กระแสดราม่าปลาร้าปลานิลครึ่งซีกยังไม่จบ ร้านยืนยันความบริสุทธิ์ใจ เตรียมให้ทนายฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 8 แสนบาทที่ทำให้ร้านเสียชื่อเสียงโดยเงินที่ได้มาจะนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลทั้งหมด
กระแสดราม่าปลาร้าปลานิลที่นักท่องเที่ยวซื้อมาจากวัดหลวงพ่อโสธรยังไม่จบหลังวันนี้ (04 ส.ค.65) ช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.พรชุดา อายุ 29 ปี ชาวอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวขึ้นใน TIKTOK จนมีการพูดถึงกันเป็นวงกว้างได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อเข้าพบ ร.ต.อ.วรทัต เรืองฤทธิ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและเจรจาตกลงกันกับนายผดุงศักดิ์ ทองขจร และน.ส.สิริรัตน์ ทองขจร ลูกเจ้าของร้านปลาร้าจ่าวีป ที่ได้แจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดได้เข้าไปพบพนักงานสอบสวนใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงก็ยังหาข้อสรุปของเรื่องนี้ไม่ได้
น.ส.พรชุดา เปิดเผยว่าหลังจากที่เข้าไปคุยเพื่อเจรจากับร้านค้ายังไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยทางร้านค้าไม่ยอมความและยืนยันจะดำเนินคดีกับตนและสมาชิกในกลุ่มแปดริ้วที่เข้ามาคอมเมนต์ข้อความต่างๆ ในโพสต์นี้ ซึ่งทนายที่มากับเจ้าของร้านค้าจะดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายตามยอดวิวใน TIKTOK และค่าใช้จ่ายที่เขาเสียหายในการขายของต่อวัน วันละ 10,000 บาท รวมเบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 8 แสนกว่าบาท ที่ทางร้านเรียกร้องให้รับผิดชอบ โดยเงินที่ได้ทั้งหมดก็จะนำไปทำบุญ
น.ส.พรชุดา เผยอีกว่า เขาเรียกค่าเสียหายมาขนาดนี้ตนเองก็ไม่มีเงินไปจ่ายเพราะเป็นเพียงแม่ค้าตลาดนัดซึ่งหากต้องถูกดำเนินคดีจริงๆ ก็คงต้องยอมติดคุกเพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย ส่วนสาเหตุที่โพสต์เพราะว่าตนเองเจอปลาร้าครึ่งซีกจริงก็โพสต์ลงปกติไม่คิดว่าจะมีคนให้ความสนใจมากมายขนาดนี้ ซึ่งตนเองก็มั่นใจว่าปลาที่ตนเองเปิดมาเจอมีแค่นั้นจริงๆ ซึ่งพี่สะใภ้และป้าที่ไปด้วยกันในวันนั้นก็เป็นพยานได้เพราะทุกคนเห็นเหมือนกันหมด ตนเองก็ยืนยันว่าไม่ได้แกะกินกันในรถก่อนจะมาถึงบ้าน ซึ่งทางร้านค้ากำลังจะหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าวว่าที่ตนเองลงในสื่อโซเชียลอาจไม่ใช่เรื่องจริง ต่อจากนี้คงต้องปรึกษาหาผู้ช่วยเพราะตนเองไม่มีเงินไปจ้างทนายความมาสู้คดี ตนเองได้พูดความจริงทุกอย่างที่เห็นแต่ทางร้านก็ยังไม่เชื่อจึงไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร เขาบอกแต่เพียงว่าเขาเสียหายเยอะและธุรกิจบ้านเขาก็เสียหายซึ่งตอนนี้ก็คงต้องรอหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปรายงานตัวเพื่อไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง
น.ส.สิริรัตน์ ทองขจร ลูกสาวเจ้าของร้านปลาร้าจ่าวีปเปิดเผยว่า ตนเองมั่นใจว่าปลาร้าที่เกิดเรื่องนั้นออกจากร้านไปแบบเต็มตัวเพราะที่ร้านไม่มีลูกจ้าง ขั้นตอนกระบวนการทอดจนไปถึงบรรจุลงกล่องแม่เป็นคนทำทุกขั้นตอน ตนจึงมั่นใจว่าปลาร้าที่หายไปครึ่งซีกไม่ได้เกิดขึ้นจากร้านตนแน่ๆ ซึ่งตอนนี้ยังคงหาข้อสรุปเรื่องปลาร้าไม่ได้ อยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนเงินที่เรียกร้องค่าเสียหายกว่า 8 แสนบาทนั้น ตนเองยอมรับว่าหลังมีข่าวออกไปทางร้านได้รับความเสียหายมาก แม่ของตนขายของตนนั้นมานานหลายสิบปีไม่เคยมีข่าวเสียหายด้านนี้เลยก็เลยต้องเรียกร้องในส่วนที่ทำให้ร้านเสียหาย เช่นจากใน TIKTOK ยอดวิวเท่าไหร่ จากในเพจที่เขาเอาข้อมูลของเราไปเผยแพร่จำนวนสมาชิกเท่าไหร่ ซึ่งเงินที่ได้มาทั้งหมดทางร้านจะไม่เก็บไว้จะนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลหรือหน่วยงานราชการทั้งหมด
