ปลาบุกกุฏิเจ้าอาวาสเจอคลิปลับสาวย่องหา เจ้าตัวโต้แค่ให้ทุน งงยาหลั่งช้าตกปัดไม่ใช้ (คลิป)

กรณีนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านให้ไปตรวจสอบวัดแห่งหนึ่ง ภายในพื้นที่ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี อ้างว่าพระครูกาญจนประภาธร เจ้าอาวาส วัย 58 ปี พรรษา 35 และครองตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอด่านมะขามเตี้ย มีพฤติกรรมเสพเมถุนกับสีกาภายในวัดเกือบทุกวัน

โดยมีภาพหลักฐานเป็นเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยใช้แล้ว ผ้าอนามัยใช้แล้วที่ถูกทิ้งอยู่บริเวณพื้นที่กุฎิเจ้าอาวาส และมีคลิปเสียงที่เจ้าอาวาสกับสีกาพูดคุยกันอยู่ภายในกุฎิ ซึ่งอาจจะจับใจความเนื้อหาไม่ได้ แต่มีเสียงผู้หญิงเล็ดลอดออกมาจากในกุฏิจริง

รวมถึงยังมีคลิปที่ถ่ายนอกหน้าต่างกุฏิ ปรากฎเห็นสีการายหนึ่ง ลักษณะผมสั้นประบ่า สวมหน้ากากอนามัยสีขาว นั่งอยู่ภายในกุฏิ และเมื่อจับได้ว่ามีคนถ่ายคลิป ก็ลุกขึ้นมาปิดหน้าต่างบานดังกล่าวอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ชาวบ้านยังอ้างอีกว่าเจ้าอาวาสรายนี้ มีพฤติกรรมดื่มสุรา สังสรรค์กันภายในกุฎิ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้วงการสงฆ์และศาสนาพุทธอย่างมาก

ล่าสุดวันที่ 20 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังพื้นที่ เนื่องจากหมอปลา เตรียมประชุมวางแผนการเข้าบุกรวบเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. หมอปลาทราบว่ามีสีกาเข้าไปในกุฏิเจ้าอาวาสแล้ว จึงเดินทางเข้าไปในวัดทันที เมื่อเดินทางไปถึงพบกล่องสเปรย์ชะลอการหลั่งอยู่บริเวณหน้ากุฏิของเจ้าอาวาส

สำหรับลักษณะกุฏิหลังนี้ เป็นบ้านไม้ทรงไทย ใต้ถุนสูง เจ้าอาวาสอยู่บริเวณห้องชั้น 1 เมื่อเปิดห้องเข้าไปพบเจ้าอาวาสกำลังนั่งเล่นกับเด็กหญิง อายุ 1 ขวบ พร้อมกับเด็กชาย 2 คน ทั้งคู่อายุประมาณ 20 ปี และเด็กผู้หญิงอีก 2 คน นางสาวโม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี และนางสาวเตย (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ภรรยาของนายกายและเป็นแม่ของเด็กหญิงอายุ 1 ขวบ

หลังจากนั้น พระครูกาจนประภาธร เจ้าอาวาสที่ถูกกล่าวหา ให้สัมภาษณ์ว่า อาตมาปฏิเสธว่าไม่ใช่พระสายเปย์ และไม่ได้เลี้ยงดูเด็กผู้หญิงอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ที่ผ่านมายอมรับว่าได้ส่งเสียอุปการะค่าเทอมให้แก่เด็กที่ยากจนในชุมชน ไม่ว่าเพศหญิงหรือชาย พ่อแม่ของพวกเขารับทราบ ส่งเสียอุปการะมาแล้วหลายรุ่น จบปริญญาตรี จำนวน 2-3 คนแล้ว หากถึงเวลาที่จะจ่ายค่าเทอม เด็กที่ยากจนจะเดินทางมาหาที่กุฏิ นอกจากนี้ เด็กจะเรียกอาตมาว่า "พ่อ" อาตมาก็คิดว่าเด็กที่มาหาเป็นลูกเป็นหลาน ไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศ

ส่วนเด็กหญิงที่พบในกุฏิในวันนี้ พวกเขาก็นับถืออาตมาเป็นพ่อ นาน ๆ ครั้งพวกเขาจะเดินทางมาหา หากมาหาจะพาหลานสาวตัวน้อยมาเยี่ยมด้วย ส่วนที่มีคลิปสีกาปิดประตูกุฏินั้น เนื่องจากเปิดแอร์ และจะกลับในเวลา 17.00 น. ทุกครั้งที่เด็กผู้หญิงมาหาจะมากันเป็นกลุ่ม ๆ และมีเด็กผู้ชายมาด้วย ไม่ได้มาเพียงลำพัง หากมาในช่วงกลางวันแล้วก็จะกลับไม่มีใครได้ค้างคืนที่กุฏิ 

พระครูกาจนประภาธร กล่าวชี้แจงกรณีที่พบถุงยางอนามัย ผ้าอนามัย กล่องสเปรย์ชะลอการหลั่งว่า อาตมาไม่ทราบว่าเป็นของใคร เพราะปกติจะมีวัยรุ่นเข้ามาในวัดบ่อยอยู่แล้ว แต่อาตมายืนยันว่าไม่ใช่ของอาตมาอย่างแน่นอน และวัดแห่งนี้เป็นวัดสาธารณะ มีการจัดตลาดนัดด้วย นอกจากนี้ อาตมายืนยันว่าในกุฏิไม่มีการเล่นไพ่ หรือดื่มสุรา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด อาจมีผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกับผู้อื่นเกี่ยวกับการปล่อยให้ชาวบ้านมาเช่าที่ขายของบริเวณหน้าวัด แต่ขณะนี้อาตมาไม่รู้ว่าคน ๆ นั้น จะเป็นพระหรือชาวบ้าน

นอกจากนี้ ทีมข่าวตรวจสอบคลิปซึ่งเป็นหลักฐานอีก 1 ชิ้น ปรากฏภาพสีกาผมสั้น ขณะกำลังเดินออกจากกุฏิเจ้าอาวาสในเวลากลางคืน

นางสาวโม (นามสมมติ) หนึ่งในสีกาที่อยู่ในกุฎิเจ้าอาวาส กล่าวว่า ตนยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยมาเที่ยวที่วัดจริง แต่ไม่บ่อยนัก เพราะนับถือเจ้าอาวาสเป็นพ่อ และเจ้าอาวาสเคยส่งเสียค่าเทอมในช่วง ม.1-ม.2 แต่ปัจจุบันตนอยู่ ม.3 เจ้าอาวาสไม่ได้ส่งเสียแล้ว อาจจะมีบ้างเป็นค่าขนมครั้งละ 100-200 บาท ซึ่งเจ้าอาวาสให้ด้วยความเมตตา ตนไม่เคยร้องขอ

ทั้งนี้ ตนได้รับคำแนะนำจากนางสาวเตย (นามสมมติ) พี่สาว ให้มาขอทุนการศึกษากับเจ้าอาวาส เพราะบ้านมีฐานะที่ยากจน ซึ่งพี่สาวก็ได้รับคำแนะนำต่อ ๆ กันมาอีกที เนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าอาวาสเคยส่งเสียอุปการะเยาวชน ทั้งหญิงและชายมาแล้วหลายรุ่น บางคนจบปริญญาตรี นอกจากนี้ ตนยอมรับว่าเคยมาเที่ยวหาเจ้าอาวาสที่วัด ทั้งกลางวันและช่วงเย็น มากับพี่สาว แฟนพี่สาว หลานสาวและเพื่อน ๆ ไม่ได้มาเพียงลำพัง พ่อแม่รับทราบ ขณะที่มาอยู่ที่วัด เจ้าอาวาสไม่เคยมีพฤติกรรมที่ลวนลาม เพราะตนนับถือเป็นพ่อ และมาช่วยงานวัดในช่วงงานกฐิน

อย่างไรก็ตาม คลิปที่ปรากฏภาพหญิงสาวนั้น ไม่ใช่ตน แต่เป็นเพื่อนชื่อ “อั้ม” ตนไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์เกินเลยกับเจ้าอาวาสหรือไม่ และไม่รู้ว่ามาทำไม เพราะปัจจุบันตนไม่ได้ติดต่อกันแล้ว หลังจากนี้ตนคงจะไม่เดินทางเข้ามาพบเจ้าอาวาสแล้ว เพราะตนเกรงว่าจะได้รับผลกระทบและทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง 

หลังจากนั้น หมอปลาก็เข้าไปถามกับเจ้าอาวาสอีกรอบว่า "รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่ออั้มหรือไม่" โดยเจ้าอาวาส กล่าวยืนยันว่า อาตมาไม่รู้จัก และไม่สนิทด้วย ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหน ไม่เคยอยู่ด้วยกันในยามวิกาล แต่ในอดีตอาตมาเคยให้เงินสีกาคนนี้จริง ครั้งละ 100-200 บาท และเงินค่าเทอมจำนวนหลักพัน ปัจจุบันอาตมาไม่ได้ให้แล้ว "เขาจะมาขอเงินกินขนม แต่อาตมาจำไม่ได้ว่าเมื่อไร รับเงินเสร็จแล้วก็กลับ"

จากนั้นเวลา 18.00 น. หมอปลาได้พาเณรรูปหนึ่งเดินทางเข้าไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ด้านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เนื่องจากช่วงที่เณรนั่งคุยกับเจ้าอาวาส สังเกตพบว่าเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมสะกิดเณร คล้ายกับข่มขู่ว่าไม่ให้พูดในสิ่งที่เณรเห็น

หมอปลา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมั่นใจว่าทั้งคลิปและข้อมูลที่แหล่งข่าวแจ้งมาว่า เจ้าอาวาสมั่วสีกาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพราะตนและสื่อมวลชนลงพื้นที่มาแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่ 2 ครั้งแรกพลาดเป้าหมาย เจ้าอาวาสและสีการู้ตัว และในครั้งนี้ที่ตนตัดสินใจบุกเข้าไปในวัด ก็รู้อยู่แล้วว่าจะมีผู้ชายและเด็กอยู่ในกุฏิ เชื่อว่าทั้งหมดเป็นการวางแผนของเจ้าอาวาสและสีกา จัดฉากไว้แล้วว่าให้ภาพออกมาเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งคลิป ภาพ และพยานบุคคลที่ยืนยันว่าเคยเห็นเจ้าอาวาสอยู่กับสีกา ตนมองว่าควรจะเปลี่ยนเจ้าอาวาสวัด แต่ในขณะเดียวกันตนก็ยอมรับว่าไม่อยากจะพึ่งสำนักพระพุทธศาสนาแล้ว

เณรรูปดังกล่าวที่บวชอยู่ในวัด กล่าวว่า ตนเคยเห็นสีกาอยู่ในกุฏิของเจ้าอาวาส สวมใส่กางเกงขาสั้นเกือบจะเห็นกางเกงใน แต่ตนไม่เคยได้ยินเสียงดังออกมาภายนอก นอกจากนี้ ยังเคยพบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วใกล้ ๆ กุฏิของเจ้าอาวาส แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นของใคร และยังพบไพ่อีกด้วย 

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายประทีป พูลลาภ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผอ.สำนักงานสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาพบเจ้าอาวาส

นายประทีป เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นเจ้าอาวาสปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา ตนจึงแนะนำว่าหากมั่นใจเช่นนั้น ท่านควรจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของคณะผู้แทนสงฆ์ ซึ่งท่านก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากท่านกระทำผิดจริงจะเข้าข่ายปราชิต แต่หากท่านไม่ได้กระทำผิดเรื่องราวก็จะจบ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ตนยืนยันว่าเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว ไม่เคยถูกร้องเรียนมาก่อน ส่วนพยานหลักฐานเพิ่มเติม สำนักพุทธฯ คาดว่าจะต้องนำหลักฐานจากที่ข่าวนำเสนอออกไปมาประกอบการพิจารณา และหากใครมีหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถส่งมายังเจ้าคณะปกครองสงฆ์โดยตรง หากมีแต่คำพูดและไม่มีหลักฐาน ก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้