วันที่ 22 พ.ค. 65 เจ้าของร้านจำหน่ายและติดตั้งเครื่องเสียง จ.ศรีสะเกษ ได้ไลฟ์สดเหตุการณ์ที่มีชายฉกรรจ์กว่า 10 คน นำรถยนต์มาจอดปิดล้อมรถยนต์ของลูกชายที่หน้ารีสอร์ต โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. แต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ มาขอตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ สี่ประตู สีขาว ทะเบียน กธ-7705 ศรีสะเกษ คันที่ลูกชายเป็นคนขับ โดยที่ไม่มีหมายค้นหรือเอกสารอะไรมาแสดง
โดยในคลิปจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็นปลัดอำเภอมีอำนาจในการตรวจสอบได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น จึงทำให้เจ้าของร้านเครื่องเสียงเกิดความไม่พอใจ จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันระหว่างที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวขอตรวจค้นรถ และในคลิปไลฟ์สดบางช่วงเจ้าของร้านเครื่องเสียงก็ถ่ายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่าทำไมรถเจ้าหน้าที่ถึงไม่ติด พ.ร.บ. แต่ถ้าเป็นรถประชาชนถ้าไม่ติด พ.ร.บ.คงถูกจับไปแล้ว
จากนั้นเจ้าของร้านเครื่องเสียงและลูกชาย ก็ได้นำคลิปที่บันทึกไว้เป็นหลักฐาน เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริงหรือไม่ ก็อยากให้มีการตรวจสอบ แต่หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริง ก็จะเข้าร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวว่าทำหน้าที่ถูกต้องเหมาะสมหรือเกินกว่าเหตุหรือไม่
นายทรงพล สาทร อายุ 21 ปี ลูกชายเจ้าของร้านเครื่องเสียงที่ถูกตรวจค้นรถ เล่าว่า วันเกิดเหตุขณะตนเองจะขับรถออกจากรีสอร์ตก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็น จนท. ประมาณ 3-4 คัน มาจอดปิดล้อมรถของตน บอกว่าจะขอตรวจค้นรถว่ามีสิ่งผิดกฎหมายไหมซึ่งตนก็ลงจากรถและยอมให้ตรวจค้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เพราะคิดว่าเขาเป็น จนท. แต่ก็ขอถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน แต่เขาก็ขู่ห้ามถ่ายแล้วยึดโทรศัพท์ไป
แต่แฟนตนที่นั่งมาด้วยก็ใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทรหาพ่อที่ขับรถออกไปก่อน จากนั้นก็มีรถมาเพิ่มอีกหลายคัน ชายฉกรรจ์ที่อ้างเป็น จนท. กว่า 10 คน แต่ก็ไม่ได้แสดงเอกสาร แค่บอกว่ามีคนประสานมาให้ตรวจค้น ยอมรับว่าตอนนั้นกลัวทั้งเด็กและคนแก่ในรถก็ตกใจ ที่สำคัญคนที่เข้า-ออกรีสอร์ต และขับรถผ่านไปมาก็เห็นหลายคน กลัวเขาจะเข้าใจว่าตนทำผิดกฎหมายหรือค้ายา ทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ตนยืนยันว่าไม่เคยมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายเลย หากเป็น จนท.จริง ก็อยากให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
นอกจากนี้ ทางผู้เสียหายยังส่งคลิปเหตุการณ์ที่มีทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง เคยไปค้นที่ร้านจำหน่ายและติดตั้งเครื่องเสียง จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 23 เม.ย. 65 โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นผู้เสียหายมีทั้งคลิปและกล้องวงจรปิด ที่จะเห็นบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจและฝ่ายปกครอง นำกำลังบุกไปค้นร้าน และอ้างว่ามาจากฝ่ายปกครองหลายจังหวัด ไม่จำเป็นต้องมีหมายค้น
ซึ่งทั้งในคลิปและภาพวงจรปิดจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจนว่า มีชายฉกรรจ์ 7-8 คน ไปจอดรถที่หน้าร้านแล้วก็พากันวิ่งเข้าไปในร้าน เพื่อไปขอค้นรถของผู้เสียหาย แต่ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นบุคคลดังกล่าวก็มีการขอโทษกับผู้เสียหาย บอกว่าเข้าใจผิด รถของผู้เสียหายดันไปคล้ายกับรถต้องสงสัยคดียาเสพติด ซึ่งเหตุการณ์ตอนขอโทษ ผู้เสียหายได้ไลฟ์สดเอาไว้
ด้านนายทนนท์ เม็นไธสง ปลัดอำเภอเมืองบุรีรัมย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยในการตรวจสอบดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ระหว่างตำรวจ ฝ่ายปกครองและหน่วยข่าวกรองทางทหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าชุดปราบปรามยาเสพติดของจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากเมื่อวานนี้ทางหน่วยข่าวกรองที่เชื่อถือได้ ได้แจ้งเบาะแสมาว่าพบรถต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่จึงมีการแสดงตัว ขอตรวจสอบตามปกติว่าเป็นใครมาจากไหนมาทำอะไร
ซึ่งขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่มีทางญาติของผู้ต้องสงสัย ก็คือกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เสียหาย มายืนถ่ายคลิปโวยวาย ขณะเจ้าหน้าที่กำลังขอดูบัตรประชาชน และยังมีการขอดูบัตรของเจ้าหน้าที่ ตนเองก็ได้แสดงบัตรพร้อมรายงานตัวว่าเป็นปลัดอำเภอ และแนะนำกำลังที่มาด้วยว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไหนบ้าง
จากการตรวจสอบ ก็ไปพบสิ่งผิดกฎหมายคือน้ำกระท่อม บรรจุอยู่ในขวดน้ำที่บริเวณหลังรถ ตนเองก็ไม่ได้ดำเนินคดี แถมยังตักเตือนไปว่าตอนนี้น้ำกระท่อมยังผิดกฎหมาย จะกินก็ระวังให้ดี ขอยืนยันว่าวันเกิดเหตุไม่มีตำรวจหรือเจ้าหน้าที่คนไหนเข้าไปค้นในรถของผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ขอยืนยันอีกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในที่ลับตาคน และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้ผู้ต้องสงสัยเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ต้องสงสัยดันเอาคลิปไปลงโซเชียลและประจานตัวเขาเอง จนเป็นข่าวให้สังคมเกิดความแคลงใจเจ้าหน้าที่ หากวันพรุ่งนี้ทางผู้ต้องสงสัยจะเดินทางมาขอตรวจสอบเจ้าหน้าที่กับทางศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัด ตนเองและเจ้าหน้าที่ทุกคนก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ
