เฒ่าฆ่าขืนใจยายแสยะยิ้มโชว์ โวให้ 500 แลก Sex ขุดคดีหื่นเทียบหน้าฆ่านับสิบ (คลิป)

28 ก.ค. 65

ตำรวจ สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งมีผู้ถูกข่มขืนและทำร้าย จนเสียชีวิตที่บ้าน หมู่ที่ 2 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุพบศพนางสาลี่ อายุ 72 ปี สภาพเสียชีวิตใบหน้ามีรอยถูกทำร้ายซ้ำหลายแห่ง สวมเสื้อคอกระเช้าสีแดง นุ่งผ้าถุงลายสีแดงเข้ม มีร่องรอยถูกข่มขืน

243904

ที่ทางเข้าบ้านพบจักรยานปั่น 2 ล้อ สีเขียว มีถุงพลาสติกที่แฮนด์รถ ส่วนที่เบาะคนนั่งซ้อนมีกระสอบปุ๋ยพับรองไว้ มีกระสอบข้าวสารสีชมพูตกอยู่ และยังพบกางเกงยีนส์ขาสั้นตกอยู่ 1 ตัว เป็นของคนร้าย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจตรวจสอบทราบชื่อคนก่อเหตุ คือนายออง อายุ 60 ปี ล่าสุดจับกุมตัวได้แล้วที่บ้านเพื่อนคนก่อเหตุ

276826

ล่าสุด วันที่ 28 ก.ค. 65 ผู้ต้องหายังไม่ได้ให้การรับสารภาพที่จะเป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดี มีการให้ปากคำในชั้นพนักงานสอบสวน ว่า ในวันเกิดเหตุตั้งใจไปทวงเงินที่นางสาลี่คนตาย หยิบยืมไปก่อนหน้านี้จำนวน 500 บาท แต่ปรากฏว่าไม่ได้มีการคืนเงินตามที่ตกลง จึงได้เปลี่ยนข้อเสนอให้ตัวของคนตายเป็นภรรยา แต่ผู้ตายไม่ยอม จึงได้มีการขืนใจ บอกว่าหากกระทำสำเร็จจะไม่มีการทวงเงินคืน ถือว่าจบกัน

287902

แต่ตัวของผู้ตายขัดขืน จึงได้มีการทำร้ายร่างกายโดยการเตะ 2-3 ครั้ง และเมื่อมีการให้ปากคำลักษณะดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ได้มีการทำแผน เนื่องจากคาดว่าข้อมูลที่มีการให้การไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ประกอบกับกลัวว่าครอบครัวของคนตายยังอยู่ในอาการไม่พอใจจะทำแผนไม่สำเร็จ จึงได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี

320857

ซึ่งการส่งตัวฝากขังนั้นได้มีการส่งไปพร้อมกับผู้ต้องขังรายอื่นซึ่งมีการก่อเหตุในคดีภายในพื้นที่ โดยมีการส่งพร้อมกับผู้ต้องขังอีก 4 ราย แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีเดียวกัน ระหว่างที่คลุมตัวขึ้นรถ สังเกตว่าเจ้าตัวยังคงมีสีหน้าระรื่น ไม่ได้สะดุดต่อเหตุการณ์ที่เกิด มีบางช่วงที่หันมายิ้มให้กับกล้องและโบกมือทักทาย แต่ไม่ได้มีการตอบคำถามใด

451719

ที่วัดวังจิก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี  ญาติได้เดินทางไปรับศพจากนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต หลังจากส่งศพไปชันสูตรศพ ได้นำร่างกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด โดยหลังจากที่รับศพมาถึงวัดได้มีประกอบพิธีรดน้ำศพ

นางมะลิ (นามสมมติ) หลานสาวของคนตาย เผยว่า ตนเองก็แปลกใจในกระบวนการการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่พาผู้ต้องหามาทำแผนประกอบรับคำสารภาพ เพราะทุกคนอยากรู้ข้อเท็จจริงจากการรับสารภาพว่าจะตรงตามภาพที่ปรากฏขึ้นจริงในวันที่ญาติพี่น้องเดินทางมาเจอกับตาหรือไม่ เท่าที่ตนเองทราบว่ามีการพูดถึงการหยิบยืมเงินจำนวน 500 บาท ต้องการหวังที่จะข่มขืนเพราะแอบลงรัก แม้แต่ประเด็นที่มีการสารภาพอื่น ๆ เช่น อ้างว่าไม่ได้มีการใช้อาวุธทำร้าย แต่เป็นการกระทืบ 3-4 ครั้ง ตนเองในฐานะครอบครัวของยายไม่เชื่อทุกคำสารภาพ และคำให้การ เพราะเป็นคำกล่าวอ้างที่โยนความผิดให้กับคนตาย

894628

โดยคนตายก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่เชื่อว่าถ้าหากเป็นประเด็นเรื่องของการหยิบยืมเงิน 500 บาทนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะปกติยายก็เป็นคนมีเงินอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปยืมเงินนายออง และกรณีการอ้างว่าไม่ได้ใช้อาวุธ แต่มีการกระทืบนั้น ตนเองไม่เชื่อเพราะร่างกายของยายมีบาดแผลหลาย ประกอบกับกรรมถึงขั้นเบี้ยวเสียรูป ในวันนี้ตนเองอยากจะให้ตำรวจจับติดคุกให้นาน หรือให้ประหารชีวิต ให้ตายตกตามยายไป

นางมะลิ เผยอีกว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยายถูกทำร้ายช่วงค่ำ ตนเองทราบจากแม่ค้าขายส้มตำรายหนึ่ง ซึ่งเป็นรถขับผ่านมา โดยตอนนั้นได้มีการขายส้มตำให้กับยายกิน ปกติยายจะเรียกรถคันดังกล่าวเพื่อซื้อน้ำอัดลมกินเท่านั้น แต่ในวันดังกล่าวปรากฏว่ายายเลือกที่จะสั่งส้มตำเพิ่ม ยายบอกกับแม่ค้าส้มตำว่า "วันนี้ขอสั่งส้มตำกิน เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กินอีกหรือไม่" ตนเองก็เชื่อว่าจากคำพูดดังกล่าวเป็นลางบอกเหตุ ที่อาจจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับยายจึงพูดคำดังกล่าวออกมา

เมื่อคืนนี้ทราบว่าเป็นคืนก่อนเข้าวันพระ ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุยายก็ยังบอกกับเพื่อนบ้านและเพื่อนสนิทว่าวันพระในวันนี้จะพากันมานั่งสมาธิและทำบุญตักบาตร แต่ปรากฏว่ายายถูกฆ่าตายก่อน ทำให้เมื่อคืนนี้ดวงวิญญาณของยายมานั่งร้องไห้อยู่ที่วัด ตนเองก็ทราบว่ามีทั้งพระและชาวบ้านในพื้นที่ได้ยินเสียงร้องไห้ ซึ่งเป็นเสียงของยาย ส่วนตัวจึงมองว่ายายอาจจะเป็นการตายที่ยังไม่รู้ตัวหรือไม่

979496

ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงเย็นก่อนที่จะก่อเหตุ เวลาจริง 17.13 น. กล้องวงจรปิดภายในชุมชนจับภาพของนายอองขับจักรยานร่อนภายในหมู่บ้าน โผล่ไปตามซอกซอยต่าง ๆ ลักษณะคล้ายขับเล่นและสังเกตดูความเคลื่อนไหวของคนในหมู่บ้าน

เวลา 17.20 น. บริเวณปากซอยบ้านของยาย นายอองปั่นจักรยานผ่านถนนสายหลัก ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปที่ซอยบ้านของยาย จากนั้นก็ได้มีการไปนั่งกินเหล้าอยู่ภายในบ้านยาย และก่อเหตุในเวลาต่อมา

174319

ภายในหมู่บ้าน จับภาพความเคลื่อนไหวของชาวบ้านในชุม ตำรวจรวมตัวกันมากกว่า 25 คน เดินพร้อมกับไม้และอาวุธไปตามซอกซอยต่าง ๆ เพื่อหาเบาะแสของนายออง ตั้งแต่หลังก่อเหตุ 00.00-04.00 น. เห็นว่ามีชาวบ้านเดินตามหาเบาะแสและมีรถตำรวจ ขับวนเข้าออกซอยต่าง ๆ

661872

ช่วงเวลาจริง 05.19 น. นายอองมีลักษณะเปลี่ยนเสื้อ ติดไฟส่องกบที่หัว มีไม้ประคดอยู่ในมือ เดินสูบบุหรี่ด้วยความใจเย็น ออกจากซอยที่เชื่อมกับคลองที่ว่ายน้ำข้ามมา และเดินมุ่งหน้าไปที่สวนมะม่วงที่ถูกจับกุมได้ในช่วงสาย ซึ่งเป็นช่วงที่ในหมู่บ้านถนนโล่ง ไม่มีคน

588279

นางสาวปลูก (นามสมมติ) พี่สาวของนายออง คนก่อเหตุ เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็รับไม่ได้สำหรับพฤติกรรมของน้องชาย ที่มีการก่อเหตุซ้ำซ้อน โดยก่อนหน้าแม้ว่าจะมีคดีเรื่องของการกระทำอนาจารหรือพยายามคมคืนคนอื่นมาแล้ว แต่ก็ไม่สำนึกยังมาก่อเหตุซ้ำกับคนที่มีอายุ และนางสาลี่ก็เปรียบเสมือนเพื่อนของพี่สาว เพราะโตมาด้วยกันเห็นกันตั้งแต่เล็ก และที่ตัวเองตัดสินใจให้น้องชายกลับมาอยู่อาศัยด้วยก็เพราะไม่มีใครเอา หลังจากพ้นโทษไปอยู่กับเมียเมียก็ไล่หนีไปอยู่กับญาติที่อื่นก็ไม่มีใครให้อยู่ด้วย ตนเองให้มาอยู่เพราะคิดว่าจะปรับตัวเป็นคนดี แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะมาทำแบบนี้ จนให้ครอบครัวเกิดความอับอาย

และเท่าที่ทราบน้องชายย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ก่อเหตุที่นั่น โดยล่าสุดเจ้าตัวย้ายไปอยู่กับญาติ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ก็ไปก่อเหตุเรื่องของการอนาจารผู้อื่น เพิ่งจะพ้นโทษมาได้ไม่นาน ตนก็ยากที่จะทำใจได้ที่น้องชายไปทำแบบนี้ ดังนั้นการฝากขังที่เกิดขึ้นจึงไม่ไปเยี่ยมและไม่ไปดู ประกอบกับยืนยันว่าจะไม่มีการประกันตัว ให้ไปชดใช้เวรกรรมตามกฎหมาย

กรณีที่นายอองน้องชายให้การกับพนักงานสอบสวนว่าต้องการไปทวงเงินจำนวน 500 บาทจากคนตาย ตนเองเชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมาน้องชายมีเงินติดตัวและมีเงินในบัญชี ก่อนที่จะเกิดเหตุเจ้าตัวก็เพิ่งไปกดเงินมาจำนวน 5,000 บาท ตนเองขอยืมน้องชาย 1,000 บาท แต่จำนวนที่เหลือไม่รู้ว่าเอาไปไว้ไหน ก็เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะปล่อยให้ใครยืมหรือกู้ แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ชี้ชัดว่าเอาไปให้คนตายหยิบยืมหรือไม่

ขณะเดียวกันภาพการนำตัวฝากขังต่อศาล ที่เห็นใบหน้าของน้องชายยังคงยิ้มละลื่น โบกมือทักทายกับกล้อง ตนเองเชื่อว่าเป็นเพราะความเครียดหรือพฤติกรรมความไม่ปกติของเจ้าตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าแสดงอาการดังกล่าวเพราะอะไร ส่วนตัวในฐานะครอบครัวคนก่อเหตุและยังมีศักดิ์เป็นพี่สาว ยืนยันว่าวันนี้จะเดินทางไปร่วมงานศพของคนตาย จะขอโทษแทนน้องชาย เนื่องจากคนตายก็มีสถานะเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนสนิทของตนเองที่โตมาด้วยกัน อีกทั้งก็เป็นเหมือนลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ด้วย

870906

อย่างไรก็ตาม คำพูดของนายอองที่มีการตะโกนพูดคุยกับทีมข่าว ทำนองว่า "ผมสุพจน์ สุขสำราญ" ตนเองไม่รู้ว่ามีความหมายหรือนัยอะไร แต่ยืนยันว่าคนที่ชื่อสุพจน์ไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือคนใกล้ชิดของครอบครัวตนเอง ส่วนนามสกุลสุขสำราญ เป็นนามสกุลสามีของตน ถามสามีแล้วก็ไม่มีใครชื่อสุพจน์ และก่อนหน้านี้ตัวของนายอองก็มีชื่อมาตั้งแต่เด็ก คือละออง หรือที่เรียกกันคือนายเตี้ย ไม่เคยใช้ชื่อว่าสุพจน์ ดังนั้น จึงเชื่อว่าเป็นการพูดแบบไม่คิดมากกว่า

492159

ที่สำคัญกรณีที่ถูกโยงว่าน้องชายไปมีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในพื้นที่ จ.นครปฐม เกี่ยวกับการก่อเหตุข่มขืนและกระทำชำเราหญิงแก่ ในช่วงปี 2558 ถึง 2559 ตนเองยืนยันว่าช่วงเวลาดังกล่าวน้องชายยังคงอยู่ในเรือนจำ จ.สมุทรสาคร เป็นไปไม่ได้ที่จะไปก่อเหตุอย่างที่ถูกเอาไปเชื่อมโยง

290929

ภายหลังมีการตรวจสอบข้อมูลการนำเสนอข่าวย้อนหลัง พบว่าในปี 2555 เคยมีปรากฏข่าวทำนองว่า ในปี พ.ศ 2555 เหตุฆาตกรข่มขืนแล้วฆ่าในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม โดยเฉพาะเกิดเหตุในพื้นที่ อ.บางคนที มีหลายราย และเสียชีวิต 1 ราย

283201367960

คนร้ายเป็นชายวัยกลางคน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างบึกบึน ก่อเหตุบุกใช้กำลังข่มขืนหญิงสูงอายุ ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม จนกระทั่งถูกนำมาเชื่อมโยงเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายละออง หรือ ออง ผู้ต้องหาในคดีอนาจารและฆ่าผู้อื่น ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ล่าสุดนั้น

784233

หลังจาก ตร.สั่งรื้อคดี ฆาตกรต่อเนื่องฆ่าข่มขืนหญิงชราอาละวาด 3 จังหวัด ยังจับคนร้ายไม่ได้ เนื่องพฤติการณ์ก่อเหตุคล้ายคดีที่ จ.สุพรรณบุรี โดยในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม มีเหตุการณ์คนร้ายข่มขืน หญิงสูงวัย จนเสียชีวิต 1 ราย ตำรวจจึงเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนหญิงสูงวัยทั้ง 10 คดี น่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน

519891

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 8 ม.ค. 55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม คนร้ายเข้าไปข่มขืนหญิงชราอายุ 61 ปี ที่อยู่บ้านเพียงลำพัง เหยื่อรายนี้ช้ำในเสียชีวิตในเวลาต่อมา

180121

ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุของผู้เสียชีวิต เป็นบ้านของนางแดง อายุ 61 ปี ผู้เสียชีวิต ต.บางยี่รงค์ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นบ้านสวนขนาดใหญ่ติดริมถนน ภายในสวนจะมีคลองตัดผ่าน โดยจะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณที่มีโอ่งน้ำขนาดใหญ่กว่าหลายโอ่งวางตั้งอยู่หน้าบ้าน บริเวณพื้นที่ด้านหลังองค์นั้นจะเป็นบ้านไม้ของผู้เสียชีวิตและใกล้กันจะเป็นห้องน้ำที่สร้างด้วยปูนซิเมนต์ บริเวณข้างบ้านนั้นจะเป็นคลองที่ตัดผ่านบ้านใช้สำหรับทำการเกษตร เห็นได้ว่าจากภาพเดิมเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาที่ยังคงมีบ้านไม้ยกสูงนั้น ในปัจจุบันนี้บ้านหลังดังกล่าวได้ถูกทุบทิ้ง และเป็นพื้นที่สวนร้างไม่มีใครเข้ามาดูแล

412066

นางจีราภา เจริญสินค้า อายุ 54 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.บางยี่รงค์ ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมาในขนาดนั้นตนเองก็ยังพอทราบเหตุการณ์เพียงคร่าว ๆ ว่าเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 55 นางแดง ผู้เสียชีวิตได้พักอาศัยอยู่ภายในบ้านสวนแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 6 ต.บางยี่รงค์ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม โดยมีคนร้ายแอบย่องเข้าไปภายในบ้าน และข่มขืนนางแดงจนเสียชีวิตคาบ้าน และเช้าวันต่อมาก็มีคนงานที่ทำสวนให้กับนางแดงเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว และพบเห็นว่านางแดงนอนเสียชีวิตอยู่กลางบ้านแล้ว

700744

ซึ่งพื้นที่บ้านสวนบริเวณดังกล่าวนั้น มีบ้านเพียงแค่ไม่กี่หลัง และจะเป็นบ้านที่มีแต่ผู้สูงอายุพักอาศัยกันเพียงลำพัง ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานั้น ก็มีเหตุการณ์ข่มขืนต่อเนื่องกันมาเรื่อยเรื่อย ชาวบ้านจะพูดกันสงสัยว่าคนร้ายจะชอบมาก่อเหตุในช่วงหน้าหนาว ชาวบ้านแทบทุกหลังต่างหวาดกลัว เนื่องจากไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้

624759

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อปี 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวชาวบ้านในพื้นที่ ต.บางยี่รงค์ เข้าไปตรวจสอบตรวจดีเอ็นเอแต่ก็ไม่พบผู้ใดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว มิหนำซ้ำลูกของเพื่อนตนเองที่มีปัญหาพิการทางสมองก็ยังนำไปตรวจดีเอ็นเอเช่นเดียวกัน เรียกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นตรวจดีเอ็นเอผู้ชายทุกคนในพื้นที่ แต่ไม่พบใครเกี่ยวข้อง

ปัจจุบันนี้ก็ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตนั้นก็ได้เสียชีวิตลงไปเมื่อปีที่ผ่านมา และบริเวณแถวนั้นที่เป็นผู้สูงอายุนั้นได้เสียชีวิตลงไปหมดแล้ว แทบจะไม่เหลือใครแล้ว

377483

นางปลูก พี่สาวของนางออง เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในปี 2555 ในขณะนั้นน้องชายยังอยู่อาศัยในพื้นที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี โดยน้องชายอาศัยอยู่กับบ้านภรรยา เพราะตอนนั้นเพิ่งจะคบหากัน ในช่วงก่อนที่น้องชายจะถูกจับใน จ.สมุทรสาคร ในข้อหาอนาจาร ช่วงปี 2557-2558 น้องชายได้เดินทางไปรับจ้างที่แพปลาใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งไปรับจ้างเป็นลูกจ้าง เมียก็เดินทางไปรับจ้างด้วย จากนั้นเจ้าตัวจึงจะถูกดำเนินคดีในข้อหาอนาจารผู้อื่นในเวลาต่อมา และติดคุกไป 7 ปี ฉะนั้นจึงยืนยันว่าตามข่าวที่ปรากฏไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับน้องชาย เพราะเจ้าตัวเพียงแค่ถูกจับข้อหาอนาจาร แต่ไม่ได้ฆ่าใคร ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีแรกที่อนาจารโดยการข่มขืน และก่อเหตุจนกระทั่งถึงแก่ความตาย

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส