6 สาวไทยแฉถูกจับขายซ่องเรียกค่าไถ่ 5 แสน เหยื่อหนีนรกโชว์ห้องขังคนหนีค้ากาม (คลิป)

11 มิ.ย. 65

กรณีเพจ "Survive - สายไหมต้องรอด" ลงภาพและเรื่องราว ระบุว่า #เตือนภัย! ตอนนี้มีกลุ่มเอเจนซี่ หลอกชักชวนน้องๆที่เคยทำงานเป็นพีอาร์ ให้ไปทำงานเป็นพีอาร์ที่ประเทศพม่าจำนวนมาก(มีคนพาข้ามช่องทางธรรมชาติที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย) บอกว่าจะมีรายได้เดือนละ 300,000 - 500,000 บาท ทำสัญญา 6 เดือน แต่พอไปถึงจะถูกบังคับให้ขายตัวทันที ใครไม่ทำต้องให้ทางบ้านหาเงินไปไถ่ตัว 250,000 บาท (ให้เวลา 3 วัน) ถ้าไม่มีเงินจะถูกบังคับขายตัว ทางเดียวที่จะรอดคือต้องหนีตายเข้าป่าเดินเท้าข้ามวันข้ามคืน หลายคนหลงป่าจนหายสาปสูญ... ปล.เมืองที่ถูกส่งไปขายตัวเป็นเขตปกครองตนเองการช่วยเหลือเป็นไปได้ยากมากค่ะ #พี่เอกภพกำลังเร่งประสานช่วยเหลือทุกคนนะคะ

300767

วันที่ 11 มิ.ย. 65 ทีมข่าวได้รับคลิปจากกลุ่มของหญิงสาวที่เป็นผู้เสียหาย 6 คน แอบบันทึกคลิปวิดีโอเพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการถูกหลอ และส่งมายังเพื่อนที่อยู่ในประเทศไทย

481651

โดยกระบวนการก่อนที่จะถูกส่งไปยังรัฐฉาน ประเทศเมียนมา หาระบุว่า พวกหนูทั้ง 6 คน ถูกหลอกมาใช้แรงงานอยู่ที่ประเทศเมียนมา ในพื้นที่รัฐฉาน ซึ่งอยู่ที่เมืองป๊อก จุดเริ่มต้นได้รับการบอร์ดงานจากกลุ่มชงเหล้าเอนเตอร์เทน กลุ่มดังกล่าวนั้นมีโมเดลลิงทั้งหมด 3 คน ซึ่งหัวข้องานคืองานเคทีวี เอนเตอร์เทน หมายถึงการชงเหล้าและดูแลลูกค้า ซึ่งมีรายได้ค่อนข้างสูง ซึ่งโมเดลลิงบอกให้นั่งรถไปลงที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และสามารถที่จะข้ามไปยังฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และนั่งรถต่ออีกไม่เกิน 5 ชั่วโมงก็จะถึงจุดหมาย

 

752499

 

ด้วยความไว้ใจจึงได้เดินทางไปตามที่โมเดลลิงบอก กลุ่มของตนเองที่เดินทางไปพร้อมกันนั้นไปพร้อมกันทั้งหมด 6 คน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. นั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปลงที่แม่สาย เดินทางไปถึงที่เชียงรายวันที่ 29 พ.ค. แต่เมื่อไปถึงยังไม่สามารถที่จะข้ามไปฝั่งท่าขี้เหล็กได้ โดยทันทีจึงนอนค้างที่เชียงราย 1 คืน ก่อนที่จะมีรถมารับในเช้าวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 30 พ.ค. มีการส่งรถมารับเพื่อข้ามฝั่งจากไทยไปประเทศเมียนมา โดยมีเจ้าหน้าที่ทางการซึ่งเป็นตำรวจของไทย และตัวแทนของฝั่งชาวเมียนมามารับ ลักษณะเหมือนทำทุกอย่างถูกต้อง

769486248377

เมื่อข้ามไปถึงฝั่งประเทศเมียนมาได้แล้ว ก็จะมีการนั่งรถอีกหลายต่อ กว่าจะถึงจุดหมายในพื้นที่ของรัฐฉาน ก็ได้อยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โดยมีการดูแลอย่างดี นับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. - 2 มิ.ย. มีเจ้าหน้าที่และตัวแทนของชาวเมียนมา 2 ผัวเมีย มาคอยดูแลเรื่องอาหารการกินและที่พัก และหลังจากนั้น ได้มีการเปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง โดยมีลักษณะข้ามน้ำ ซึ่งมีการใช้แพรและเดินต่อในป่า จนกระทั่งช่วงประมาณวันที่ 4 มิ.ย. ก็ถูกพาตัวไปอยู่ที่อาคารแห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นประตูกรงเหล็ก และหน้าต่างมีการติดกรงเหล็กเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนี

854056

โดยผัวเมียชาวเมียนมาบอกกับกลุ่มของตนเองว่ามีการซื้อตัวมาแล้ว จะต้องพาไปทำงาน ลักษณะของการให้บริการและขายบริการ ในพื้นที่พิเศษ ซึ่งตอนนั้นทุกคนก็ตกใจ เพราะตอนที่รับบอร์ดงานจากโมเดลลิ่ง เป็นเรื่องของการเอนเตอร์เทนและชงเหล้า แต่ไม่ได้มีการพูดถึงงานขายบริการ ทำให้กลุ่มของตนเองจึงตกอยู่ในชะตากรรมที่ถูกขัง และพยามติดต่อกับครอบครัวรวมถึงเพื่อนคนไทย จนกระทั่งถึงวันนี้ทุกคนปลอดภัยดี เพราะมีการออกอุบายบอกกับชาวเมียนมาว่า กำลังเตรียมตัวและพร้อมที่จะไปทำงาน จึงได้มีการย้ายไปอยู่ที่ห้องอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ห้องแบบลูกกรง แล้วมีการบริการอย่างดี เสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำ แต่มีลักษณะเหมือนทหารยืนคุมอยู่หน้าห้อง จึงได้อัดคลิปเพื่อที่จะขอให้หน่วยงานไทยเข้ามาช่วยเหลือ

920594

นางสาวณิชา (นามสมมติ) แม่ของนางสาวแนน ผู้เสียหายที่ถูกหลอก เปิดใจว่า ในวันที่ 28 พ.ค. ตนเองทราบว่าลูกสาวเดินทางไปทำงานต่างพื้นที่ เพราะเจ้าตัวประกอบอาชีพหลักเป็นสถาปนิก ทำงานเกี่ยวกับงานออกแบบตกแต่งภายใน แต่ช่วง โควิด-19 ก็มีการหารายได้เสริม โดยการไปรับชงเหล้าและงานเอนเตอร์เทน ส่วนตัวเองก็รู้มาตลอดว่าลูกสาวทำอาชีพนี้เสริม แต่ก็ไม่ถึงขั้นมีการกระทำที่เสียหาย แต่หลังจากที่ลูกสาวหายเงียบไป ตนเองก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าตัวจะเดินทางไปที่ จ.เชียงราย จนกระทั่งวันที่2  มิ.ย. ลูกสาวขาดการติดต่อไป แล้วตัวเองมารู้จักกลุ่มเพื่อนว่าเจ้าตัวเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปทำงานเอนเตอร์เทน และตนเองก็พยายามติดต่อลูกสาวแต่เบอร์โทรศัพท์รวมทั้งช่องทางไลน์ ก็ไม่สามารถที่จะติดต่อลูกสาวได้ จึงได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำเอาไว้ ที่โรงพักบางกอกน้อยว่าติดต่อลูกสาวไม่ได้

864594

จนกระทั่งวันที่ 6 มิ.ย. เป็นครั้งแรกหลังจากที่ลูกสาวหายตัวไป เจ้าตัวได้โทรศัพท์แบบไลน์ พร้อมกับวิดีโอคอลมาหาตนเอง แทบดูไม่ได้ หน้าตาโทรม เบ้าตาคล้ายถูกทำร้าย และมีร่องรอยตามแขนขา ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าถูกบังคับให้เดินป่า ข้ามน้ำขึ้นแพร แล้วเดินไปที่บ้านที่มีคนดูแล ลูกสาวแอบติดต่อและโทรมาบอกกับตนเอง จนกระทั่งทราบความจริงว่ามีการถูกหลอกออกไปนอกประเทศ

ตนทราบว่ากลุ่มของชาวเมียนมาที่มีการรับตัวไปจากโมเดลลิงคนไทย มีข้อตกลงว่าถ้าหากจะให้ได้รับการปล่อยตัวจะต้องมีเงินค่าไถ่ไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท หรือจะต้องทำงานให้ครบ 6 เดือน ส่วนตัวทราบเรื่องดังกล่าวแล้วยอมรับว่าตกใจ เพราะไม่รู้ว่าการที่พาลูกสาวออกนอกประเทศไป ต้องการที่จะเรียกค่าไถ่หรือต้องการอะไรกันแน่ แต่ถ้าหากจะต้องให้หาเงินจำนวน 500,000 บาทเพื่อไปไถ่ตัวลูกสาวคืนกลับมา ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะไม่ได้มีเงินมากถึงขนาดนั้น ฉะนั้นจึงอยากจะให้มีหน่วยงานทางการไทยรับเรื่องและช่วยประสานในการนำตัวลูกสาวและเพื่อนกลับมาอย่างปลอดภัย

433623

ด้านนางสาวไอช์ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ผู้เสียหายที่เคยหลบหนีจากพื้นที่กักขัง เปิดใจว่า ตนเองถูกหลอกไปทำงานเอนเตอร์เทนที่รัฐฉาน ประเทศเมียรมา เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 64 โดยตอนนั้นไปรู้จักกับกลุ่มโมเดลลิง 3 คน คือ นางสาวระริน ชาวจังหวัดเชียงราย, นางสาวลิตา ชาวจังหวัดชุมพร, นายอริส สาวประเภทสอง ซึ่งให้ค่าตอบแทนสูงหลักแสน ตนเองจึงได้ตกลง เพราะเข้าใจว่าคงไม่ไกลจากเขตชายแดน และเดินทางขึ้นเครื่องไปตามพิกัดนัดหมาย ตามที่นัดหมาย เมื่อไปถึงได้เจอเพื่อนคนไทยด้วยกันอีก 10 คน ซึ่งเข้าใจว่ารับงานมาจากกลุ่มบอร์ดงานของ 3 โมเดลลิงเหมือนกัน

126573

วันแรกที่มีรถทารับข้ามไปยังประเทศเมียรมา ยังมีการถ่ายคลิปเล่นมนรถอย่างสนุกสนาน คิดว่าจะได้ทำงานตรงตามที่ได้รับการบอร์ดงานมา แต่หลังจากถ่ายคลิปดังกล่าวแล้ว รถคันที่นั่งพาไปปล่อยที่เขตป่า กลุ่มตนเองมีคนมารับซึ่งแต่งกายคล้ายทหาร เดินผ่านแนวป่าหลายกิโลเมตร และยังต้องนั่งแพรข้ามน้ำ จนกระทั่งไปเจอกับพื้นที่หนึ่ง มีหลายตึก ตึกละ 10 ชั้น เป็นเหมือนอาณาจักรที่หลอกคนมาทำงานขายตัว และหลอกมาใช้แรงงานที่ทุกคนต้องมาอยู่รวมกัน

หลังจากหนีออกมาได้ คนเองก็มาดูข้อมูลคนที่ถูกหลอก ก็ไม่คิดว่าจะมีคนโดนคล้ายกับเคสของตนเอง แม้ว่าจะมีการส่งออกนอกประเทศคนละช่องทาง แต่สุดท้ายทุกคนก็จะถูกนำตัวไปรวมกันที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งก็เป็นสถานที่เดียวกัน และที่สำคัญคนที่ร่วมกระบวนการก็คือโมเดลลิงไทยทั้ง 3 คน คือกระบวนการเดียวกันทั้งหมด และหลังจากที่กลุ่มของตนเอง 1 ใน 10 คน กลับมาได้ สามารถหลบหนีมาอยู่ประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยเพียง 8 คน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส