วันที่ 8 ส.ค. 65 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันเสียชีวิตที่ร้านขายอุปกรณ์ของใช้พลาสติกแห่งหนึ่ง ตลาดใน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.มนัสเวช ทองอิ่ม ผกก.สภ.คูคต, พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สมบุญจิต รอง ผกก.สอบสวน, พ.ต.ท.กัณตภณ ธนาธิปปิ่นสกุล รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.กชกร ไทรศาศวัต สวป.สภ.คูคต ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบศพนายสุพรชัย แซ่อึ้ง หรือ เฮียเก่ง อายุ 39 ปี เป็นลูกเจ้าของร้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 4 นัด บริเวณลำตัว เสียชีวิตในสภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่พื้นหน้าร้าน
ห่างออกไปประมาณ 2 เมตร พบผู้ก่อเหตุ นางสาวธรินทร์ญา เกียรตินิรุจ์ อายุ 40 ปี แฟนสาวของผู้ตาย สภาพถูกจับมัดมือไขว้หลังไว้ด้วยเชือกไนล่อนสีขาว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้พร้อมอาวุธปืนของกลางบริเวณที่เกิดเหตุ สาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องชู้สาว จึงได้นำตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุ ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเวลา 07.20 น. กล้องบริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุสามารถจับภาพวินาทีที่ผู้ตายเดินออกจากร้านมาเพื่อใส่บาตรพระ ระหว่างที่กำลังนั่งรับพรพระ ด้านของผู้ก่อเหตุก็เดินถืออาวุธปืนมาจากด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงจึงหันมาดู
เวลา 07.20 น. ผู้ก่อเหตุก็จ่อยิงไปที่กลางหลัง 1 นัด ทำให้ผู้ตายล้มลงนอนหงาย ผู้ก่อเหตุก็เดินไปที่ขา ก่อนจะจ่อยิงไปที่หน้าอกอีก 1 นัด จากภาพจะเห็นว่าผู้ตายพยายามยกมือขึ้นมาห้ามและขอชีวิต พร้อมกับมีลูกน้องของผู้ตายออกมาห้ามเหตุด้วย แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟัง จึงยิงไปที่หน้าท้องอีก 1 นัด จากนั้นผู้ก่อเหตุลงไปนั่งข้างผู้ตายและกระชากคอเสื้อขึ้นมาเหมือนกับพยายามพูดบางอย่าง ก่อนจะลุกขึ้นมา แล้วยิงไปที่หน้าอกฝั่งซ้ายอีก 1 นัดจนผู้ตายนอนแน่นิ่ง
เมื่อยิงนัดที่ 4 เสร็จ ผู้ก่อเหตุก็ยกปืนขึ้นมาจ่อขมับขวาของตัวเองอยู่ประมาณ 20 นาที เพื่อจะฆ่าตัวตายตาม แต่ยังไม่ทันได้ยิง ผู้ก่อเหตุก็นั่งลงและพยายามปลุกผู้ตายให้ตื่น จังหวะนั้นลูกน้องของผู้ตายก็วิ่งออกมาแย่งปืนออกจากมือผู้ก่อเหตุ แล้วจับมือผู้ก่อเหตุไขว้หลังและพาออกไป
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณร้านค้าใกล้กับจุดเกิดเหตุ พบว่าก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะวิ่งข้ามถนนมายิงนั้น มีรถเก๋งสีขาว ทราบภายหลังว่าเป็นรถของเพื่อนผู้ก่อเหตุ ขับมาตามผู้ก่อเหตุกลับคอนโด โดยเวลา 07.09 น. รถคันนี้ขับมาจอดที่หน้าร้านเกิดเหตุประมาณ และคาดว่าคงมองแล้วว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ที่ร้าน จึงขับออกไปในเวลา 07.12 น. แล้วไปจอดอยู่ที่ลานจอดรถของตลาด ก่อนจะลงจากรถและทำท่าเหมือนโทรศัพท์หาใครบางคน คาดว่าคงโทรตามผู้ก่อเหตุ พร้อมเดินไปมาด้วยท่าทีกระวนกระวาย
หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกัน 4 นัด ตรงกับภาพวงจรปิดที่บริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเพื่อนของผู้ก่อเหตุและชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นก็ต่างพากันตกใจ
และทีมข่าวก็ได้กล้องหน้ารถชาวบ้านที่ขับผ่าน เห็นภาพวินาทีที่ผู้ก่อเหตุวิ่งถือปืนมาจากฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็จ่อยิงนัดที่ 1 และเมื่อรถขับผ่านไป จะได้ยินเสียงดังตามมาอีก 2 นัด รวมเป็น 3 นัดจาก 4 นัด
นางสาวธรินทร์ญา ผู้ก่อเหตุ เล่าว่าตัวเองกับผู้ตายคบหากันมาประมาณ 4 ปี ส่วนใหญ่ตนจะมาช่วยดูแลร้านให้ในช่วงกลางคืน เพราะกลางวันมีงานประจำทำอยู่กับเพื่อน แต่ที่ผ่านมาตัวเองกับผู้ตายมักจะมีปัญหาให้ทะเลาะกันบ่อย ผู้ก่อเหตุอารมณ์ร้อน ขัดใจอะไรก็จะมีปากเสียงกัน ทะเลาะกันบ่อย อย่างเวลาอยู่ที่พักอยู่คอนโดฯด้วยกัน สามีก็จะกระชากหัว ผลัก บีบคอตน แต่ไม่ถึงขั้นทำร้ายทุบตีจนสาหัส แต่ช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา เริ่มมีปากเสียงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตนก็เลยไม่ขอทน พยายามขอเลิกเพื่อจะไปมีชีวิตใหม่ แต่ผู้ตายไม่ยอมเลิก
ครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ ขณะที่ตนอยู่ในร้านเกิดเหตุด้วยกัน ตนกับผู้ตายก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ผู้ตายมีการไล่ตนให้พ้นร้านต่อหน้าลูกน้อง บอกว่าไม่ต้องกลับมาที่ร้านอีก ทั้งที่ตนก็ช่วยงานมาตลอด พร้อมกับพูดท้าทายประมาณว่า “ถ้าแน่จริงมึงมาเลย มึงคิดว่ามึงเป็นใคร” ตนก็บอกว่า “เออ กูไปแน่ มึงด่ามึงว่ากู ถ้ามึงแน่จริงมึงทำแบบนี้กับลูกน้องมึงด้วยนะ ไม่ใช่ทำกับกูคนเดียว” ทำให้เช้าของวันนี้ตนจึงมาตามคำท้า เพราะสุดทนแล้วจริง ๆ
ยอมรับว่าใช้เวลาในการตัดสินใจนานพอสมควร วันนี้ก็ตั้งใจจะมายิงสามีแล้วก็ยิงตัวตาย จึงยิงไปทั้งหมด 4 นัด แต่ขณะที่เอาปืนจ่อศีรษะตัวเอง ก็มีลูกน้องของสามีเข้ามาแย่งปืนออกจากมือเสียก่อน จึงฆ่าตัวตายตามไม่สำเร็จ หลังจากนั้น เมื่อได้สติก็โผล่เข้าไปกอดร่างของสามีด้วย ไม่ได้หนีไปไหน ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุ ตนก็สั่งซื้อมาจากอินเทอร์เน็ตนานแล้ว เป็นปืนไม่มีทะเบียน สามีไม่รู้ว่าตนซื้อเก็บไว้ สุดท้ายฝากขอโทษไปยังครอบครัวของสามี แต่อยากจะยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะมายิงสามีให้ตายแค่ฝ่ายเดียว "คิดไว้ว่าถ้าเขาสูญเสีย หนูก็ต้องสูญเสีย"
นายนาย อายุ 39 ปี ลูกน้องของผู้ตายที่ปรี่เข้าไปแย่งปืนออกจากมือผู้ก่อเหตุ เล่าว่าขณะนั้นตนกำลังทำงานอยู่ภายในร้าน แล้วมีเสียงปืน พนักงานผู้หญิงวิ่งมาบอกว่าเฮียเก่งถูกยิง ตนก็เลยรีบวิ่งออกไปดู ซึ่งระหว่างที่ตนกำลังไปวิ่งไปก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง จนกระทั่งนัดที่ 4 และเห็นว่าผู้ก่อเหตุเอาปืนขึ้นไปจ่อที่หัวเพื่อจะฆ่าตัวตาย ตนก็พยายามห้าม
จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ลงนั่งกับร่างของผู้ตาย ทำท่าเหมือนจะกอดแต่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ร้องไห้ด้วย ตนจึงรวบรวมความกล้าและเห็นว่าคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเป็นลูกพี่ตน ทำใจเห็นภาพนี้ไม่ได้ จึงรีบเข้าไปแย่งปืนออกจากมือของผู้ก่อเหตุและพาตัวผู้ก่อเหตุไปมีดมือไว้เพื่อไม่ให้หนี ซึ่งผู้ก่อเหตุก็พูดออกมาว่า “ไม่คิดหนีไปไหนหรอก”
จริงแล้วผู้ก่อเหตุก็แวะเวียนมาที่ร้านเป็นประจำอยู่แล้ว มาช่วยขายของ ตนก็คิดว่าเป็นพนักงานคนนึง ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นแฟนกันแต่ และไม่เห็นว่าเขามีปัญหาทะเลาะอะไรกันด้วย เพราะตนทำงานกะกลางคืน ส่วนผู้ตายจะเฝ้าร้านกลางวัน
ส่วนลูกน้องผู้หญิงของผู้ตายอีกคนที่เห็นผู้ก่อเหตุจ่อยิงตั้งแต่นัดแรกและพยายามพูดห้าม เล่านาทีระทึกนั้นว่า หลังจากยิงนัดแรกเสร็จ ตนก็บอกว่า “ข้อร้อง พี่ขอร้อง อย่ายิงเถอะ” แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟัง จึงมีการยิงนัดที่ 2 แต่ก่อนจะยิง ผู้ก่อเหตุพูดออกมาว่า “อย่าทำกับกูแบบนี้อีกนะ” ตนก็ห้ามอีกครั้งว่า “หยุดเถอะๆ” แล้วผู้ก่อเหตุยิงนัดที่ 3 ตอนนั้นตอนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งเข้าไปตามแม่ของผู้ตาย จนมีนัดที่ 4 ดังขึ้น
ด้านพระประฐมธรรมมิโก พระลูกวัดของวัดประยูรธรรมาราม อายุ 56 ปี บวชมาแล้ว 20 พรรษา เล่าว่าปกติผู้ตายจะออกมาใส่บาตรเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว บางเช้าก็มีผู้ก่อเหตุมาร่วมใส่ด้วย ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน แต่เห็นว่ามีการจับมือถือแขนกันมาใส่บาตรประจำ เพิ่งจะรู้วันนี้จากข่าวว่าเป็นแฟนกัน
ที่ผ่านมาจะใส่บาตรด้วยอาหาร มีแค่วันนี้ที่ผู้ตายใส่บาตรด้วยปัจจัยเป็นเงิน 50 บาท อาจจะเป็นเพราะตนไปบินฑบาตรเช้ากว่าปกติ ผู้ตายจึงเตรียมอาหารไม่ทัน หลังจากที่ผู้ตายนำปัจจัยใส่ในบาตรเสร็จก็ลงไปนั่งเพื่อจะรับพร แต่ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นว่าผู้ก่อเหตุเดินมุ่งหน้ามายังผู้ตาย ในใจก็คิดว่าคงมานั่งรับพรด้วยกัน เพราะไม่เห็นว่าถือปืนมาด้วย จึงรอให้พรทีเดียว แต่ก็ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะกล้าจ่อยิงผู้ตายต่อหน้าพระสงฆ์ วินาทีนั้นยอมรับว่าตกใจมาก ยังไม่ทันได้ให้พร จึงรีบเดินทางกลับวัดทันที
ที่ผ่านมาเท่าที่สั่งเกดทั้ง 2 คนก็เห็นว่าสนิทสนมกันดี เวลาได้ทำบุญก็มีความสุข แต่ด้วยความที่ตนกับผู้ตายและผู้ก่อเหตุไม่ได้สนิทกันถึงขั้นปรึกษาพูดคุยเรื่องส่วนตัว ก็เลยไม่รู้ว่าภายในเขามีปัญหาอะไรกันบ้าง ขนาดเมื่อ 2 วันก่อน ผู้ตายและครอบครัวมาทำบุญเลี้ยงพระให้กับพ่อของเขาที่เสียชีวิตเนื่องจากโควิด-19 ไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ไม่ได้มาปรึกษาหรือพูดคุยอะไรกับตนเป็นพิเศษ แล้วตอนที่เกิดเหตุ สีหน้าแววตาของผู้ตายก็ปกติ ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจากทุกวัน
สุดท้ายเจ้าตัวก็อยากจะขอให้ดวงวิญญาณผู้ตายไปสู่ภพภูมิที่ดี เชื่อว่าการที่ผู้ตายทำบุญใส่บาตรทุกวันจะหนุนนำให้ไปสู่ที่ดี ครั้งนี้คงถึงคราว ยอมรับว่าน่าสงสารมาก ส่วนกับสิ่งที่ผู้ก่อเหตุทำ ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนว่าความโกรธทำให้คนขาดสติ คิดสั้นได้ แม้กระทั่งต่อหน้าพระก็ยังขาดสติ
พ.ต.อ.มนัสเวช ทองอิ่ม ผกก.สภ.คูคต ระบุว่า ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุไปเพราะเก็บกดที่ผู้ตายชอบด่าคำหยาบต่อหน้าพนักงานในร้าน ทำร้ายร่างกายเวลาอยู่ด้วยกัน และส่วนหนึ่งก็มาจากผู้ตายแอบปันใจให้ผู้หญิงคนอื่นด้วย ตัวเองจึงรับไม่ได้
จึงมีการตั้งข้อหา 4 ข้อคือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร 4.ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน