แม่เฒ่าดับทิ้งปริศนา ญาติพุ่งปมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตุ๋น 3 แสน

22 มิ.ย. 65

แม่เฒ่าคิดสั้นลาโลกคาดถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตุ๋น 3 แสน ลูกชายบินด่วนกลับไทยไขปริศนา ผู้ใหญ่บ้านไม่ฟันธง ชี้มีพิรุธหลายจุด


จากกรณี นางพินคำภาหมี อายุ 67 ปีผูกคอตัวเองเสียชีวิตบริเวณหลังคาหน้าบ้านพักที่บ้านวัวข้อง ต.บ้านเลื่อม อ.เมืองจ.อุดรธานี จากการเปิดเผยของลูกสาวและญาติคาดว่าสาเหตุที่ผู้ตายคิดสั้นน่าจะมาจากการเป็นหนี้กู้ยืมเงินจากญาติและคนรู้จักแล้วโอนไปให้กลุ่มบุคคลหนึ่งที่อ้างว่าอยู่ในเส้นทางการเงินระหว่างประเทศที่ลูกชายของผู้ตายโอนเงินมาให้จากประเทศไต้หวัน 1 แสนบาทเพื่อเป็นค่าปลดล็อกธรรมเนียมใหม่ หลังจากผู้โอนเงินคนแรกใส่เลขที่บัญชีธนาคารผิดไป 1 หลัก กระทั่งมีการโทรศัพท์กลับมายังผู้เสียชีวิตหว่านล้อมให้โอนเงินไปให้กลุ่มคนดังกล่าวในการดำเนินการก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะหลงเชื่อ สูญเงินไป 3 แสนบาท

ก่อนที่จะคิดสั้นผู้ตายพยายามจะหาเงินไปโอนให้อีก 5 หมื่นบาท ญาติทักท้วงให้ไปแจ้งความแต่กลับกลายมาก่อเหตุคิดสั้นผูกคอตัวเองจนเสียชีวิตดังกล่าว


ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดอินทราราม บ.วัวข้อง ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี สถานที่ตั้งศพของนางพินคำภาหมีที่ญาติตั้งใจจะสวดอภิธรรมศพ 3 วันและจะมีพิธีฌาปนกิจในช่วงบ่ายของวันเสาร์นี้ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวการเสียชีวิตทยอยเดินทางมาเคารพศพและต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าสาเหตุที่นางพินก่อเหตุคิดสั้นเกิดจากเรื่องใดกันแน่ หลังจากลูกชายของผู้เสียชีวิตทราบข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมายืนยันว่าเหตุการณ์ที่ถูกแทงจนบาดเจ็บที่ไต้หวันจนได้เงินค่าเยียวยามาจำนวนหนึ่งและโอนมาให้แม่ใช้หนี้ 1 แสนบาทนั้นเป็นเรื่องจริง แต่โอนผิดบัญชีเนื่องจากใส่เลขบัญชีผิดไป 1 หลัก


นายสมบูรณ์ อุตรักษ์ อายุ 54 ปี ญาติผู้ตายเล่าว่าช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคนตายโทรศัพท์มาหาให้เข้ามาคุยด้วยจากนั้นคนตายก็ได้ส่งสลิปโอนเงินมาทางแชตเฟซบุ๊กให้ดูว่าได้โอนเงินกว่า 3 แสนบาทเพื่อเป็นค่าปลดล็อกบัญชีที่ลูกชายโอนเงินมาให้ ตอนนั้นตนยังไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากเลยเปิดดูหลักฐานสลิปการโอนเงินก็พบว่าผู้ตายได้โอนเงินเข้าบัญชีทั้งหมด 3 คนเป็นผู้ชาย 2 คนและผู้หญิง 1 คน มีการโอนเงินไปหลายครั้งยอดตั้งแต่ 500–100,000 บาท ซึ่งผู้ตายออกไปโอนเงินตามร้านค้าที่รับโอนเงินโดยมีข้อความที่ทำให้สงสัยว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บอกถ้าส่งเงินมาตามจำนวนนี้ก็จะได้เงิน พอถึงเวลาเงินก็ยังไม่ถูกโอนเข้าบัญชี

แก๊งคอลเซ็นเตอร์


วันต่อมามีโทรศัพท์โทรมาว่าต้องการเงินอีก ให้ผู้ตายหามาแล้วโอนเงินให้ทำให้ ผู้ตายต้องไปยืมเงินญาติและคนรู้จักอีกถึงขนาดเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเพื่อที่จะยืมเงินมาโอนให้ ก่อนหน้านี้ตนก็เคยเตือนผู้ตายแล้วว่าให้ไปแจ้งความเพราะคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกโอนเงินแน่นอน แต่ผู้ตายไม่ยอมไปแจ้งความมีแต่บอกว่าให้รอลูกชายสัก 2-3 วันก่อนว่าจะทำยังไงก่อนที่ผู้ตายจะคิดสั้น ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกอุบายอีกว่ารออีก 10 วันค่อยโอนมาให้อีก 5 หมื่นบาทก็ได้ แต่ถ้าโอนมาก็จะได้รับเงินทันที เรื่องนี้อาจจะทำให้ผู้ตายคิดมากจนผูกคอเสียชีวิตก็เป็นได้


นายสมคิด ยงยืน อายุ 52 ปี ผญบ.บ้านวัวข้องเล่าว่า ขณะกำลังเดินทางไปทำใบมรณะบัตรให้กับลูกบ้าน ลูกชายของผู้ตายได้โทรมาหาญาติที่กำลังขับรถยนต์อยู่ ตนจึงได้คุยกับลูกชายของผู้ตายก่อนสอบถามว่าได้โอนเงินให้กับแม่จริงหรือไม่ ตัวเขายอมรับว่าโอนเงินจริงแต่โอนเข้าผิดบัญชีซึ่งเขาบอกว่าเป็นธนาคารกลางเงินก็เลยถูกอายัดเอาไว้จำเป็นต้องเสียค่าปลดล็อก ก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยมาขอยืมเงินตน 5 หมื่นบาทแต่ตนไม่มีให้ ส่วนผู้ตายจะโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกหรือไม่ก็ยังไม่มั่นใจเพราะมองได้หลายมุม จะเป็นการหลอกให้แม่โอนเงินไปให้หรือว่าลูกชายอาจจะถูกบีบบังคับก็ได้


"แต่มีข้อสงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องให้แม่โอนเงินไปยังบัญชีทางธนาคารคนอื่น แล้วทำไมไม่ให้แม่โอนเงินไปยังบัญชีของลูกชายเพราะปกติแล้วลูกชายจะโอนเงินเข้ามาบัญชีแม่อยู่ตลอดจะเป็นได้หรือไม่ว่าอาจจะโอนเงินผิดบัญชีแม่จึงได้สอบถามลูกชายผู้ตายว่าบัญชีทั้ง 3 ที่แม่โอนไปให้นั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่โดยลูกชายผู้ตายยืนยันมีตัวตนจริงอยู่ไต้หวัน โดยอีก 2 วันลูกชายของผู้ตายจะนั่งเครื่องบินกลับมาที่บ้าน ซึ่งตนได้บอกกับลูกชายของผู้ตายให้กลับมาคุยกันต่อหน้าหากคุยกันทางโทรศัพท์มันไม่ชัดเจนข้อมูลมันจะผิดพลาด"


จากการตรวจสอบกรณีนี้พบว่ามีหลักฐานข้อความทางเบอร์โทรศัพท์ส่งมาให้ผู้ตายระบุว่า มีค่าแก้ไขเอกสาร 30,000 บาท ค่าดำเนินการขอยกเลิกอายัดเงินทั้งหมด 50,000 บาท ค่าค้ำประกันบัญชีและยืนยันตัวจริงของผู้รับเงิน 50,000 บาท รวม 100,000 บาท ในส่วนนี้อ้างว่าทางธนาคารจะคืนให้ทั้งหมดหลังดำเนินการแล้วเพื่อป้องกันการฟอกเงินข้ามประเทศและยังมีหลักฐานการโอนเงินไปยังบัญชีชื่อ นายธนพล (สวนนามสกุล) วันที่ 12 มิถุนายน เวลา 12.58 น. ยอดเงิน 10,500 บาท เวลา 13.08 น. ยอดเงิน 500 บาท เวลา 13.17 น. 4,000 บาท เวลา 19.47 น. ยอดเงิน 10,000บาท, บัญชีชื่อนายวัลลพ (สวนนามสกุล) วันที่ 12 มิถุนายน เวลา 19.47น. ยอดเงิน 10,000 บาท และบัญชีชื่อนางสาวสุดารัตน์ (สวนนามสกุล) วันที่ 16 มิถุนายน เวลา 16.37 น. 35,000 บาท เวลา 20.00 น. ยอดเงิน 50,000 บาท วันที่ 17 มิถุนายน เวลา 17.10 น. ยอดเงิน 80,000 บาท รวมที่ผู้ตายโอนไปทั้งสิ้น 330,000 บาท

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส