กรณีร.ต.อ.จรูญ โสภิกุล รองสว.(สอบสวน) สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตาย ในพื้นที่หมู่ 1 บ้านคู ต.บ้านหาร อ.บางกล่ำ จึงรุดลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์พสิษฐ์ ทองด้วง ผกก.สภ.บางกล่ำ, พ.ต.ท.สนิท สุดทองคง รองผกก.(สอบสวน) และเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 พบร่างคนถูกยิงตาย 1 คน ทราบชื่อ นายนพเก้า สุวรรณชาตรี อายุ 36 ปี ชาว ต.บ้านหาร อ.บางกล่ำ นอนตายอยู่หน้าเพิงพักข้างคอกวัวของชาวบ้าน ข้างตัวยังมีดพร้าตกอยู่ 1 เล่ม
จากการตรวจสภาพศพ นายนพเก้าถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม.เข้าที่บริเวณหน้าอก 3 นัด ส่วนคนก่อเหตุยิง คือ นายวิโรจน์ หลีหมาน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านหาร ซึ่งยังอยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมกับอาวุธปืนพกสั้น 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ และได้มอบให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 จึงนำไปตรวจลายนิ้วมือเพื่อประกอบสำนวนคดี
ล่าสุดวันที่ 21 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ในพื้นที่บ้านคู ต.บ้านหาร อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เเละได้พบกับภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน เเต่ภรรยาไม่ขอให้ข้อมูล จึงมอบให้นางรัต (นามสมมติ) อายุ 60 ปี เเม่ยายของผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ให้สัมภาษณ์เเทน
นางรัต เปิดเผยว่า ลูกเขยรับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมาเกือบ 2 ปีเเล้ว โดยก่อนหน้านี้ลูกเขยเคยเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) คอยดูแลชาวบ้านอยู่เเล้ว ทำให้ชาวบ้านรักเเละเคารพ เวลามีเหตุการณ์อะไร ชาวบ้านก็จะเเจ้งให้ลูกเขยไปช่วยเหลือ เเละไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนเเรงถึงขั้นจะต้องใช้ปืนยิงมาก่อน เเต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบเรื่องจริง ๆ เนื่องจากนอนหลับอยู่บ้าน ส่วนลูกสาวของตนก็ไม่ทราบเหตุเช่นกัน ส่วนตัวผู้เสียชีวิตตนไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นใคร เเต่เคยได้ยินข่าวมาจากในชุมชนว่า นายนพเก้า เป็นคนชอบขโมยของทุกอย่าง เป็นคนหมู่ 5 เเต่มาขโมยของในหมู่บ้านในตำบลบ้านหาร เเต่อย่างไรก็ตาม คนก็เสียชีวิตไปแล้ว ตนก็ไม่อยากจะไปกล่าวหาอะไร
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางต่อไปยัง พื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านหาร อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ที่บ้านญาติของนายนพเก้า สุวรรณชาตรี หรือ นายโจ๊ก อายุ 36 ปี ผู้เสียชีวิต โดยนางสาวอรสา กลิ่นทอง อายุ 53 ปี น้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนอาศัยอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ เเละเพิ่งจะมาทราบข่างหลานชายถูกยิง ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. ที่ผ่านมา จึงได้รีบเดินทางมาที่บ้าน
จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า เหตุเกิดตั้งเเต่ช่วงกลางคืนเวลาประมาณ 01.00 น. ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านหาร โดยช่วงเวลาตั้งเเต่เช้าจนถึงตอนนี้ (15.00 น.) ตนเเละครอบครัว ก็ยังไม่ได้คุยกันฝั่งของคู่กรณี เมื่อก่อนหลานชายก็เป็นคนดี ขยันทำงาน มีอาชีพ รับจ้างทั่วไป พ่อกับเเม่เสียชีวิตตั้งเเต่หลานยังเรียนหนังสือ จึงได้อาศัยยายกับญาติ ๆ ช่วยกันเลี้ยงมา ก่อนหน้านี้ หลานชายเคยมาทำงานที่ ม.สงขลานครินทร์ ทำเกี่ยวกับไฟฟ้า เเละได้เเต่งงานมีภรรยา 1 คน เเละมีลูกด้วยกัน เเต่ก็เลิกรากันไปแล้ว เเละได้เเยกตัวออกไปอยู่คนเดียว เเต่ก็ยังคงมีการไปมาหาสู่เยี่ยมลูกอยู่เป็นประจำ
ในช่วงพักหลัง ๆ ประมาณ 1 ปี หลานชายเริ่มมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย เเต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายใคร หลานชายชอบหยิบสิ่งของของชาวบ้านไปทั่ว ตนเคยเตือนเเล้วว่าไม่ดี ควรปรับปรุงตัว อย่าทำอีก เเต่หลานก็ไม่ฟัง ก่อนหน้านี้หลานชายไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมอย่างอื่นเลย ไม่เคยทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายใครในหมู่บ้าน มีเพียงเรื่องขโมยของเท่านั้น ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าหลานเสพหรือไม่ เพราะว่าไม่ค่อยได้สุงสิงมากนัก ตนยอมรับว่าหลานชายผิดที่ขโมยของ เเต่การถูกยิงจนเสียชีวิต ก็ถือว่าทำเกินกว่าเหตุมากเกินไป ควรมีการเเจ้งความให้ตำรวจมาจับ เเล้วส่งตัวดำเนินคดีทางกฎหมายมากกว่า
หลังจากนี้ ก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เเต่อย่างไรก็ต้องมีการรับผิดชอบเเน่นอน เพราะหลานชายของตนก็มีลูก ตนเข้าใจว่ เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนกลางคืน อาจจะด้วยการบันดาลโทสะหรือเพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นว่ายิงโดนตรงไหนบ้าง โดยศพของหลานชายยังผ่าพิสูจน์อยู่ที่รพ. รอให้ญาติไปรับศพเพื่อจะได้นำกลับมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.พงศ์พสิษฐ์ ทองด้วง ผกก.สภ.บางกล่ำ เปิดเผยว่า ผู้ใหญ่บ้านให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงนายนพเก้าจริง อ้างว่า เมื่อคืนนี้ตอนช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. ญาติของผู้ใหญ่บ้านได้เเจ้งไปว่า ถูกนายนพเก้ามาขโมยไก่ชนที่เล้าที่เกิดเหตุ จากนั้นนายวิโรจน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ได้เดินทางลงพื้นที่ไปเพียงลำพัง จากนั้นก็เจอกับนายนพเก้าพอดี ซึ่งเดิมเเล้วนายนพเก้า เป็นชาวบ้านหมู่ 5 ก่อนจะย้ายมาอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 เเละชอบลักขโมยของขาวบ้านเป็นประจำ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมชอบเสพยาเสพติด
