จากกรณีเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้" รีเทิร์น part 2 ได้แชร์เรื่องราวของผู้หญิงชื่อ "ส้ม" ที่ "พิมรี่พาย" เคยช่วยเหลือ ได้ส่งข้อความมายังเพจว่าถูกทีมงานของพิมรี่พายนำของในห้องไปทิ้ง ติดต่อไปก็เงียบหาย อยากให้นำของมาคืนนั้น
ล่าสุด วันที่ 15 พ.ค. 65 "พิมรี่พาย" เผยแพร่คลิปชี้แจงผ่านเพจ Pimrypie-พิมรี่พาย ถึงกรณีดังกล่าวว่า ในวันนั้นพาคุณส้มไปหาคุณหมอก่อนทราบว่าไม่มีบัตรผู้พิการ อาการป่วยของคุณส้มมีโอกาสหายหรือดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้องรักษาต่อเนื่อง 16 ครั้ง ไม่รู้ว่ากรณีนี้เป็นเพราะความเสื-กของตัวเองหรือไม่ ทำให้เกิดเรื่อง
โดยช่วงที่เก็บของในห้องพักของคุณส้มทิ้ง มีสิ่งของหลายอย่างที่คุณแม่ของคุณส้มเลือกไม่ต้องการทิ้ง ตนจึงบอกให้เช่าห้องเพิ่มอีก 1 ห้อง เพื่อใช้เก็บของอย่างเดียว เพราะอยากให้คุณส้มใช้อีกห้องไว้กายภาพบำบัด โดยเช่าห้องให้ 3 เดือน ตั้งแต่ พ.ย. 64 - ม.ค. 65 เสียค่าใช้จ่ายของหมอ ค่าทำความสะอาด ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่ารถโรงพยาบาล เป็นเงิน 1.2 แสนบาท
จากนั้น ม.ค.65 คุณส้มโทรมาแจ้งทีมงานว่ายังเดินไม่ได้ จึงเช่าห้องให้เพิ่มอีก 3 เดือน รวมแล้ว 6 เดือน ถามว่าทำไมยังเดินไม่ได้ พบเอกสารบันทึกการรักษาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 64 เป็นการรักษาครั้งสุดท้ายระบุว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ และกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพจนเกือบปกติ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เปลี่ยนอิริยาบถจากนอนเป็นนั่ง และนั่งเป็นยืนได้ จากการตารางการรักษา พบตั้งแต่กายภาพครั้งที่ 4 พบว่าคุณส้มมีอาการปวดหัว ปวดหลัง และมีอาการเจ็บคอ ขอพักไม่ทำกายภาพ อ้างว่าไม่มีแรง จากนั้นรับแจ้งจากหมอว่าผู้ป่วยไม่ต้องการกายภาพอีก กระทั่งอ้างว่าทีมงานทำความสะอาดห้องและเอาสิ่งของไปทิ้งจนหมด ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
พิมรี่พาย กล่าวว่า คุณส้มต้องการให้รับผิดชอบค่าสิ่งของทั้งหมด เป็นเงินกว่า 32,000 บาท ขอชี้แจงว่าสิ่งของที่อยู่ในห้องคุณส้มก่อนหน้านี้ เอาไปก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเขาขอ ตนจะให้ทีมงานโอนเงินให้ และสิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจที่หน้าเฟซบุ๊กของคุณส้มมักโพสต์ขอความช่วยเหลลืออยากกลับมาเดินได้ หรืออยากได้เงินค่าต่าง ๆ โดยอ้างว่าตั้งแต่ตนเข้ามาเงินบริจาคเขาน้อยลง และกล่าวหาว่าตนเปิดรับเงินบริจาค แล้วไม่ยอมเอาเงินให้เขา ตรงนี้ช็อกมาก ขอย้ำว่าไม่มีการรับเงินบริจาคใด ๆ แน่นอน หลังจากนี้จะช่วยเหลือเคสที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ต่อไป
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับหญิงป่วยติดเตียงรายดังกล่าวคือ น.ส.กัญทิมา เเซ่ตั้ง หรือ ส้ม อายุ 38 ปี อาศัยอยู่ในห้องเช่าย่านปทุมธานี เปิดเผยว่า ตนเองป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อสลาย ไม่สามารถเดินได้มา 1 ปี 3 เดือน ซ้ำร้ายยังมีโรคเเทรกซ้อนเพิ่มขึ้นมา คือโรคผิวหนัง เเละเบาหวานขึ้นตา ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากมาก เพราะครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกัน 6 ชีวิต ประกอบด้วย 1.น.ส.กัญทิมา อายุ 38 ปี 2.น้องชาย อายุ 28 ปี เป็นคนสติไม่ดี 3.เเม่ อายุ 65 ปี 4.ลูกสาวคนโต อายุ 11 ปี 5.ลูกสาวคนกลาง อายุ 8 ขวบ และ 6.ลูกสาวคนเล็ก อายุ 4 ขวบ
โดยทางครอบครัวมีรายได้เล็กน้อยจากการขายของออนไลน์ อาศัยเพียงเบี้ยคนชราของแม่ เดือนละ 600 บาท กับบัตรสวัสดิการรัฐ แต่ก็ไม่เพียงพอ ทำให้ที่ผ่านมาต้องโพสต์ขอรับบริจาคผ่านทางเฟซบุ๊ก ก็มีคนใจบุญส่งข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงแพมเพิสมาให้ พอประทังชีวิตไปได้ จนกระทั่งช่วงเดือน พ.ย. 64 ทางทีมงานของพิมรี่พายติดต่อมาช่วยเหลือ หลังจากนั้น ก็เดินทางมาถ่ายทำสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว โดยมา 2 รอบ รอบเเรกช่วงกลางเดือน พ.ย. มาเฉพาะทีมงาน ใช้เวลาถ่ายทำทั้งวัน
หลังจากนั้นการถ่ายทำรอบที่ 2 ช่วงประมาณปลายเดือน พ.ย. พิมรี่พายได้เดินทางมานำโทรทัศน์มอบให้ 1 เครื่อง เงิน 10,000 บาท พร้อมเอาหมอมาดูอาการด้วย ใช้เวลาถ่ายทำ 1 ชั่วโมง ตอนถ่ายทำหมอพยายามให้ตนลุกนั่ง บอกให้พยายามยิ้ม หลังจากถ่ายเสร็จ ทางทีมงานก็ยกตนไปที่คลินิก แล้วทีมงานอีกส่วนก็มาทำความสะอาดห้อง เอาโทรทัศน์มาติดตั้งให้ สิ่งที่เป็นปัญหาคือของเก่าที่อยู่ในห้องประกอบด้วยโทรทัศน์ เครื่องกรองน้ำ ชุดเครื่องเสียงสเตอริโอ กระติกน้ำร้อน ถังแก๊สปิกนิค ผงซักฟอก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสื้อผ้าที่เอาไว้ขายออนไลน์ ทางทีมงานได้ยกขึ้นรถเอาไปด้วย พอตนกลับมาที่ห้องเห็นว่าของหายไปเยอะ จึงโทรกลับไปถามทีมงานว่ายกของไปทำไม ทางทีมงานก็เเจ้งว่าเอาไปทิ้งแล้ว ซึ่งตนก็เกิดความสงสัยว่าเอาไปทิ้งทำไม มาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ของคืน ทีมงานก็เงียบหาย
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ตนรู้สึกเสียใจคือคลิปที่มีการถ่ายทำนำไปเผยแพร่ บอกว่าตนเริ่มเดินได้แล้ว หายเกือบ 100% ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง ตนยังไม่หาย นอกจากนี้มีคนทักข้อความเข้าไปในเพจของพิมรี่พาย เพื่อสอบถามถึงเคสตน ปรากฏว่าพิมรี่พายตอบกลับไปว่า "คุณส้มปฏิเสธการรักษามา 3 เดือนแล้วค่ะ" ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงอีก ตนไม่เคยปฏิเสธการรักษา โดยหลังจากเกิดกระแสดราม่า ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครบริจาคมาช่วยเหลือเลย ซ้ำร้ายตนยังโดนทัวร์ลงสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนไม่ช่วยตัวเอง เอาแต่ขอรับบริจาค ขอชี้เเจงว่าตนป่วยจริง ไม่ได้แกล้งป่วย ครอบครัวก็ลำบากจริง
ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับทางทีมงานพิมรี่พาย และยังไม่ได้เงินจำนวน 32,415 บาท คาดว่าหลังจากนี้ทีมงานคงติดต่อมา ตนเองช็อกกับสิ่งที่พิมรี่พายชี้แจงอยู่มาก ยืนยันไม่โกรธพิมรี่พายเลย แต่ทีมงานของพิมรี่พายพูดไม่หมด จนข้อมูลดังกล่าวทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย อยากจะขอให้มานั่งพูดคุยกับตนเองเพื่อปรับความเข้าใจกัน
