึง 38 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 62 โดนเพื่อนหลายคนทั้งในที่ทำงาน และต่างจังหวัด โทรศัพท์มาสอบถามว่ามีการทักไลน์เพื่อไปขอยืมเงินจำนวนหลักหมื่นถึงหลักแสนจริงหรือไม่ โดยมีเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินให้จำนวนมาก

ล่าสุด วันที่ 30 เม.ย. 62 น.ส.อรรจจิมา ผู้เสียหาย ให้ปากคำเพิ่มเติมกับ ร.ต.อ.สิทธิชัย จันโทศิริ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม พร้อมนำเอกสารหลักฐานประกอบคดี พร้อมเปิดเผยว่า หลังตกเป็นข่าวก็มีเพื่อนต่างสาขาอาชีพหลายคน โทรศัพท์มาสอบถามที่มาที่ไป ตนก็อธิบายว่าเพราะความที่ไม่เฉลียวใจ นึกว่าหลานตนมีปัญหาเรื่องเงินจริง ๆ แล้วมาขอยืม จึงโอนเงินไปให้ รวม 20,000 บาท จำนวน 2 บัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีน.ส.นูรี และชื่อบัญชีนายดุสิต

น.ส.อรรจจิมา กล่าวว่า คนร้ายได้แฮกไลน์ของหลานสาว ทักเพื่อขอยืมเงิน อ้างว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน ด้วยความห่วงใยจึงโอนไปให้ จนกระทั่งเวลา 12.11 น. ตนเข้าไลน์ตัวเอง จึงทราบภายหลังว่า คนร้ายได้แฮกไลน์ตนไปขอยืมเงินกับเพื่อนพยาบาลวิสัญญี รพ.นครพนม และอีกหลายคน รวมประมาณ 38 คน

และสิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ คนร้ายใช้ไลน์ตนขอยืมเงิน น.ส.เหมย จำนวน 34,000 บาท ขณะกำลังจะนำคุณพ่อที่ป่วยด้วยโรคไตวายไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดอุดรธานี แต่เพราะตนเคยช่วยเหลือดูแลคุณพ่อของน้องเหมยช่วงที่มาฟอกไตที่ รพ.นครพนม จึงมีความสนิทสนมกัน น้องเหมยเห็นว่าตนเดือดร้อนจึงยอมโอนเงินให้จนเกือบหมด โดยตอนที่น้องเหมยรู้ว่าตนถูกแฮกไลน์ ถึงกับเป็นลม เพราะไม่มีเงินพาพ่อไปรักษาต่อ เมื่อคุณพ่อทราบก็ช็อก ต้องรีบนำตัวเข้ารักษาที่ รพ.นครพนม ขณะนี้กำลังให้ออกซิเจน อาการยังน่าเป็นห่วง นอกจากนี้ น้องที่ทำงานเกี่ยวกับการเงินการธนาคาร ได้เช็กบัญชีของเจ้าของชื่อ 2 คน ทราบว่ามีเงินรวมกว่า 7,000,000 บาท และได้โอนออกไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้จนเกลี้ยง มีเงินค้างบัญชีเพียง 6 บาท ซึ่งความหวังที่จะได้เงินคืนคงริบหรี่