จับแม่พีพี-เจ้าขา โต้ร่วมมือผัวใหม่ฆ่าลูก อ้างขูดขวดแป้งเจ็บ คนเล็กป่วยตายเอง (คลิป)

จากกรณี นายณัฐพล ทองดวง อายุ 28 ปี ผู้เป็นพ่อ และนางอนันต์ มาเจริญศรี อายุ 64 ปี ผู้เป็นย่าของสองพี่น้องที่ถูกทารุณกรรมจนน้องชายคนเล็ก น้องพีพี อายุ 2 ขวบ 1 เดือน เสียชีวิต และพี่สาว น้องเจ้าขา อายุ 3 ขวบ 4 เดือน อาการสาหัส เสี่ยงเป็นผู้ป่วยติดเตียงตลอดชีวิต

ซึ่งก่อนที่จะเด็กประสบเหตุได้ถูก นางสาวณัธรวิชณ์ อายุ 28 ปี แม่เด็ก ถูกออกหมายจับแล้ว เป็นอดีตภรรยาของนายณัฐพลที่ได้มารับตัวเด็ก 2 คนจาก จ.ชลบุรี ไปอยู่ด้วยที่หมู่บ้านเอื้ออาทรบางบัวทองกับแฟนใหม่ ทำให้พ่อและย่าเด็กเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ ทนายรณรงค์

ล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ก.ย. 65 ที่ สภ.บางบัวทอง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พาพ่อและย่าของเด็กมาติดตามความคืบหน้าทางคดี

เวลา 16.30 น. ที่ สภ.บางบัวทอง ภายหลังศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับนางสาวณัธรวิชณ์ ณ ปัตตานี อายุ 28 ปี แม่แท้ ๆ และนายทินกร กมลศิลป์ อายุ 28 ปี พ่อเลี้ยง ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส

พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.จว.นนทบุรี เดินทางมาสอบปากคำทั้งคู่ในลักษณะสอบแยก หลังสอบปากคำเสร็จ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวกลับห้องขัง น.ส.ณัธรวิชณ์ ตอบกับสื่อสั้น ๆ ว่า "ไม่ได้ทำ"

พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.จว.นนทบุรี กล่าวว่า จากการสอบปากคำทั้ง 2 คน ยังให้การปฎิเสธ ผู้เป็นแม่อ้างว่า น้องเจ้าขาเอากระป๋องแป้งมาขูดตามร่างกายตัวเอง จนทำให้เกิดร่องรอยฟกช้ำ ส่วนเหตุผลที่ต้องนำลูกไปส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. นั้น แม่อ้างว่ามาเจอลูกนอนชักเกร็ง มือกำ อยู่ที่บริเวณบันไดหนีไฟหน้าห้องพักที่หมู่บ้านเอื้ออาทรบางบัวทอง จึงนำพาลูกส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจว่าอาการดังกล่าวเกิดจากอะไร ส่วนพยานบุคคลคนอื่นที่รู้เห็นหรือไม่นั้น อยู่ในสำนวนคดี

ส่วนการเสียชีวิตของน้องพีพี ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลบางบัวทอง หลังจากน้องเสียชีวิต ตำรวจได้รับการประสานจากโรงพยาบาล และได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานเพื่อส่งตัวเด็กไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้รับผลการตรวจมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นกรณีที่ทางย่าและพ่อ บอกว่าตำรวจไม่ได้ดำเนินการ หลังจากได้รับแจ้งว่าน้องพีพีเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนั้นไม่เป็นความจริง เพราะทางตำรวจรับทราบมาโดยตลอด ถึงได้รวบรวมหลักฐานและออกหมายจับได้

สำหรับวันที่พาน้องพีพีไปโรงพยาบาลนั้น แม่อ้างว่าหลังตนกลับจากที่ทำงาน พบว่าน้องมีอาการท้องบวม ท้องแข็ง จึงนำส่งโรงพยาบาล แต่ไม่กี่ชั่วโมงเด็กก็เสียชีวิต พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายลูกทั้ง 2 คน

พล.ต.ต.ไพศาล ยืนยันว่าคดีไม่ล่าช้า เพราะคืนวันที่ 31 ส.ค. 65 หลังจากตนทราบว่ามีการร้องเรียน ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพนักงานสอบสวนว่าได้ดำเนินไปตามระเบียบกฎเกณฑ์หรือไม่ วันต่อมาจึงได้ตรวจสอบและสั่งการพบว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไปส่วนหนึ่งแล้ว

ส่วนกรณีที่ทั้งคู่ย้ายออกจากบ้านเอื้ออาทร หลังจากนำตัวน้องเจ้าขาส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 65 ถือว่าส่อแววพฤติกรรมหลบหนีหรือไม่นั้น พล.ต.ต.ไพศาล บอกเพียงแค่ว่าไปเจอตัวทั้งคู่ที่บ้านพักย่านรามคำแหง ซึ่งทั้งคู่บอกกับเจ้าหน้าที่ว่ากำลังจะย้ายไปที่อื่นพอดี

ทีมข่าวโทรคุยกับนางณัธรวิชณ์ แม่เด็ก ก่อนถูกจับ แม่เด็กบอกว่าไม่มีใครทำร้ายลูกทั้ง 2 คนเลย แต่ช่วงที่ตนกับแฟนใหม่อยู่ที่หมู่บ้านเอื้ออาทร กลางคืนก็ออกไปทำงานกันทั้งคู่ ลูกก็จะอยู่กับพ่อตนซึ่งป่วยติดเตียง ทำให้ไม่ค่อยได้ดูแลเต็มที่ ส่วนรอยแผลตามร่างกายของน้องเจ้าขานั้น เกิดจากลูกเอาฝากระป๋องแป้งไปขูดตัวเอง ทำให้มีรอยข่วนตามตัว บวกกับลูกชอบซน เอามือไปแกะเกาตัวเอง ไปเกาบริเวณดวงตาเวลาคัน ทำให้ตาบวม ยืนยันว่าไม่มีใครทำร้ายลูก และไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ทำไปก็ตายเปล่า เด็กไม่มีพิษไม่มีภัย เกิดมาก็น่ารักอยู่แล้ว จะไปทำร้ายเขาทำไม

ส่วนวันที่พาน้องเจ้าขาไปโรงพยาบาล 1 ส.ค. 65 เพราะวันนั้นลูกไปเล่นกับเพื่อนที่หมู่บ้าน พอประมาณบ่าย 3-5 โมง ก็มีเด็กคนนึงวิ่งมาหาตน บอกว่าลูกตนล้มเกร็ง จึงพาไปโรงพยาบาล แต่ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่โทรศัพท์เสีย สัมผัสหน้าจอไม่ได้ จึงไม่ได้รับสายจากทางโรงพยาบาล ช่วงนั้นตนก็บอกกับหมอเรื่องนี้ไปแล้ว หมอยังตอบกับตนอยู่เลยว่า ถ้ามีอะไรคืบหน้า หมอจะติดต่อกลับมา

หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ตนเห็นว่าหมอไม่ได้ติดต่อมา ตนก็คิดว่าอาการลูกดีขึ้น ก็เลยโทรไปถามหมอหมอบอกว่าน้องได้ย้ายออกจากห้องไอซียูแล้ว และตนก็บอกหมอว่าจะเข้าไปที่โรงพยาบาลวันที่ 6 ก.ย. 65 แต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อน

เวลา 12.20 น. ย่าและพ่อของเด็กได้ไปยืนหน้าห้องขังและขออนุญาตเข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหา แต่ทั้ง 2 คนไม่ประสงค์จะคุยด้วย ทำให้ผู้เป็นย่าต้องตะโกนถามแม่เด็กว่า "น้องเสียชีวิตทำไมไม่บอกแม่ ทำไมถึงปิดบัง วันที่ 4 ส.ค. 65 ยังบอกอีกว่า น้องสบายดี ไม่ต้องห่วง ความจริงแล้ว วันที่ 1 ส.ค. 65 น้องผ่าตัดสมองอยู่ห้องไอซียู ทำไมถึงพูดแบบนั้น แกมั่นใจว่าเป็นแม่คนหรอ" แต่ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมาจากห้องขัง ย่าจึงพูดออกสั้น ๆ ว่า "ขอให้เวรกรรมตามสนอง ทุกภพทุกชาติไป"

หลังจากนั้นทางครอบครัว ยังร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยให้ย่าใช้ปากกาเขียนข้อความลงบนหน้าปัดนาฬิกา ว่า “เด็กถูกทารุณ แจ้งโรงพักบางบัวทอง” จากนั้นพ่อใช้ค้อนทุบที่หน้าปัดนาฬิกาหลายครั้งจนแตก สื่อว่าต้องการให้เวลาหยุดเดิน ตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นกับน้องพีพี จะได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับน้องเจ้าขา เนื่องจาก สภ.บางบัวทอง ไม่มีเวลาให้เด็ก

จากนั้นพ่อและย่าพร้อมทนายความได้เดินทางไปยังมัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม ตั้งอยู่ใน ต.พิลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่ใช้ฝังร่างน้องพีพี แล้วก็เดินไปที้หลุมฝังศพ เมื่อไปถึงย่าก็ถึงกับร้องไห้และบอกกับหลุมฝังศพว่า "หนูต้องช่วยพี่เจ้าขาเขาด้วยนะลูก ให้พี่เจ้าขาอยู่กับย่า อยู่กับพ่อ อยู่กับปู่ ย่าเสียหนูไปแล้ว อย่าให้ย่าต้องเสียพี่เจ้าขาอีกคนนะลูก พีพีต้องช่วยพี่เขานะ"

กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่ตนและลูกชายได้มาที่นี่ หลังจากเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 65 เป็นวันแรกที่ตนรู้ว่าร่างของน้องพีพีถูกฝังไว้ตรงนี้ หลังจากนั้นห่างออกไปแค่ 4 วัน 8 ส.ค. 65 ตนถึงรู้จากแพทย์ผ่านทางโทรศัพท์ว่าน้องเจ้าขาอยู่ห้องไอซียู อยู่ในการรักษาของแพทย์ โดยตอนแรกหมอบอกว่าน้องเจ้าขาปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดอาการของน้องผ่านทางโทรศัพท์ ทำให้วันที่ 9 ส.ค.65 ตนจึงเดินทางไปโรงพยาบาล แพทย์ถึงได้เล่าข้อมูลอาการของน้องเจ้าขาให้ฟังทั้งหมด ก็ถึงกับช็อก แถมแพทย์ยังขออนุญาตเจาะคอหลาน เพราะเสมหะหลานเยอะมาก สิ่งเดียวที่ย่ากลัวที่สุดตอนนี้คือกลัวว่าจะไม่ได้หลานสาวคนเดิมกลับมา กลัวว่าหลานจะติดเตียงตลอดชีวิต เหมือนที่แพทย์บอก เพราะภายใน 6 เดือนหากการทำกายภาพบำบัดหลานไม่สำเร็จ อาการหลานไม่ดีขึ้น หลานก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอด ทั้งที่เพิ่งจะ 4 ขวบ

อย่างไรก็ตามตนก็ยังมีหวัง ต่อให้หลานกลับมาแบบไม่เต็มร้อยก็ไม่เป็นไร ตนและลูกชายพร้อมที่จะเลี้ยงหลานจนกว่าชีวิตตนจะสิ้นอายุขัย เพราะตอนนี้ตนอายุ 64 ปี บวกกับช่วงเช้าของวันนี้ ก่อนที่ตนจะออกมาโรงพักก็ได้คุยกับหลานว่าจะออกไปสู้เพื่อหลานและสู้เพื่อน้องพีพีด้วย หลานสาวก็เอื้อมมาจับมือจับผมของตน เหมือนว่าหลานสาวรับรู้ได้

ส่วนเรื่องของการขุดร่างของน้องพีพีขึ้นมาเพื่อส่งชันสูตรซ้ำอีกรอบนั้น ตนก็บอกไม่ได้ว่าหลังจากขุดแล้วจะยังเจอร่างของน้องหรือไม่และไม่รู้ว่าตามหลักศาสนาอิสลามสามารถขุดได้หรือเปล่า ตรงนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายความประสานกับเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกที สุดท้ายยอมรับว่าคิดถึงหลานทั้ง 2 คนมาก เพราะเก็บคลิปของหลานไว้ในโทรศัพท์ตลอด ถ่ายแทบทุกวัน จนถึงวันนี้แม่หลานสาวจะนอนอาการสาหัสอยู่ ตนก็ถ่ายเก็บไว้ พร้อมกับอยากจะย้ำกับดวงวิญญาณของน้องพีพีที่ถูกฝังอยู่ตรงหน้าอีกครั้งว่า "ช่วยพี่เจ้าขาด้วยนะ แล้วใครที่ทำน้องพีพี น้องก็ช่วยดลบันดาลให้สามารถตามจับมาดำเนินคดีให้ได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ตรงไหนของแผ่นดินนี้ ให้เขาหนีไม่พ้น พีต้องช่วยนะลูก ช่วยพี่เจ้าขาเขาด้วยนะลูก"

นายสวัสดิ์ ภูริสวัสดิ์ อายุ 56 ปี คนอาบน้ำศพผู้ชายประจำมัสยิด เผยว่า ตนได้รับแจ้งจากอิหม่าม ผู้นำศาสนาอิสลามประจำมัสยิด ว่าจะมีศพเด็กมาอาบน้ำแล้วก็จะทำการฝั่ง ตนก็เลยไปดำเนินการจัดแจงทางด้านกิจกรรมของศาสนา จนกระทั่งทาง นางสาวณัธรวิชณ์แม่ พร้อมครอบครัวเด็กประมาณ 10 คนมาถึงพร้อมกับศพเด็ก และจากการสังเกตของตนไม่เห็นรถโรงพยาบาลมาส่งแต่อย่างใด มีเพียงรถเก๋งของครอบครัวเด็กเท่านั้น

หลังจากที่ทางครอบครัวเด็กมาถึง แม่เด็กได้มีการอุ้มร่างเด็กเข้าไปอาบน้ำ ส่วนตนนั้นก็ได้มีหน้าที่ถอดผ้าขาวที่ทางโรงพยาบาลใช้ห่อร่างเด็กมา ตนได้มีโอกาสเห็นสภาพร่างของน้องพีพี โดยร่างดังกล่าวมีลักษณะบาดแผลผ่าชันสูตร บริเวณด้านหน้าและด้านท้ายทอยหลังศีรษะ ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกสงสารเด็กคนนี้มาก แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือบาดแผลรอยช้ำอะไรนอกเหนือจากการผ่า ตนจึงไม่ได้พูดคุยสอบถามมากนัก จนกระทั่งเสร็จพิธีทางศาสนา และทางครอบครัวของเด็กเองก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับตนมากนัก ซึ่งทุกอย่างต้องผ่านจากการพูดคุยของอิหม่าม

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า คำว่า “ภยันตราย” ที่ระบุในใบมรณะของน้องพีพี ในทางการแพทย์หมายถึง “แรงกระทำจากภายนอก ที่เกิดจากมีผู้อื่นกระทำหรือเกิดจากอุบัติเหตุ” แต่หากจะระบุให้แน่ชัดว่าใครทำอะไรน้องด้วยวัตถุใด หรือน้องเกิดจากอุบัติเหตุลักษณะใด จำเป็นจะต้องมีการชันสูตรอย่างละเอียด

รวมถึงแนวทางการรักษาพยาบาล รวมถึงการสืบสวนและสอบปากคำข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย แต่อย่างไรก็ตามคำว่า “ภยันตราย” ไม่ได้เกิดจากโรคชนิดใดชนิดหนึ่งแน่นอน เช่นเดียวกับกรณีของน้องเจ้าขาที่อาการสาหัสนั้น หมอบอกว่าแพทย์จำเป็นต้องดูลักษณะของบาดแผล และรายละเอียดการบาดเจ็บเป็นหลักว่าสอดคล้องกับคำให้การของบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ถึงจะระบุได้ว่าบาดแผลนั้น ๆ เกิดจากอุบัติเหตุหรือถูกทำร้ายร่างกาย

ส่วนการบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งแม่เด็กบอกว่าอาจเกิดจากลูกหกล้มตอนชักเกร็งนั้น หมอบอกว่าสามารถเป็นไปได้ เนื่องจากทั่วไปแล้วลักษณะการบาดเจ็บที่สมอง หากมีการสแกนดี ๆ จะแตกต่างจากบริเวณร่างกายชัดเจน

นอกจากนี้ ทีมข่าวทดลองใช้ฝาของแป้งขูดที่แขน พบว่าผิวหนังแดงได้ แต่กระป๋องแป้งขูดไม่สามารถมีรอยได้ และพบว่าทีมข่าวไม่สามารถใช้ส่วนใดของกระป๋องแป้งขูดจนมีเลือดออกในสมองได้