จากกรณีวันนี้ 13 ก.ย. 65 เวลาประมาณ 01.30 น.ตำรวจ สภ.หนองเสือ ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนยิง มีผู้เสียชีวิตบริเวณทางเข้าหมู่บ้านพรธิสาน 6 ม.8 ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จึงได้แจ้งแพทย์ฯ พิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจที่เกิดเหตุชันสูตรพลิกศพ
เมื่อไปถึงพบศพผู้เสียชีวิตชื่อนายสุธาทิพย์ หรือ มาร์ค อายุ 16 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณเพิงขายของตลาดทางเข้าหมู่บ้าน และทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อนายพัชรา อายุ 16 ปี กู้ภัยนำส่ง รพ.ธัญบุรี ไปก่อนแล้ว จากการชันสูตรพลิกศพ พบคาดเป็นรอยกระสุนปืนบริเวณหลัง จำนวน 1 จุดทะลุออกหน้าอกด้านซ้าย และพบอีก 1 จุดบริเวณขาขวาใต้น่องทะลุออกหน้าแข้ง ในส่วนของนายพัชรา มีรอยกระสุนปืนเข้าบริเวณไหล่ขวากระสุนฝังใน
จากการสอบสานนายวีรพัฒน์ วันสืบ อายุ 16 ปี คนขับรถ ทราบว่า ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากคลอง 8 เขต อ.ธัญบุรี โดยมีผู้บาดเจ็บนั่งซ้อนท้ายตรงกลางและผู้ตายนั่งท้าย เพื่อจะมาเอาเสื้อกับเพื่อนรุ่นพี่ ใกล้จุดเกิดเหตุเมื่อขับขี่ผ่านมาบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ คลองเจ็ด อ.คลองหลวง พบมีกลุ่มคนยืนอยู่ 2 ฝั่งถนน
ขณะขับผ่านได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนดังประมาณ 2-3 นัด จึงได้รีบขับขี่รถข้ามสะพานข้ามคลองมาฝั่ง อ.หนองเสือ ไปตรงบริเวณที่พบศพ จากการตรวจบริเวณใกล้กับศพผู้ตายพบอาวุธมีดความยาวรวมด้ามประมาณ 2 ฟุต ทราบจากนายวีรพัฒน์ ว่าน่าจะเป็นของผู้ตายที่ถือมาด้วย และค้นพบประทัดปิงปองจะนวน 4 ลูก อยู่ในกระเป๋าสะพายที่ผู้ตายสะพายอยู่
โดยวันนี้ทีมข่าวได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้าน พบว่า เวลาประมาณ 01.08 น. มีรถจยย.วัยรุ่นประมาณ 4 คันขับผ่านเข้าไปยังจุดเกิดเหตุก็คือฝั่งตรงข้ามหมู่บ้าน จากนั้นไม่กี่วินาที ก็จะเห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ขี่รถย้อนกลับมาทางเดินและขี่ข้ามมายังสะพานตรงข้ามหมู่บ้าน เลี้ยวขวาไปและย้อนกลับไปอีกทางผ่านหน้าหมู่บ้าน ซึ่งตำรวจคาดว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกับฝั่งคนตาย
จากนั้นประมาณ 1 นาที ก็จะเห็นว่ามีรถของกลุ่มคนตายขี่ซ้อน 3 ย้อนศพข้ามสะพานมายังหมู่บ้าน ซึ่งในภาพนี้จะเห็นว่าคนขับคือนายวีรพัฒน์ ส่วนคนนั่งกลางคือคนเจ็บชื่อว่านายพัชรา ส่วนคนซ้อนท้ายคือคนตายชื่อว่า นายสุธาทิพย์ หรือ มาร์ค
จากนั้นวงจรปิดในหมู่บ้าน ยังจับภาพในขณะที่กลุ่มคนตายพากันขี่รถเข้าไปในหมู่บ้านได้ประมาณ 50 เมตรและจะเห็นภาพไกล ๆ ว่านายสุธาทิพย์ หรือ มาร์ค คนตายล่วงลงจากรถ จนเพื่อนอีก 2 คนต้องขี่รถย้อนกลับมา กระทั่งช่วยกันลากร่างของนายสุธาทิพย์ เข้าไปยังร้านผลไม้ ก่อนจะมีคนในหมู่บ้านและกู้ภัยเข้าไปตรวจสอบในเวลาต่อมา
ล่าสุดวันที่ 13 ก.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ก็คือบริเวณหน้าร้านขายผลไม้ในหมู่บ้านพรธิสาร 6 หมู่ 1 ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เป็นหมู่บ้านที่ติดกับคลอง และมีสะพานข้ามไปยังถนนเลียบตำบลคลอง 7 ซึ่งบริเวณจุดนี้เป็นจุดที่กลุ่มวัยรุ่นทั้งคนเจ็บและคนตาย พากันขี่รถหนีตานเข้าไปภายในหมู่บ้าน ส่วนจุดที่มีการยิงกันเกิดขึ้น คือบริเวณศาลาไม้ฝั่งตรงข้าม ใน ต.คลอง 1
นายสำเริง (นามสมมติ) อายุ 68 ปี เป็น รปภ.ของหมู่บ้าน ที่เข้าเวรอยู่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เมื่อคืนนี้ประมาณตี 1 ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากอีกฝั่งคลอง ประมาณ 3 นัด จากนั้นก็มีวัยรุ่นขี่รถมอเตอร์ไซค์ข้ามสะพานย้อนศรเข้ามาในหมู่บ้าน 3 คน ซึ่งเท่าที่เห็นคนเจ็บเป็นคนซ้อนกลาง ส่วนคนตายนั่งซ้อนท้าย พอทั้ง 3 คนพากันขี่รถหนีตายเข้าไปในหมู่บ้านได้ประมาณ 50 เมตร คนตายคือคนซ้อนท้ายก็ล่วงลงจากรถ กระทั่งเพื่อนอีก 2 คน คือคนเจ็บและคนที่รอดชีวิต ต้องเลี้ยวรถกลับมาดึงร่างคนตายเข้าไปที่บริเวณร้านขายผลไม้
ยอมรับว่าตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนเองเข้าเวรกลางคืนมา 5-6 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ยืนยันก่อนที่จะได้ยินเสียงปืน ไม่ได้ยินเสียงวัยรุ่นทะเลาะกันก่อน และไม่เห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นอีกฝ่ายที่เป็นคนก่อเหตุเป็นใครมาจากไหน
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับนายพัชรา อายุ 16 ปี เป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บ คือคนที่นั่งซ้อนกลางในกล้องวงจรปิด เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกับเพื่อนไปขี่รถเล่นที่ถนนเลียบคลองกัน 4-5 คัน จังหวะขี่รถกันอยู่นั้นอยู่ ๆ ก็มีตำรวจสายตรวจมาขับรถไล่ ทำให้กลุ่มของตนเองต้องขี่รถหลบหนี ซึ่งในระหว่างหลบหนี มีเพื่อนคันสุดท้ายน้ำมันหมดกลางทาง เพื่อนคนอื่น ๆ จึงโทรศัพท์บอกกันให้ย้อนกลับไปดูเพื่อน
จนกระทั่งตนเองเป็นรถคันที่ขี่นำหน้า ขี่ไปถึงจุดเกิดเหตุ โดยจังหวะที่กำลังจะกลับรถ เห็นวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่ากลุ่มของตนเอง ยืนจับกลุ่มกันอยู่ที่หน้าปากซอย 4-5 คน ไม่พูดไม่จายิงใส่โดนที่หลังของตนเองก่อน 1 นัด ส่วนอีก 2 นัดไปถูกนายทองทิพย์ จนตนเองต้องบอกให้เพื่อนที่เป็นคนขี่ ขี่รถหนีตายเข้าไปยังหมู่บ้าน
ซึ่งจังหวะที่ขี่ผ่านป้อมยาม ได้ยินเสียงนายทองทิพย์ พูดขึ้นมาคำสุดท้ายว่า "กูไม่ไหวแล้วนะเพื่อน" กระทั่งศพของเพื่อนล่วงอยู่ตรงกลางทางตามภาพในกล้องวงจรปิด
ยืนยันก่อนเกิดเหตุ ตนเองและเพื่อนไม่เคยรู้จักหรือมีปัญหากับคนก่อเหตุมาก่อน ส่วนระเบิดและมีดที่พบในกระเป๋าของเพื่อน เป็นอาวุธที่พกติดตัวกันอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คิดจะไปทำร้ายใครในคืนเกิดเหตุ
โดยนายพัชรา ยังเปิดบาดแผลที่หลังให้ทีมข่าวดูว่า ถึงขณะนี้ยังไม่ได้ผ่ากระสุนปืนออก เนื่องจากเกรงว่าจะถูกตามไปทำร้ายที่โรงพยาบาลและหากเข้าผ่าตัดก็คงจะไม่ได้ออกมาร่วมแสดงความอาลัยศพเพื่อนที่ตาย
จากนั้นเมื่อเวลา 16.30 น. ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดนาบุญ ใน ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ นายทองทิพย์ หรือ น้องมาร์ค โดยทันที่ญาติรับศพจากโรงพยาบาลมาถึงวัด คนในครอบครัวที่เป็นยาย รวมถึงพ่อและแม่ก็พากันร้องไห้กันระงม เนื่องจากรับไม่ได้ที่นายทองทิพย์ ตายโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งวันนี้มีทางเพื่อน ๆ ของนายทองทิพย์ มาร่วมรับศพกันด้วยความโศกเศร้า
หลังจากนั้นคนเป็นยาย ก็ได้มีการจุดธูปเรียกวิญญาณของหลานลงจากรถ โดยพูดว่า "มาร์คเอ้ยมาถึงวัดแล้วนะ ยายมารับหนูแล้วนะ" แล้วก็เคาะโลงศพหลานบอกว่า "มาลูกมา ขวัญเอ้ยขวัญมา"
ซึ่งวันนี้มีทางเพื่อน ๆ ช่วยกันยกโลงศพลงจากรถ และยืนดูศพเพื่อนกันอย่างโศกเศร้า โดยในช่วงการรดน้ำศพมีทางญาติ ๆ ที่เป็นคนสูงอายุในบ้านเป็นคนรดน้ำก่อน ซึ่งบรรยากาศในช่วงนี้คนเป็นแม่และยายไปรดน้ำศพของนายทองทิพย์ ก็พากันร้องไห้แทบขาดใจ โดยเฉพาะคนเป็นยาย ทันทีที่ขอเปิดหน้าหลานดูเป็นครั้งสุดท้ายก็ร้องไห้ขึ้นมาอีก เนื่องจากรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนนายวีรพัฒน์ วันสืบ อายุ 16 ปี เพื่อนของผู้ตายที่เป็นคนขี่รถ บอกว่า ตอนเกิดเหตุได้ขับขี่รถมาจากคลอง 8 เขต อ.ธัญบุรี โดยมีผู้บาดเจ็บนั่งซ้อนท้ายตรงกลางและผู้ตายนั่งท้าย เพื่อจะมาเอาเสื้อกับเพื่อนรุ่นพี่ใกล้จุดเกิดเหตุเมื่อขี่ผ่านมาบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ คลอง 7 พบมีกลุ่มคนยืนอยู่ 2 ฝั่งถนน กระทั่งขณะขับผ่านได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนดังประมาณ 2-3 นัด จึงได้รีบขับขี่รถข้ามสะพานไปตรงบริเวณที่พบศพ ซึ่งตอนที่ขี่รถผ่านป้อมยามได้ยินนายทองทิพย์ พูดคำสุดท้ายแค่ว่า "กูไม่ไหวแล้ว" ก่อนจะล่วงลงจากรถตามภาพในกล้องวงจรปิด
ยืนยันตนเองกับเพื่อนไม่ได้มีปัญหากับกลุ่มผู้ก่อเหตุ เสียใจที่ช่วยชีวิตเพื่อนเอาไว้ไม่ได้ หากตอนเกิดเหตุนายทองทิพย์ ยอมให้ตนเองขี่รถไปข้างหน้า คงจะไม่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
นางสาวสุมาลี โพธิ์ใหญ่ อายุ 39 ปี แม่ของผู้ตาย บอกกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายไม่ได้บอกว่าจะออกไปไหนกับเพื่อน ซึ่งตอนหัวค่ำ ยังเห็นลูกชายพาเพื่อน ๆ ของเขามาเล่นเกมกันอยู่ในบ้าน กระทั่งตนเองกำลังจะเข้านอนยังบอกกับลูกว่า เล่นกันเบา ๆ นะลูก แม่จะนอนแล้ว เดี๋ยวเช้าแม่ต้องออกไปทำงาน ยังไงเล่นกันแค่พอสมควรเพราะพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด
จนกระทั่งช่วงประมาณตี 1 มีคนในหมู่บ้านโทรศัพท์มาบอกว่า ลูกไปถูกยิงที่เลียบคลอง 7 ซึ่งเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบว่าร่างของลูกถูกคลุมด้วยผ้าขาวแล้ว เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกจะออกจากบ้านไปตายแบบนี้ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับความคืบหน้าจากตำรวจ หากคนก่อเหตุรับรู้ก็ขอให้เข้าไปมอบตัวกับตำรวจ และอยากจะถามว่า "ทำลูกฉันทำไม" เด็กมันไปทำอะไรให้ ลูกฉันเป็นคนดี กำลังมีอนาคต เป็นคนพูดจาเพราะและมีความฝันอยากจะเป็นช่างยนต์ ยืนยันลูกชายไม่ใช่คนเกเรและไม่เคยมีคู่อริที่ไหนมาก่อน ส่วนเรื่องที่เจ้าของร้านผลไม้เป็นกังวลเรื่องวิญญาณของลูกจะไปรบกวนวันพรุ่งนี้จะไปเชิญวิญญาณของลูกกลับมาที่วัด เพราะยังไงคงไม่ปล่อยให้ลูกนอนหนาวอยู่ตรงนั้น
จากการลงพื้นที่ทีมข่าวไปได้เบาะแสมาว่า ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ จะมีการขอเข้าไปมอบตัวที่ สภ.หนองเสือ แต่เมื่อทีมข่าวเดินทางไปที่ สภ.หนองเสือ พบคำตอบจากผู้กำกับว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่มีการมอบตัวหรือออกหมายจับในวันนี้ ซึ่งหากทางตำรวจมีหลักฐานมากเพียงพอ ก็จะออกหมายจับและตามตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดี
