จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองมุกดาหารได้รับแจ้งจากญาติให้ช่วยเข้าช่วยเหลือให้นำตัวชาย อายุ 32 ปี ไปรักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร เพราะเกิดอาการผวาไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้พร้อมกับขังตัวเอง พร้อมกับภรรยาและลูกที่เพิ่งคลอดอายุ 1 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง แต่เจราไม่สำเร็จ
ต่อมา พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดมุกดาหาร ได้นำกำลังเพื่อเข้าปิดล้อมเพื่อกดดันให้ นายวีรพงษ์ บุญทวี อายุ 32 ปี ออกมาจากห้อง ซึ่งก็ยังไม่เป็นผล จนช่วงเวลา 17.45 น. นายวีรพงษ์ได้พาลูกและภรรยาออกมาจากห้อง แล้วเดินตรงไปยังรถยนต์ อีซูซุ สีบรอนซ์ ขับหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว โดยใช้เส้นทางมุกดาหาร-กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามตาม
ล่าสุด วันที่ 4 ก.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ดินทางลงพื้นที่บ้าน หมู่ 6 ต.กุดเเข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุ โดยเมื่อทีมข่าวเข้าไปที่บ้านก็ได้พบกับ นายจำนงค์ บุญทวี อายุ 62 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ นายจำนงค์ แจ้งกับทีมข่าวว่าให้รีบออกจากพื้นที่ เนื่องจากว่าตอนนี้ทางลูกชายติดต่อกลับมาแล้วว่าจะกลับเข้าบ้าน เพราะกลัวจะไปเจอกับลูกชายแล้วจะคลุ้มคลั่ง
นายจำนงค์ เปิดเผยว่า ลูกชายน่าจะมีความเครียดสะสมหลายเรื่อง มีเรื่องทะเลาะกับภรรยา บวกกับเสพยาเสพติด แต่ตนไม่ทราบว่าเสพนานหรือยัง เพราะตั้งแต่ลูกโตก็ต่างคนต่างอยู่ ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยเห็นลูกชายจะมีปัญหารุนเเรงกับภรรยา ลูกชายเริ่มมีอาการผิดปกติมาได้ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ไม่ทราบอีกว่าลูกชายมีปัญหาอะไรในใจ
ตนคาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ลูกชายติดยาเเละอาการกำเริบ อีกทั้งยังเคยพูดว่าอยากตาย รวมถึงพูดขู่จะฆ่าเมียกับลูก โดยลูกชายของตนยังไม่เคยไปรักษาอาการเหล่านี้ โดยหลังจากลูกชายกลับมาแล้ว ก็จะพาลูกชายไปรักษาตัวต่อ
เบื้องต้น ตนได้โทรคุยกับลูกชายแล้ว ทราบว่าตอนนี้ลูกสะใภ้และหลานปลอดภัย ต่ลูกชายคุยเหมือนกับคนไม่ค่อยมีสติ คล้ายคนบ้า บ้างครั้งก็พูดรู้เรื่องบางครั้งก็ไม่รู้เรื่อง ตนเองก็ห่วงสะใภ้และหลาน ซึ่งหากลูกชายต้องไปรักษาตัวตนก็จะดูแลหลานเอง เหตุการณ์นึ้ ตนเคยเห็นแต่ในข่าว พอมาเจอกับตัวเองก็อยากให้จะให้คนในครอบครัวระมัดระวัง ดูแลคนในครอบครัวให้ดี เพราะหากเกิดเหตุขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะไม่สามารถช่วยได้
นางกล้วย (นามสมมติ) อายุ 49 ปี เพื่อนบ้าน ทราบว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้ออกไปดำนาตั้งเเต่เช้า จนกระทั่งช่วงเย็นประมาณ 16.00 น. ตนกำลังจะเข้าบ้าน หลานสาวโทรไปบอกว่าอย่าเข้าบ้าน เพราะตำรวจกำลังล้อมจับชายคลั่ง ที่หน้าปากซอยบ้าน ส่วนใครที่อยู่บ้านก็อย่าออกมาจากบ้าน ให้ปิดล็อกประตูให้สนิท จนสุดท้ายตนได้กลับเข้าบ้านตอนประมาณ 17.00 น. เพราะผู้ต้องหาขับรถหนีออกไปแล้ว
ซึ่งนายวีรพงษ์ หรือ เล็ก ตนเองก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง เพราะเขาเพิ่งจะออกจากคุกมาได้ประมาณ 1 ปีกว่า คดีฆ่าคนตายเมื่อ 3-4 ปีก่อน เมียคนก่อเหตุตนไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะปกติ 3 คนนี้จะไม่ได้อยู่บ้านที่เกิดเหตุ เพราะบ้านนี้เป็นบ้านของพ่อแม่นายวีรพงษ์ ปกติพวกเขาจะอยู่ที่บ้านโคกสูง
พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุที่มีอาการคลั่งแบบนี้ ตนก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพิ่งจะเกิดครั้งเเรกในชุมชน เท่าที่ตนเคยได้ยินมาก็เคยขังเมียไว้ในห้องเป็นเดือนก็มี ยอมรับว้าเมื่อวานตนกลัวมาก กลัวลูกหลานจะได้รับอันตราย วันนี้ชาวบ้านก็ใช้ชีวิตกันปกติ ขับผ่านหน้าบ้านได้ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในบ้านเขา
ด้านนายสมสา ใจเที่ยง อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลกุดเเข้ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ตอนช่วงเช้าประมาณ 07.00 น. ตนได้รับเเจ้งจากกำนันว่ามีเหตุคนถูกจับกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยคนถูกจับเป็นเมียและลูกผู้ต้องหา ถูกขังไว้ในห้องนานหลายชั่วโมง ซึ่งคาดว่า ฝ่ายชายน่าจะมีการเสพยาเสพติด ไม่เช่นนั้นคงจะมีสติมากกว่านี้ อันที่จริงหากตำรวจจะบุกเข้าไปก็ทำได้ แต่เป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กเเละภรรยาของผู้ก่อเหตุ ยังได้ยินเสียงปืนที่นายเล็กยิงขู่เจ้าหน้าที่อีกประมาณ 10 นัด จากนั้นในช่วงเย็น นายเล็กก็พาเมียและลูกขึ้นรถหลบหนีไป ไม่ใช่ว่าตำรวจไม่เห็น แต่หากสกัดก็เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็ก
เดิมนายเล็กมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่น ก่อนมาอยู่ที่บ้านของพ่อเเม่ในพื้นที่นี้ เเม่ของผู้ต้องหาได้ปลูกบ้านไว้อีกที่หนึ่งไว้ด้วย ก่อนจะพาเมียและลูกมาอยู้ที่บ้านพ่อหลังนี้ ยังไม่นานมาก เพิ่งจะออกจากคุกมาได้ 1 ปี กว่า ๆ หลังจากติดคุกไปนาน 4-5 ปี เนื่องจากทะเลาะวิวาทแล้วยิงคนตาย พอออกจากคุกมาตนก็ทราบว่านายวีรพงษ์ได้มีภรรยาเเล้ว เท่าที่เห็นก็เป็นคนเงียบ ๆ ไม่สนใจใคร ไม่ค่อยมีเพื่อน
นางกุ้ง (นามสมมติ) อายุ 48 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตจากคดีที่นายวีรพงษ์เคยก่อไว้ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เมื่อปี 2557 (8 ปีก่อน) ตนไม่ได้อยู่บ้าน เพราะไปอยู่บ้านลูกสาว ตอนนั้นลูกชายของตน นายต้น อายุ 17 ปี ได้ไปงานเเต่งของเพื่อนบ้าน โดยตอนนั้นคนก่อเหตุ อายุ 25 ปีก็ไปด้วย ตอนนั้นทุกคนกำลังสนุกสนานกันดี จนชาวบ้านเห็นว่านายวีรพงษ์มีการดื่มเหล้าจนเมา ก่อนจะพูดว่า "จะฆ่า ๆ "ก่อนจะเอาปืนมายิงลูกชายตน เหตุการณ์ตอนนั้นมีหลายคนเห็น นายวีรพงษ์อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งแบบเมื่อวานนี้ คาดว่ามีการเมาสุรา และเสพยาเสพติด อีกทั้งยังมีการใช้อาวุธปืนเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้น ครอบครัวคนก่อเหตุก็ให้เงินเยียวยา 50,000 บาท เพื่อมาทำบุญงานศพ ตนจึงขอเรียดเงินอีก 200,000 บาท แต่ก็ไม่ได้อีก เพราะผู้ก่อเหตุก็เข้าคุกไป พ่อกับเเม่เขาก็บอกว่าให้ไปเงินจากลูกชาย หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้อะไรอีก ตนเริ่มปลง เพราะอย่างน้อยตนก็ได้ทำบุญให้ลูกแล้ว ตนคิดว่าอย่างน้อยเวรกรรมก็อาจมีจริง
จนกระทั่งเมื่อ 1 ปีก่อนที่นายวีรพงษ์ออกจากคุกมา พ่อเเม่เขาก็จัดงานต้อนรับขวัญผูกเเขนลูกชายใหญ่โต เอาหมอลำมาจัด ตอนนั้นตนเจ็บปวดมาก ที่ลูกชายบ้านนั้นได้รับการต้นรับกลับบ้าน เขามีความสุข แต่ลูกชายตนต้องเสียชีวิตไป