จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ "สุรชาติ ผิวแดง" ผู้ช่วยรองโฆษกพรรคภราดรภาพ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่ง ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือ หลังต้องตกเป็นผู้ต้องหาในฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งตำรวจได้แจ้งข้อหา เนื่องจากเชื่อว่าเป็นผู้วางแผนใส่ยาฆ่าแมลงในน้ำดื่มเพื่อฆ่าสามี ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าไม่ได้เป็นคนทำ แต่ถูกครอบครัวของสามีกลั่นแกล้งใส่ร้าย เพื่อหวังที่จะฮุบมรดกกว่า 100 ล้านบาท
มีข้อความระบุเรื่องราวเอาไว้ว่า "คดีน้องวางยาฆ่าสามีตัวเอง ต้องขอนอกเครื่องแบบดูแลตลอด 24 ชั่วโมงครับ #สามีเสียวันที่ 30 พฤศจิกายน น้องโดนจับวันที่ 1 ธันวาคม วันที่ 9 ธันวาคม แม่ของสามีขอเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนพี่ชายแฟนขอรับลูกของน้องทั้ง 2 เป็นบุตรบุญธรรม เพราะแฟนน้องที่เสียชีวิตได้ทำประกันไว้ 60 ล้าน และขอโยกย้ายทรัพย์สินทั้งหมด และเข้ามาควบคุมโรงงานทั้งหมด
น้องอยู่ในเรือนจำ 3 เดือน โดยไม่ได้ตั้งตัวเลย และตำรวจก็ค้านการประกันตัวจะฝากขังต่อไปอีก มันชั่งโหดร้ายเหลือเกินกับชีวิตของน้อง และตำรวจตั้งข้อหาว่า น้องวางแผนฆ่าสามีโดยไตร่ตรองไว้ก่อน น้องโดนคดีอาญามาตรา 289 คือ ประหารชีวิตอย่างเดียว
หมอลงในใบมรณะการตาย สาเหตุคือ เสียชีวิตจากเลือดไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ในร่างกายไม่มีสารพิษสารยาฆ่าแมลงในร่างกาย มันแปลกๆครับ
งานนี้คนที่ได้ผลประโยชน์ คือ พ่อแม่แฟน พี่ชายแฟน เจ้าหน้าที่คนรอบข้าง ส่วนน้องกางเกงตัวเดียวก็ยังไม่ได้เลย 5 เดือนผ่านมา ไม่เคยได้เจอหน้าลูกทั้ง 2 เลย พี่ชายแฟนกีดกัน ไม่ให้เจอ #เงินซื้อได้ทุกอย่าง"
ล่าสุดวันที่ 24 ก.ค. 65 นายสุรชาติ ผิวแดง ผู้ช่วยรองโฆษกพรรคภราดรภาพ ผู้รับเรื่องร้องเรียน เล่าว่า นางนิดได้มาร้องขอความช่วยเหลือกับตนเอง หลังได้ประกันตัวจากศาลออกมาสู้คดีชั่วคราว เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีวางแผนวางยาพิษฆ่าสามีของตัวเอง อ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการตายของสามี ไม่ใช่ผู้ลงมือฆ่าอย่างที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา แต่ถูกครอบครัวของสามีใส่ร้าย และหวังจะฮุบมรดกของสามีมูลกว่า 100 ล้านบาท
นางนิดเล่าให้ตนเองฟังว่า 26 พ.ย.64 สามีคือ นายมานะ อายุ 39 ปี เกิดอาการช็อกหมดสติ ขณะกำลังขี่รถจักรยานออกกำลังกายภายในโรงงานอาหารสัตว์ ซึ่งสามีเป็นเจ้าของ เวลาประมาณ 22.00 น. สภาพของสามีคือชักเกร็ง มีน้ำลายฟูมปาก และมีเลือดติดออกมากับน้ำลาย หลังเกิดเหตุ นางนิดและคนงานได้รีบพาสามีพาส่งโรงพยาบาลสนามจันทร์ จ.นครปฐม เพื่อทำการรักษา มีการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งหมด 3 วัน แต่สุดท้ายหมอไม่สามารถยื้อชีวิตของสามีเอาไว้ได้ กระทั่ง 29 พ.ย. นายมานะ ผู้เป็นสามี ได้เสียชีวิตลง เวลาประมาณตี 1
จากนั้น 29 พ.ย. ในช่วงบ่าย ตำรวจได้เชิญไปที่ สภ.กรับใหญ่ จ.ราชบุรี ได้นำตัวเข้าห้องสอบปากคำตลอดทั้งคืน และพยายามเค้นให้ตนเองเซ็นรับคำสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า แต่ตัวนางนิดไม่ยอมเซ็น ในที่สุด 30 พ.ย. ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหากล่าว ระบุในใบบันทึกจับกลุ่มว่า นายมานะ ผู้เสียชีวิตนั้นสันนิษฐานว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว และมีรายงานจากห้องปฏิบัติการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจพบสาร “เมโทมิล” ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายทางการเกษตร เป็นสารเคมีกำจัดแมลง
ซึ่งตำรวจระบุว่าจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าเป็นผู้วางแผนใส่ยาฆ่าแมลง ใส่ลงไปภายในน้ำดื่มให้สามีดื่มจนเสียชีวิต พร้อมแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ปลอมปนเปื้อนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคอื่นใดเพื่อบุคคลอื่นเสพหรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถูกตำรวจนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดราชบุรี ในวันที่ 1 ธ.ค. 64 ซึ่งได้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 2 เดือน 24 วัน
ระหว่างอยู่ในเรือนจำ ผลการตรวจจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจออกผลตรวจล่าสุดรอบที่ 2 ออกมาในวันที่ 9 ก.พ. ในเอกสารระบุว่า จากการตรวจวิเคราะห์หาสารพิษและยาเสพติดตัวนายมานะ กลับไม่พบสารพิษกลุ่มยาฆ่าแมลงในตัวอย่างเลือด และสรุปสาเหตุการตายคือ "ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว" ต่อมา 21 มี.ค. ศาลได้รับผลตรวจจากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจชัดเจนแล้ว จากนั้นวันที่ 24 มี.ค. ศาลจังหวัดราชบุรี จึงให้ประกันตัวโดยวางหลักฐาน 500,000 บาทออกมาเพื่อสู้คดี
นายสุรชาติ บอกอีกว่า หลังจากตนเองได้ทราบเรื่องตอนแรกก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อเห็นหลักฐานหลายอย่าง รวมถึงเอกสารการตรวจหาสารพิษในร่างกายของผู้ตาย ไม่สอดคล้องกับสำนวนของตำรวจที่ระบุ ทำให้แปลกใจและคิดว่าคดีดังกล่าวน่าจะมีพิรุธ และจากการสอบถามผู้เสียหาย ก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าสามี ไม่มีสาเหตุที่จะวางแผนฆ่า เนื่องจากตัวของผู้เสียหายเอง ได้อยู่กิน แต่งงานกับผู้ตายมากกว่า 16 ปีแล้ว มีลูกชายและลูกสาวด้วยกัน 2 คน ซึ่งผู้ตายนั้นทำประกันชีวิตให้กับลูกไว้จำนวนเงินกว่า 60 ล้านบาท รวมถึงทรัพย์สินมรดกต่างๆ หากสามีตายแล้วตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยาติดคุก คนที่จะได้รับมรดกจะเป็นใครที่ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งจากการสอบถามนางนิดเชื่อว่าถูกครอบครัวของสามีใส่ร้าย เพื่อหวังจะฮุบมรดกกว่า 100 ล้านบาทหรือไม่
อีกทั้งหลังการเสียชีวิตของนายมานะ วันที่ 9 ธ.ค. 65 แม่ของนายมานะได้ทำเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดกทันที ส่วนพี่ชายของสามีมาแจ้งขอเป็นผู้รับเลี้ยงบุตรทั้งสองแทน เนื่องจากนางนิดได้ติดคุก และเป็นผู้ต้องหา แต่โชคดีที่ศาลยังไม่อนุมัติ รับรองให้เป็นบุตรให้ เนื่องจากตัวนางนิด ศาลยังไม่ได้ตัดสิทธิ์และยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
นางนิด ยืนยันว่าตนเองไม่เคยคิดที่จะฆ่าสามี และตนเองไม่รู้จะทำแบบนั้นไปทำไม ส่วนข้อกล่าวหาที่ตำรวจแจ้งข้อหาว่าตนเองเจตนาฆ่าสามีโดยมีหลักฐานเป็นพยานที่เห็นตนเองไปซื้อยาฆ่าแมลง ตนเองยืนยันว่าที่ผ่านมาตนเองไปซื้อยาฆ่าแมลงมาปลูกต้นไม้ตามปกติ สามีก็เคยไปซื้อ แต่ทุกครั้งที่จะมีการผสมยาฆ่าแมลงปลูกต้นไม้ต่าง ๆ ตนเองจะให้ลูกน้องเป็นคนทำตนเองไม่เคยคิดที่จะแตะยาฆ่าแมลงหรือว่าเทใส่ลงขวดเลย
และคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกครอบครัวสามีใส่ร้าย ตอนนี้ได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว ตนเองยืนยันจะสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะอยากจะกลับไปหาลูกทั้ง 2 คน ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องตนเองไม่เคยเจอหน้าลูกเลยด้วยซ้ำ เพราะถูกกีดกันจากครอบครัวสามีหลังเกิดเหตุตลอด
ด้านพันตำรวจเอกวีรศักดิ์ กลั่นเกิด ผู้กำกับ สภ.กรับใหญ่ เปิดเผยว่า การที่ทางภรรยาอ้างตำรวจลงรายละเอียดคดีว่าพบสารเคมี ยาฆ่าแมลงในตัวผู้เสียชีวิตในตอนแรกนั้น แต่ผลชันสูตรศพนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่อีกฝ่ายได้มาระบุว่าไม่พบสารยาฆ่าแมลง หลังเป็นข่าวตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ และย้อนไปดูในสำนวน พบว่าคดีนั้นตำรวจได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปให้อัยการและสั่งฟ้องไปแล้ว ซึ่งมีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างมั่นใจว่านางนิดเป็นผู้ลงมือจริง เนื่องจากตำรวจได้สอบปากคำพยานบุคคลรายหนึ่ง ซึ่งระบุว่าเห็นนางนิดได้เดินทางไปซื้อยาฆ่าแมลงจริง และเมื่อผลตรวจสารพิษในผู้เสียชีวิตก็พบว่าเป็นสารลักษณะเดียวกันจริง ส่วนที่อีกฝ่ายอ้างว่ามีผลตรวจรอบ 2 ออกมาไม่พบนั้น ตนเองไม่ทราบว่าผู้ต้องหาได้หลักฐานมาจากไหน แต่ก็ขอให้ไปสู้ในชั้นศาล
ส่วนพยานหลักฐานอื่น ๆ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงงานที่เชื่อกันว่าที่โรงงานมีกล้องจรปิดกว่า 20 ตัวรอบโรงงานนั้น เห็นหรือไม่ว่านางนิดเป็นคนผสมยาพิษ หรือรอยนิ้วมือ หรือดีเอ็นเอบนขวดน้ำดื่มผู้ตายเป็นอย่างไร ตนเองไม่สามารถให้ข้อมูลได้ แต่ยืนยันตำรวจมั่นใจในหลักฐาน
เพื่อนบ้านให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่บ้านมานานแล้วหลังเกิดเหตุ สามีภรรยาคู่นี้ได้มาซื้อที่ดินทำโรงงานผลิตอาหารสัตว์ แยกออกมาจากครอบครัวใหญ่ ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ที่ผ่านมาธุรกิจของทั้งคู่เจริญรุ่งเรืองไปได้สวย แต่พักหลังตนเองมักจะเห็นทั้งสองสามีภรรยาทะเลาะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง บางคืนผู้เป็นภรรยาได้ออกมานั่งร้องไห้บนระเบียงชั้นสองของบ้าน บางคืนฝนตกหนักภรรยาได้ออกมานั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน ท่ามกลางสายฝน
วันที่เกิดเหตุตนเองทราบข่าวเพียงว่าผู้เป็นสามีได้ขี่จักรยานยนต์ออกกำลังกายอยู่ภายในบ้านปกติ ก่อนจะเป็นลมหมดสติ ชาวบ้านเล่าลือกันเองว่าภรรยาเป็นผู้วางยาพิษให้สามี แต่ส่วนตัวเเล้วตนเองก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าจริงหรือไม่ เพราะไม่ค่อยเข้าไปยุ่งหรือสุงสิงกัน ช่วงหลังพอทราบว่าภรรยาได้ประกันตัวออกมาแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเดินทางกลับมาที่บ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำ กิจการทั้งหมดก็ไม่รู้ใครดูแล แต่เท่าที่เห็นจะมีพี่ชายและน้องชายของผู้ตายแวะเวียนเข้ามาอยู่ในโรงงาน
