ในอดีตหากพูดถึงชื่อ
“โจแอน บุญสูงเนิน” แน่นอนว่าใครหลายคนจะต้องนึกถึงสาวประเภทสองที่มีความสามารถในการเลียนเสียงคนดังได้หลายร้อยแบบ ช่วงชีวิตที่ผ่านมาเจ้าตัวเคยโด่งดังถึงขั้นไปไหนมาไหนก็มีคนคอยเรียกตลอดเวลาถึงขั้นต้องปลอมตัว แต่จู่ๆ ชีวิตที่เหมือนกำลังจะไปได้สวย ก็กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะอาการป่วย รวมถึงหนี้สินต่างๆ นาๆ มากมาย
ล่าสุด 23 มิถุนายน 2560 เวลา 13.15 น. โจแอน บุญสูงเนิน เดินทางมาเปิดใจกับอมรินทร์ทีวี ผ่านทางรายการ APOP บันเทิง 34 เปิดเผยว่า ตอนนี้รับงานอีเว้นท์ทั่วไป และมีงานประจำอยู่แล้ว ช่วงนี้ต้องดูแลตัวเองและพักผ่อน ซึ่งชีวิตประจำวันของเรา จะนอนกลางวัน กินอาหารเสริมช่วย และควบคุมอาหารมาโดยตลอด
หากถามถึงเรื่องสุขภาพ ตอนนี้เป็นมะเร็งเม็ดเลือด ขั้น 3 อยู่ในขั้นปลอดภัย คุมเม็ดเลือดขาวได้ และตัวเองสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมา แต่ผ่านการรักษามาอย่างหนักมาก การรักษาต้องใช้คีโม ในการฉีด ซึ่งเวลาเข้าไปในร่างกายแล้ว มันจะต่อสู้กับร่างกาย มีอาการร้อน ผื่นขึ้น แสบตัว เหมือนเข็มพันเล่ม ยาแรงนอนก็ไม่ได้ ทานอะไรก็อาเจียน เวลารับยามาจะเพลีย เจ็บ เหนื่อย เป็นอาทิตย์ แต่ก็สู้ รวมเข้าปีที่ 5 ไม่ต้องให้คลีโมแล้ว ประมาณ 21 ครั้ง พร้อมถ่ายเลือด
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย จะเเบ่งเงินเป็น 3 ส่วน คือของตัวเอง ครอบครัว และเงินกองคลับ ค่ารักษาพยาบาล พอมันเกินกว่านั้น มีที่ดินเพื่อนชวนซื้อที่ดิน บ้านเราก็ขาย ไม่ได้บอกใครว่าป่วยด้วย รวมๆแล้วเกือบ 5 พันบาท ระยะเวลา 5 ปีกี่ละล้าน ซึ่งช่วยป่วยเราจะหันหน้าเข้าธรรมะ เป็นคนเข้าวัดเข้าวาตั้งแต่เด็ก หาแหล่งทางยึดเหนี่ยว ใช้ธรรมะเข้ามาช่วย ตอนรับคีโม ครั้งที่ 3 รู้สึกทรมาน แต่มีกำลังใจคือคุณแม่ เราเหลือแต่แม่ ไม่มีคุณพ่อ และกลัวคุณแม่จะเป็นโรคตรอมใจ
เราเกิดมาเพื่อเอ็นเตอร์เทน บางทีก็แต่งหน้า ซ้อมการทำหน้าต่างๆ เราไม่ได้สร้างภาพอะไร เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น เราไปรับงานของสินค้าตัวหนึ่ง มีอาการมึน แดนเซอร์ต้องคอยช่วยพยุง งานสุดท้ายก็มีรถโรงพยาบาลไปรอรับ และทำการตรวจเช็คเลย ซึ่ง 17 ปีที่แล้ว ไปงานร้องเพลง กระแสตอบรับดีมาก ทุกคนจำได้ ไปไหนก็มีคนเรียก ซึ่งงานเข้ามาเยอะมากช่วงนั้น เดี๋ยวบินไปประเทศนั้น ประเทศนี้ รวม 20 กว่าประเทศ แต่จู่ๆ ก็มีอาการเกลียดตัวเอง เป็นอาการชาปลายนิ้ว หลัง คอ แกนสมอง ตอนนั้นกำลังจะขึ้นโชว์ อยู่ดีๆ เราก็บอกกับผู้จัดการว่า ไม่ร้องแล้ว ไม่อยากร้อง จะกลับเลย เราก็สงสัยว่าเป็นอะไร เคยมีถึงขั้นปลอมตัวออกจากบ้าน ให้ผู้จัดการ ไปซื้อหนวด ใส่แว่นดำ เพราะไม่อยากให้ใครทัก
พอมีคนจำได้ เราก็วิ่งหนีเขา
คิดมากถึงขั้นไปสมัครงานเป็นคนใช้อยู่ที่บ้านเศรษฐี แต่ด้วยความที่เขาเป็นแม่ของเพื่อนเรา เขาจำได้ว่าเราเป็นใคร ก็ไล่เราให้กลับบ้าน เพราะเราไม่ควรต้องมาทำอะไรแบบนี้
ส่วนการเป็นหนี้ เวลามีเงินจะชอบแจก ทำงานเสร็จก็แจก หลังคุณพ่อเสีย ประมาณ 3 ปี ก็มีจดหมายมาบ้าน ก็เปิดดู จนถามคุณแม่ เขาก็เล่าให้ฟัง จนตอนนี้หมดแล้ว สำหรับหนุ่มที่ไปไหนมาไหน ด้วยกันนั้น ไม่ใช่แฟน ซึ่งเป็นลูกบุญธรรม มาขอเป็นลูกผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเราก็ดูๆ ไป ก็ดูดี นิสัยดี ไม่ได้อยากเป็นดารา จนตอนนั้นแฟนหึงไปเลย ต้องจับนั่งคุยกัน เคยถามเขาว่าทำไมมาขอเป็นลูก เขาก็บอกว่าไปดูดวงมา ว่าถ้าเขามาอยู่กับเรา เขาจะเจริญ และเขาเห็นเราเป็นไอดอลอยู่แล้วด้วย เลยไม่มีปัญหาอะไร