กองปราบสรุปสำนวนคดี 42 แฟ้ม เสนออัยการสั่งฟ้อง "ซินแสโชกุน" ฉ้อโกงประชาชนมูลค่ากว่า 51 ล.

23 มิ.ย. 60
23 มิถุนายน 2560 ที่ กองปราบปราม พลตำรวจเอกกวี สุภานันท์ ที่ปรึกษา สบ.10 ด้านกฎหมายและการสอบสวน และพลตำรวจตรีชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงสรุปสำนวนคดีนางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน เจ้าของบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด ที่หลอกลวงประชาชนให้ร่วมซื้อสินค้า แล้วได้ผลตอบแทนเกินจริง เพื่อนำสำนวนคดี 42 แฟ้ม มาตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนส่งมอบให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไป สำหรับคดีดังกล่าว มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้วจำนวนทั้งสิ้น 757 คน สอบพยานไปทั้งหมด 175 ปาก มูลค่าความเสียหายราวม 51 ล้านเศษ มีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินไปประมาณ 9 พันกว่าธุรกรรม คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 10 ราย แบ่งออกเป็นนิติบุคคล 1 ราย และบุคคล 9 ราย ประกอบไปด้วย นส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน, นส.มณฑญาณ์ นิรันดร, นายก้องศรัณย์ แสงประภา, นส.ทัศย์ดาส สมัครกสิกรรณ์, นางประนอม พลานุสนธิ์, นางณิชมน แสงประภา, นส.พารินธรญ์ หงษ์หิรัญหรือ ดัคกอร์, นส.สุดารัตน์ เอนกนวล และนายโกวิท ช่วยสัตว์ ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1-10 มีความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 โดยผู้ต้องหาที่ 2-10 ยังมีความผิดฐาน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และซ่องโจร ตามพระราชบัญญติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 นอกจากนี้ผู้ต้องหาที่ 1-2 ยังร่วมกันกระทำความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง และผู้ต้องหาที่ 2 กระทำความผิดฐาน ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวข้องแก่ของนั้น ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ระบุว่า ปปง. ได้ใช้มาตรการกับคดีของซินแสโชกุนทั้งมาตรการทางแพ่ง และอาญา และหากปปง.ตรวจพบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ฐานฟอกเงิน ก็จะทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป ส่วนตัวเลขผู้เสียหายที่ยื่นเรื่องขอคุ้มครองสิทธิ์ขณะนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 1,028 ราย อยู่ในขั้นตอนยื่นคำร้องต่อพนักงานอัยการเพื่อให้ศาลสั่งคุ้มครองสิทธิ์ โดยจะเอาเงินที่ยึดและอายัดมาได้ทั้งหมดมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งถ้าผู้เสียหายมีเบาะแสว่าผู้ต้องหามีเงินซุกซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง ก็สามารถร้องเรียนมาทางปปง.หรือที่กองปราบได้

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ