รวบไอ้เบสชิงทองคาเตียง ตร.จับเมียร่วมซ่อนฝั่งดิน ล่าทองของกลางหายอื้อ 2หนุ่มซวยเก็บทองโจรขาย (คลิป)

15 เม.ย. 65

กรณีคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทองคำหนัก 153 บาท มูลค่า 4.6 ล้านบาท จากร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างสรรพสินโลตัส สาขาถนนมิตรภาพ ใจกลางเมืองนครราชสีมา เมื่อบ่ายวันที่ 12 เมษายน 65 ที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจสืบสวนพบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จนทราบตัวคนร้าย จึงออกหมายจับ นายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือ “เบส” อายุ 28 ปี ชาวต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

921397

ล่าสุดวันที่ 15 เม.ย. 65 เวลา 04.20 น. พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมชุดสืบสวนของ บก.สส.ภ.3 ชุดสืบสวนของ กก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา และชุดสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ร่วมกันจับนายกิตติพงษ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เบื้องต้นคนร้ายอ้างเพียงว่าตกงาน และไม่มีเงินใช้จ่าย จึงลงมือก่อเหตุ

814065

เวลา 16.40 น. ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จังหวัดนครราชสีมา พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย รองผู้บัญชาการภูธรภาค 3 และชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายกิตติพงษ์ พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำที่ตรวจยึดได้ จำนวน 28 เส้น รวม 84 บาท เงินสด 110,000 บาท อาวุธปืนปลอม 1 กระบอก อีโม่ง 1 ใบ เสื้อสีดำแขนยาว 1 ตัว กางเกงขายาวสีดำ ถุงเท้า 1 คู่ เสื้อคลุมแขนยาวสีเทา กระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ กระเป๋าสะพายสีแดง 1 ใบ มีดพร้า 1 เล่ม ค้อนจำนวน 1 อัน รถมอเตอร์ไซค์ ทะเบียน งมจ 504 นครราชสีมา

294535

ทั้งนี้ หลังจากคนร้ายก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังกว่า 100 นาย ติดตามจนทราบชื่อ นายกิตติพงษ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลจังหวัดนครราชสีมา ออกหมายจับ และตามไปจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า นำทองจำนวน 28 เส้นไปฝังดินไว้หลังบ้านภรรยา ก่อนที่จะหลบหนีไปพร้อมทองคำอีก จำนวน 13 เส้น และนำไปให้พรรคพวกที่กรุงเทพฯ จำนวน 11 เส้น และที่พัทยา จำนวน 2 เส้น ได้เงินมาเบื้องต้นจำนวน 110,000 บาท

595994

หลังจากนั้นพยายามหลบหนีไปตั้งหลักที่บ้านเพื่อน ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และชลบุรี เพื่อจะหนีต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ แต่ถูกจับกุมในที่สุด ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าต้องการนำเงินจากการก่อเหตุไปเป็นทหารรับจ้างที่ประเทศยูเครนนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งสาเหตุในครั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีเงินใช้จ่าย และหมุนเงินไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับภรรยาของผู้ก่อเหตุถือว่ามีส่วนรู้เห็นด้วย ซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิดในข้อหารับของโจร สำหรับสร้อยคอทองคำที่หายไป ผู้ต้องหาอ้างว่านำไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ ระหว่างหลบหนี บางส่วนอาจจะตกหล่นระหว่างทางที่หลบหนี หลังจากนี้จะได้ให้ชุดสืบสวนสอบสวนติดตามคืนผู้เสียหายต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาชิงทรัพย์ มอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่น เพื่อไม่เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อเอารับสิ่งนั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

166472

หลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้น พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้เข้าไปสอบปากคำ นายกิตติพงษ์ ในห้องสืบสวน ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ในปี 59 โดยร่วมกับพวกรวม 7 คน นัดส่งมอบยาเสพติดประเภทไอซ์ 11 กิโลกรัม ยาบ้าจำนวน 6,000 เม็ด ในช่วงเวลา 20.00 น. ของวันที่ 8 มี.ค.59 บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ต.ตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

474194

ภายหลังออกจากเรือนจำ ก็ไปทำงานเก็บเงินกู้นอกระบบ จากนั้นเห็นข่าวประเทศรัสเซียกับยูเครน มีสงครามกัน และยูเครนรับสมัครทหารรับจ้างจำนวนมาก ให้เงินเดือนสูงถึงเดือนละ 60,000 บาท จึงสนใจ จึงคิดวิธีหาเงินทำพาสปอร์ตและซื้อตั๋วเครื่องบิน ตัดสินใจเดินทางไปที่ห้างฯ ดังกล่าว ตรงไปที่ร้านทอง แล้วชักปืนปลอมขู่ ก่อนปีนขึ้นไปบนตู้โชว์ทอง กวาดเอาถาดทองรูปพรรณไป 1 ถาด เป็นสร้อยคอทองคำ จำนวน 51 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวมน้ำหนัก 153 บาท มูลค่ากว่า 4.6 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาในการลงมือก่อเหตุไม่ถึง 20 วินาที แล้วรีบหลบหนีไปยังเป้าหมายคือภาคเหนือของไทย 

จากนั้น เวลา 17.30 น. ตำรวจได้คุมตัวนายกิตติพงษ์ ขึ้นรถตู้เพื่อจะนำตัวไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะที่ตำรวจนำตัวนายกิตติพงษ์ ขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม แต่ นายกิตติพงษ์ ไม่ยอมตอบอะไร กระทั่งตำรวจได้พานายกิตติพงษ์ วิ่งขึ้นรถตู้ออกไป

874737

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศในการการทำแผนวันนี้ มีชาวบ้านที่มาเดินใช้บริการที่ห้างฯ รอดูการทำแผนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการทำแผนตำรวจได้คุมตัวนายกิตติพงษ์ ไปชี้จุด ที่บริเวณหน้าตู้ทองว่าได้ใช้ปืนปลอมจี้ไปที่พนักงานร้านทอง กระทั่งได้ปีนขึ้นไปบนตู้ทอง แล้วดึงถาดทอง จำนวน 1 ถาด วิ่งหลบหนีขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของห้าง ก่อนจะหลบเข้าไปในห้องน้ำชายเพื่อเปลี่ยนชุด และลงมาจากชั้น 2 ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้ในที่สุด

นายจิรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) พนักงานร้านทอง กล่าวว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวว่าตำรวจจับกุมคนร้ายได้ก็รู้สึกดีใจ ซึ่งหลังเกิดเหตุ รปภ.ของห้างฯ ก็มาเฝ้าที่หน้าร้านตลอดเวลา หากจะถามว่ายังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ตนไม่ได้รู้สึกกลัวแล้ว เนื่องจากต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งก็ไม่ได้มีผลกระทบกับยอดขาย ตนยืนยันว่าจะยังคงทำงานอยู่ที่ร้านทองแห่งนี้ต่อไป

551253

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านมะขามเฒ่า หมู่ที่ 4 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงได้พบนายวิรัตน์ ภักดี อายุ 67 ปี พ่อตาของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจที่ลูกเขยทำลงไป ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ต่างกันต่างอยู่ แต่ก็เจอหน้ากันบ่อย ๆ ส่วนจะเป็นทหารจริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยถามลูกสาว เห็นแต่ลูกสาวบ่นว่าไม่มีเงินใช้ในครอบครัว แต่ไม่คิดว่าลูกเขยจะก่อเหตุแบบนี้ ก็ขอให้กฎหมายลงโทษและเมื่อพ้นโทษก็กลับตัวทำดี 

159704

นางสวง ภักดี อายุ 67 ปี แม่ยายของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนไม่คิดไม่ฝันว่าจะเป็นลูกเขยที่ไปก่อเหตุ ปกติก็เจอหน้ากันพูดคุยกันบ้าง และเขาเพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงปี ไม่คิดว่าจะก่อเหตุแบบนี้ ดีแล้วที่ตำรวจจับได้ จะได้ไม่เป็นภัยสังคม และตนขอโทษสังคมแทนลูกเขยเลว ๆ แบบนี้ด้วย ขอให้เขาไปใช้กรรมในคุก

176421

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา ได้ควบคุมตัว นายภูไท พันทองหลาง อายุ 32 ปี และนายจักรกฤษณ์ ฤทธิ์สนธิ อายุ 49 ปี อาชีพผู้รับเหมา หลังจากที่นายภูไท ได้เก็บสร้อยคำทองคำน้ำหนัก 3 บาท จำนวน 2 เส้น รวมน้ำหนัก 6 บาท มูลค่ากว่า 180,000 บาท มาทำการสอบสวนที่ สภ.พระทองคำว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีคนร้ายชิงทองภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขานครราชสีมา หรือไม่

144559

นายภูไท ให้การรับสารภาพว่า ตนเก็บสร้อยคำทองคำทั้ง 2 เส้นได้ที่บริเวณถนนเลียบนคร เวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 12 เมษายน 65 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังเกิดเหตุคนร้ายชิงทองที่ร้านทองในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขานครราชสีมา จากนั้นตนได้นำสร้อยทองมาเก็บไว้ที่บ้าน จากนั้นตนได้ติดต่อ นายจักรกฤษณ์ ฤทธิ์สนธิ อายุ 49 ปี เพื่อนร่วมงาน ให้นำสร้อยทองที่เก็บได้ไปเสนอขายให้กับชาวบ้านในพื้นที่อำเภอพระทองคำ ในราคาเส้นละ 60,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าในราคาท้องตลาดมาก ชาวบ้านเห็นผิดสังเกตจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

525834

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับผู้จัดการร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ ภายในห้างสรรพสินค้าดังสาขานครราชสีมา ที่เกิดเหตุถูกคนร้ายชิงทองให้มาตรวจสอบสร้อยทองดังกล่าว โดยจากการตรวจสอบพบว่า สร้อยทองทั้ง 2 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท มีสภาพใหม่เอี่ยม และมีตราโลโก้สัญลักษณ์ตรงกับทองรูปพรรณของทางร้านที่ถูกคนร้ายจี้ชิงทองไป คาดว่าระหว่างที่คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี และหอบถาดสร้อยทองวางไว้ที่หน้าตัก คนร้ายได้ทำสร้อยทองตกหล่นกลางทาง ซึ่งจุดที่มีคนเก็บทองได้ก็เป็นเส้นทางเดียวกับที่คนร้ายใช้หลบหนีไปหลังก่อเหตุ และช่วงเวลาที่เก็บสร้อยทองได้ก็ตรงกับช่วงเวลาที่คนร้ายหลบหนีพอดี อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คนไปทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายกิตติพงศ์ แพไธสง หรือ เบส อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาชิงทองที่ถูกตำรวจจับกุมได้แล้วหรือไม่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส