จากกรณีแม่ของ น.ส.บี (นามสมมติ) วัย 17-18 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ณรงค์ วังเสาร์ พนักงานสอบสวน สภ.สระแก้ว จ.สุพรรณบุรี ว่าลูกสาวถูกคนร้ายเป็นชายบังคับพาตัวไปข่มขืน ที่กระท่อมกลางทุ่งนา ใน ต.สนามคลี อ.เมืองสุพรรณบุรี
หลังรับแจ้งและสอบปากคำเบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช แพทย์เก็บร่องรอยการถูกข่มขืนไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.บี ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุ พร้อมเล่าว่า คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคงไปเฝ้าดูตนหลายวัน และเฝ้าติดตามจนรู้ว่าตนเลิกงานเวลาไหน เนื่องจากคงจะแอบชอบตน แต่ตนไม่ได้สนใจ และคนร้ายได้อาศัยช่วงที่ตนเลิกงานขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านคนเดียว ติดตามไปถึงจุดเกิดเหตุ เป็นที่เปลี่ยวลงมือก่อเหตุ
หลังก่อเหตุคนร้ายได้พาตนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปที่บ้านของคนร้ายระหว่างทาง ได้อ้างตัวว่าเป็นหลานนักการเมืองระดับจังหวัด และรู้จักกับตำรวจด้วย จึงทำให้ตนและทางครอบครัวกลัวว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และขอฝากให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
นายคลัตช์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนแอบชอบผู้เสียหาย และคบหากันมาได้ประมาณ 15 วัน แต่ไม่ได้บอกว่าชอบ ได้แอบมาเฝ้าดูที่ทำงาน กระทั่งวันก่อเหตุตนได้ขับรถมารอที่ทำงาน ก่อนจะขับรถไปดักรอบริเวณจุดเกิดเหตุ เมื่อผู้เสียหายมาถึง ได้รถไว้ข้างทาง ก่อนจะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตนไปที่กระท่อมกลางทุ่งนา เพราะบ้านตนไม่มีห้อง
ตนยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับผู้เสียหาย 1 ครั้งจริง แต่ไม่ได้ข่มขืน เป็นการยินยอมของฝ่ายหญิง ก่อนที่จะลงมือก่อเหตุตนได้เสพยาบ้าไป 3 เม็ด
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เบื้องต้น ยังไม่ได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหา ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อไป
นายตน อายุ 32 ปี พี่ชายของผู้ก่อเหตุ บอกว่า เมื่อคืนวานนี้ เวลาประมาณ 23.30 น. น้องชายกับผู้เสียหายได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาที่บ้าน จนสุนัขเริ่มเห่า เนื่องจากผู้เสียหายเป็นคนแปลกหน้า ทำให้ตนตกใจตื่นลุกออกมาหาน้องชายที่หน้าบ้าน
ตนสังเกตเห็นน้องชายกับผู้เสียหายในความมืดยืนคุยกันในความมืด ซึ่งดูเหมือนกันคนสนิทสนมกัน ตนยังได้ต่อว่าน้องชายไปว่า "ทำไมพาเพื่อนมาดึก ๆ ดื่น ๆ รีบไปส่งเพื่อนเดี๋ยวนี้" น้องชายของตนก็ได้ขอเงินเติมน้ำมัน 30 บาท แต่ตนให้ไป 40 บาท แล้วน้องชายก็ได้พาผู้เสียหายกลับออกไป
จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สระแก้ว ก็ได้เดินทางมาเชิญตัวน้องชายของตน เพื่อสอบปากคำ ซึ่งตนยังคงรู้สึกงงว่าเกิดเหตุอย่างนี้ได้อย่างไร สำหรับน้องชายของตนนั้นเป็นคนทำมาหากิน ไม่เคยจีบผู้หญิง ไม่เคยสร้างปัญหาเกี่ยวกับผู้หญิง ไม่เคยคบใคร เพราะน้องชายของตนหน้าตาไม่ดี ไม่ค่อยรู้หนังสือ และขี้อาย ส่วนยาเสพติด น้องชายไม่มีประวัติว่าเสพ และไม่เคยเสพให้เห็น
ทั้งนี้ เหตุที่เกิดขึ้นตนไม่ได้เข้าข้างน้องชาย แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่าหากฝ่ายหญิงไม่สมยอม ทำไมถึงไม่มีร่องรอยการขัดขืน หรือร้องตะโกนให้ชาวบ้านช่วย อีกทั้งขณะที่ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าบ้าน ทั้งคู่ก็ยืนคุยกันอย่างสนิทสนม อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนคดีนี้ด้วยความเป็นธรรม ขอให้ยึดตามพยานหลักฐาน ซึ่งหากน้องชายของตนผิดจริง ตนก็จะไม่เข้าข้าง
