หวังปาฏิหาริย์! ย่าเตรียมห้องรับ "เจ้าขา" พักฟื้น ยกพม.ฮีโร่ไขปริศนาพีพีตาย (คลิป)

จากกรณี นายณัฐพล ทองดวง อายุ 28 ปี ผู้เป็นพ่อ และนางอนันต์ มาเจริญศรี อายุ 64 ปี ผู้เป็นย่าของสองพี่น้องที่ถูกทารุณกรรมจนน้องชายคนเล็ก น้องพีพี อายุ 2 ขวบ 1 เดือน เสียชีวิต และพี่สาว น้องเจ้าขา อายุ 3 ขวบ 4 เดือน อาการสาหัส เสี่ยงเป็นผู้ป่วยติดเตียงตลอดชีวิต

ซึ่งก่อนที่จะเด็กประสบเหตุได้ถูก นางสาวณัธรวิชณ์ อายุ 28 ปี แม่เด็ก ถูกออกหมายจับแล้ว เป็นอดีตภรรยาของนายณัฐพลที่ได้มารับตัวเด็ก 2 คนจาก จ.ชลบุรี ไปอยู่ด้วยที่หมู่บ้านเอื้ออาทรบางบัวทองกับแฟนใหม่ ทำให้พ่อและย่าเด็กเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ ทนายรณรงค์

ล่าสุด วันที่ 8 ก.ย. 65 นางอนันต์ มาเจริญศรี ย่าเด็กอัปเดตน้องเจ้าขา น้องดูสดใสและแข็งแรงขึ้น สามารถกรอกตาไป-มาตามวัตถุได้ ตอบสนองด้วยการยิ้มมุมปากและกระพริบตา แต่ยังพูดไม่ได้ ต้องงดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา เพราะวันนี้ตอนบ่ายต้องพาน้องเข้าเอกซเรย์ศีรษะที่บวม แต่ยังต้องให้ออกซิเจน ยังให้ยาฆ่าเชื้อที่ปอดและทางเดินปัสสาวะ ยังต้องทำกายภาพบำบัด น้องสามารถชันเข่าตั้งขึ้นได้ด้วยตัวเอง และยังเสี่ยงเป็นผู้ป่วยติดเตียงหากภายใน 4-5 เดือนหลังจากนี้ น้องยังลุกขึ้นยืนเองไม่ได้

เวลา 09.30 น. ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พานางอนันต์ มาเจริญศรี ย่าของเด็กทั้ง 2 คน มาขอบคุณเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นนทบุรี ที่ช่วยประสานให้ย่ารู้ว่า น้องเจ้าขา รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยทางทนายก็ได้ถือป้าย "ผู้ปิดทองหลังพระที่แท้จริง" มาด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำงานของ พม. ที่ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศบอกใคร

พร้อมกันนี้ย่าเองก็มอบกระเช้าผลไม้ให้เจ้าหน้าที่ โดยมีนางวาสนา ทองสม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นนทบุรี เป็นผู้รับมอบ ในขณะที่ทาง พมจ.นนทบุรี วันนี้ก็ได้มอบผ้าอ้อม 2 ลัง และแผ่นรองซับ 1 ลังให้กับย่า ได้ไปใช้กับน้องเจ้าขาด้วย

นางวาสนา กล่าวว่า พม. ได้รับแจ้งจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 65 ว่าน้องเจ้าขาเข้ารักษาในห้องไอซียูที่โรงพยาบาล พร้อมแนบเอกสารตรวจร่างกายมาด้วย ซึ่งตามเอกสารเบื้องต้นของทางโรงพยาบาลที่ทาง พม. ได้รับ รายละเอียดก็ตรงกับที่ย่าได้ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ ทีวี ไปตั้งแต่วันแรก บวกกับเจ้าหน้าที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปดูน้องโดยตรง เนื่องจากยังอยู่ในห้องไอซียู จึงไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม

หลังจากนั้นก็ได้มีการประชุมทีมสหวิชาชีพ อาทิ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยาและแพทย์ จึงได้ข้อสรุปว่ากรณีของน้อง ทีมรู้สึกแคลงใจในตัวแม่ จึงเลือกที่จะไม่ติดต่อไปยังแม่เด็ก และมีการค้นหาข้อมูลบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเด็ก จนกระทั่งเจอเบอร์พ่อ ทำให้วันที่ 8 ส.ค. 65 จึงมีการแจ้งไปยังพ่อเด็กซึ่งอยู่กับย่าให้ทราบ แล้วย่ากับพ่อก็เดินทางมาโรงพยาบาลฯทันทีในวันที่ 9 ส.ค. 65

ท้ายนี้ หากผู้ใดพบเจอหรือเห็นเด็กถูกทารุณกรรม ไม่ว่าจะจากบุคคลภายในครอบครัวหรือบุคคลภายนอก ก็สามารถที่จะโทรมาแจ้งได้ที่เบอร์ 1300 หรือเดินทางมาแจ้งเรื่องได้ด้วยตนเองที่ พม.ทั่วประเทศ เพื่อที่เด็กจะได้รับความคุ้มครองและให้ความปลอดภัย หรือหากจำเป็นต้องนำเด็กเข้ามาอยู่ในบ้านพัก พม. ได้ก็จะนำมาดูแลในระยะ 3 เดือน ระหว่างที่มีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด แต่ถ้าคดีไม่จบก็สามารถขยายเวลาให้เด็กอยู่ที่บ้านพัก พม. ต่อได้ หลังจากนั้นเมื่อเด็กพร้อมกลับบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ก็จะลงพื้นตรวจสอบบ้านที่จะพาเด็กไปอยู่ว่าพร้อมมากน้อยแค่ไหน บางรายจำเป็นต้องประเมินบ้านถึง 5-6 หลัง ถึงจะได้บ้านที่ดีที่สุด ทั้งความเป็นอยู่และผู้ดูแล เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก

ทนายรณณรงค์ บอกว่าการรวบรวมสำนวนทางคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเตรียมส่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาลฯ ซึ่งนางสาวณัธรวิชณ์ แม่โดน 2 ข้อหาคือ กรณีน้องพีพีข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และกรณีน้องเจ้าขา ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส

และกับนายทินกร พ่อเลี้ยง 3 ข้อหา กรณีน้องพีพี ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และกรณีน้องเจ้าขาข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส กับกระทำอนาจารกับเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี

ส่วนตัวแล้วยังคงกังวลเรื่องเงินเยียวยาจากกองทุนยุติธรรม กรณีน้องพีพีเสียชีวิต เพราะในใบหย่ามีการระบุว่าแม่เด็กเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรทั้ง 2 คน ซึ่งถ้าเป็นกรณีปกติ แม่ก็จะได้รับเงินส่วนนี้ แต่กรณีนี้กลายเป็นว่าแม่เป็นผู้ร่วมกันฆ่าบุตร ซึ่งตนก็ได้สอบถามไปยังกองทุนที่ทำบ้างแล้ว ทราบว่าคนที่จะได้รับเงินเยียวยาคือคนที่จะเข้ามาดูแลบุตรที่เหลือแทน ซึ่งก็ต้องดูหลักเกณฑ์และคุณสมบัติอีกทีว่าจะเป็นใคร ส่วนกรณีที่พ่อเลี้ยงมีการโทรมาหาเจ้าหน้าที่ พม. เพื่อสร้างความเดือดร้อนรำคาญนั้น เบื้องต้นก็ได้มีการพูดคุยกันเรื่องข้อกฎหมายแล้วว่าสามารถแจ้งความข้อหาสร้างความเดือดร้อนรำคาญ สร้างความหวาดกลัวได้ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่คนนั้น

หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านพักที่จะใช้สำหรับให้น้องเจ้าขา มาพักรักษาตัวหลังจากออกจากโรงพยาบาล ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านของ นางอำนวย เพ็งเพชร อายุ 51 ปี น้องสาวของนางอนันต์ ตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี พบว่าเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ชั้นที่ 1 ถูกเปิดเป็นร้านเสริมสวย ซึ่งนางอวยเป็นเจ้าของร้านและช่างเอง

นางอำนวย บอกว่าเหตุผลที่ตนตั้งใจจะยกบ้านหลังนี้ให้เป็นพี่พักของหลานและครอบครัว เพราะตนมีบ้านอีก 1 หลังเอาไว้สำหรับอยู่กับสามีอยู่แล้ว บวกกับมองว่าหากได้มาอยู่ที่นี่กันก็จะยกเลิกสัญญาเช่าบ้านอีกหลังที่พ่อน้องเช่าไว้ก่อนหน้า ถือเป็นการประหยัดเงินไปส่วนหนึ่ง บวกกับเมื่อก่อนน้องเคยมานอน มาเล่นที่นี่อยู่แล้ว เพราะเพื่อนเยอะ เป็นเด็กวัยเดียวกัน ของใช้จำเป็นก็มีพร้อม การเดินทางก็สะดวก ตนมีรถยนต์ส่วนตัวพร้อมให้ใช้เวลาต้องการไปโรงพยาบาลด่วน แล้วได้มีการสอบถาม พม. แล้วด้วย เจ้าหน้าที่ก็มองว่าเหมาะสม ไม่ได้ติดขัดอะไรหากน้องต้องมาอยู่ที่นี่

ทั้งนี้ ตนพร้อมจะเตรียมพื้นที่รอไว้อยู่แล้ว และหากในอนาคตหากน้องแข็งแรง กลับมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อนได้ ย่าก็อาจจะพาน้องไปอยู่ที่บ้านอีกหลังใน จ.พิษณุโลก ส่วนกรณีใบเวชระเบียนการรักษาของน้องพีพีซึ่งได้รับเมื่อวาน ก็ยอมรับว่าหลังทราบก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน เพราะรอยช้ำมีเต็มตัวทั่วร่างกาย แต่ตอนนี้ตอนโทรถามแม่และพ่อเลี้ยงกลับบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งว่าน้องป่วยหลายโรค ไร้พิรุธ ตนก็เลยไม่เอะใจ