ญาติสาวท้องถูกฆ่าทั้งกลมเชื่อตายเซ่นเงิน 8 แสน คาดสันติพาเพื่อนลากศพซุกรถ (คลิป)

15 มิ.ย. 65

ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมโหดที่ไต้หวัน หลังผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคนไทย คาดว่าจะเป็น "นายสันติ" ซึ่งเป็นเพื่อนกับทางผู้ตาย "นางมี่" หรือ น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ อายุ 35 ปี และรู้จักกับทาง "มาร์ค" นายประเสริฐ โนราษ อายุ 32 ปี สามีของนางลี่ที่เสียชีวิตเช่นกัน

574955

วันที่ 14 มิ.ย. 65 นายยิ่งยศ พี่ชายของนางสาวพจนีย์ ผู้ตาย เปิดใจกับอมรินทร์ ทีวี ว่าครอบครัวของตนกับนายสันติสนิทสนมกัน เพราะเป็นญาติห่าง ๆ กัน โดยน้องสาวของตนเป็นเพื่อนร่วมเรียนกับนายสันติตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา

880806

ก่อนที่น้องสาวของตนจะชักชวนนายสันติให้ไปทำงานที่ไต้หวัน เนื่องจากนายสันติเปิดบริษัททัวร์ แต่เจ๊งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยในระยะแรก นายสันติเดินทางไปทำงานเป็นล่ามและใช้แรงงาน ก่อนที่จะเข้ามาช่วยงานน้องสาวของตนบ้าง เช่น ขายอาหารและผลไม้ให้แรงงาน

204474

ตนคิดว่าประเด็นการฆาตกรรมน่าจะเกิดจากการที่นายสันติไม่อยากจะคืนเงินจำนวน 800,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาท ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับชู้สาวอย่างแน่นอน ชัดเจนว่านายสันติวางแผนและตั้งใจก่อเหตุ ทั้งนี้ ตนได้และครอบครัวได้ดูคลิปบางอย่างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน มั่นใจว่าเป็นหลักฐานสำคัญ แต่ตนไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่เกี่ยวพันระหว่างประเทศ

727680

ส่วนตัวตนไม่อยากเหมารวมความผิดของนายสันติกับครอบครัวของนายสันติ แต่หากจะให้มองหน้ากันเหมือนเดิมคงจะลำบาก แม้พ่อของนายสันติจะติดต่อไปหาแม่ของตน เพื่อขอโทษแทนนายสันติแล้วก็ตาม ตนขอให้นายสันติอย่ากลัวความผิด กล้าทำก็ต้องกล้ารับ ส่วนโทษทางกฎหมายนั้นขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินตามความยุติธรรม ถ้าเขาตั้งใจฆ่า 4 ชีวิต ไม่ขอตอบว่าอยากให้ประหารชีวิตหรือไม่

888924

นางสาวสิริพร แซ่หลี่ อายุ 30 ปี น้องสาวของนางสาวพจนีย์ ผู้เสียชีวิต ยอมรับว่าพี่สาวทำเกี่ยวกับปล่อยเงินกู้จริง ไม่ทราบว่าดอกร้อยละเท่าไร รู้แค่ว่าไม่ได้กำไรเยอะ เพราะจะเป็นลักษณะช่วยเหลือคนไทยในไต้หวันมากกว่าทำเป็นธุรกิจจริงจัง บางครั้งพี่สาวยังยืมเงินตนด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องของธุรกิจสีเทา เท่าที่ตนรู้คือไม่เห็นว่าพี่สาวจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ปกติแล้วตนกับพี่สาวจะไม่ได้คุยโทรศัพท์กันเท่าไร เพราะพี่สาวชอบโพสต์เฟซบุ๊ก ตนก็จะคุยกันผ่านโพสต์ของพี่สาว อย่างล่าสุดที่ได้คุยกันผ่าน we chat

738735

ส่วนนายสันติ ยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่ตนรักมาก เป็นเหมือนพี่ชายแท้ ๆ เรียกว่าเป็นพี่ชายที่รักของตนก็ว่าได้ เวลาที่เครียดหรือมีปัญหาชีวิตก็จะปรึกษากับนายสันติ เขาจะให้คำปรึกษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตใจหรือความคิด ไม่มีครั้งไหนที่ส่อแววเป็นฆาตรกรได้เลย และตนไม่มีความคิดแม้แต่นิดเดียวว่าเขาจะสามารถฆ่าพี่สาวได้ลงคอ แม้ว่าตอนนี้จะมีหมายจับออกมาแล้ว ก็ยังคิดไม่ออกว่าจุดไหนจะทำให้เขาฆ่าพี่สาวและสามีได้

พ่อแม่ของตนก็รักนายสันติมาก จะพูดว่ารักมากกว่าตนก็ไม่ผิด เพราะด้วยความสัมพันธ์อันดีของ 2 ครอบครัว ช่วยเหลือกันมาจนมีวันนี้ได้ สนิทกันจนปิดตาแล้วเดาก็รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะฉะนั้นอย่างเดียวที่รู้สึกตอนนี้คือจุก พูดอะไรไม่ถูก ส่วนเรื่องกระแสที่ออกมาว่าครอบครัวของนายสันติมีอิทธิพลในหมู่บ้านนั้น ตนไม่ได้มองแบบนั้น กลับกันคือเขาอยู่ในชุมชนนาน ช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าเขาจะมีอิทธิพลอย่างไร

ถ้าถามว่าความรู้สึกตอนนี้โกรธไหม บอกเลยว่ายังไม่โกรธ ขอแค่ให้เขาออกมาพูดความจริง แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที จะให้อภัยหรืออโหสิกรรมไหมก็ยังตอบไม่ได้ และตนไม่เชื่อด้วยว่านายสันติจะทำได้คนเดียว เพราะพี่สาวตนน้ำหนักประมาณ 110 กิโลกรัม ส่วนพี่เขยก็ 70 กว่ากิโลกรัม ในขณะที่นายสันติน่าจะจะหนักประมาณ 100 กิโลกรัม จึงเชื่อว่าน่าจะมีคนอื่นร่วมด้วย

799727

ส่วนของทางกฎหมายที่ประเทศไทย ทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี สอบถามกรณีดังกล่าว ด้านครอบครัวนายประเสิรฐเข้าข่ายที่จะได้รับเงินเยียวยาการเสียชีวิตจากอาชญากรรม นางสาวโชติกา พลรักษ์ นักวิชาการยุติธรรม ชำนาญการพิเศษ ในฐานะรองผู้อำนวยการยุติธรรมจังหวัด ระบุว่า เคสดังกล่าวของ นายประเสริฐแม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นคนไทยและยังคงถือสัญชาติไทย ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่ไต้หวัน ถือว่าเหตุเกิดขึ้นนอกเหนือราชอาณาจักรไทย ตามตัวบทกฎหมายที่ระบุถึงผู้มีสิทธิได้เงินเยียวยาดังกล่าวจำนวน 100,000 บาทนั้น ทำให้ครอบครัวไม่ได้สิทธิในส่วนนี้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส