หนุ่มใหญ่ร้องสื่อฯ ถูกดูดเงินจากบัญชีกว่า 1 แสน จี้ ธนาคารดังรับผิดชอบ

19 ก.ค. 65

เอาบ้านไปจำนอง ทำทุนก้อนสุดท้ายในชีวิต หนุ่มใหญ่ทุกข์สาหัส เงินถูกดูดจากบัญชีธนาคาร กว่า 1 แสนบาท เหลือ พันกว่าบาท

 

วันที่ 19 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพัชรพล อายุ 51 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยาผู้ เสียหายนำเอกสารสมุดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งและใบแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.พระนครศรีอยุธยามาให้ผู้สื่อข่าวดูหลังจากเงินที่ฝากไว้กับธนาคารดังกล่าว จำนวน 115,000 บาทได้หายออกจากบัญชีไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ครั้งที่ 1 เวลา 15.03 น. เป็นจำนวนเงิน 11,500 บาท ครั้งที่ 2 เวลา 15.08 น. เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาทเวลา15.13 น. ครั้งที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 3,500 บาท เหลือเงินติดบัญชีเพียง 1,000 กว่าบาท

 

โดยที่ตนเองไม่ได้เป็นคนทำธุรกรรมทางการเงินแต่อย่างใด แต่กลับพบว่าเงินถูกดูดออกไปยังบัญชีอื่น
นายพัชรพลกล่าวว่าก่อนหน้านี้ตนเองขายของออนไลน์โดยจะมีเงินผ่านบัญชีเล่มดังกล่าว แต่มาช่วงหลังๆเศรษฐกิจไม่ดี ตนเองจึงหยุดขายอาหารตามสั่ง แต่ก็ยังใช้สมุดบัญชีเล่มดังกล่าวอยู่

 

กระทั่งตนเองได้นำบ้านไปจำนองและโอนเงินเข้าบัญชีเล่มดังกล่าว กระทั่งเช้าวันที่ 19 มิถุนายน ตนเองต้องใช้เงินในการจ่ายค่าน้ำค่าไฟจึงหยิบโทรศัพท์มาเพื่อโอนจ่ายค่าน้ำค่าไฟบนแอปพลิเคชั่นผ่านโทรศัพท์มือถือ ก็ตกใจพบว่าเงินที่ตนเองนำบ้านไปจำนองเพื่อหวังจะมาทำทุนครั้งใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองได้เปิดร้านอาหารตามสั่งแต่ประสบปัญหาโควิด ทำให้ต้องขาดทุนและต้องปิดร้านถาวร ตนเองจึงหวังว่าจะนำเงินก้อนสุดท้ายที่นำบ้านไปจำนองมาให้ภรรยาลงทุนค้าขายใหม่อีกรอบ

 

แต่ก็พบว่าเงินจำนวนนี้หายไปจากธนาคารแบบล่องหน ซึ่งตนเองมาทราบอีกครั้งหนึ่งก็พบว่าเงินถูกดูดออกไปหมดแล้วตนเองจึงตรวจสอบระบบ Message พบว่ามีข้อความเด้งมาในโทรศัพท์มือถือว่ามีการดำเนินการขอเลข OTP ใหม่เพื่อจะดำเนินการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งตนเองยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำระบบการเงินด้วยตนเอง


ตนเองจึงได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.พระนครศรีอยุธยาและนำใบแจ้งความไปยังธนาคารดังกล่าวเพื่อให้ธนาคารติดตามเงินจำนวนนี้กลับคืนมา ซึ่งทางธนาคารก็ชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวที่มีเงินหายออกไปธนาคารมีมีการโอนออกไปในระบบอินเตอร์เน็ตและมีการเคลื่อนไหวผ่าน Statement SMS และ OTP ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวต้องมีคนผิดแต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ
แต่ขณะนี้เวลาผ่านไป 1 เดือนแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า รู้สึกไม่มั่นใจในระบบของธนาคารเพราะหลังเดินเรื่องขอเงินคืน

 

ส่วนตัวรู้สึกว่าเหมือนถูกผลักภาระให้ติดตามหาตัวคนทำผิดเอง จึงวอนให้คนที่เกี่ยวข้องหรือใครก็ได้ออกมาช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง เนื่องจากเงินก้อนนี้เป็นก้อนสุดท้ายในชีวิต ตนเองไม่เหลืออะไรแล้วไม่ได้เงินก้อนนี้จะทำให้ครอบครัวของตนเอง 3 ชีวิตเดือดร้อนมาก เงินที่ไปกู้เขามาก็ต้องมาสูญหายไปโดยพริบตาที่เหลือติดบัญชีเพียง 1,000 กว่าบาทตนเองก็ต้องรีบไปกดออกมาเพราะกลัวว่าจะถูกมิจฉาชีพดูดออกไปอีกเพื่อนำไปซื้อข้าวซื้อน้ำซื้อนมมาไว้ประทังชีวิต

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส