หมอปลายงานเข้า แจ้งจับพญายมทำคนขวัญผวา แนะดูเชือด "ปลาบู่" เป็นตัวอย่าง (คลิป)

กรณี หมอปลาย พรายกระซิบ นักพยากรณ์สาวชื่อดัง ออกมาทำนายดวงเมืองในช่วงหลังสงกรานต์ปี 65 หลากหลายเรื่องราวด้วยกัน โดยเฉพาะสถานการณ์ความรุนแรงของโรคโควิด-19

จากนั้นนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ นักกฎหมาย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ผมแปลกใจที่หมอดู มาพูดถึงประเทศไทยจะเจอหายนะอย่างไร ทำให้คนตื่นตกใจโดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ในอดีตมีพวกทำนายทายทักถูกดำเนินคดี เพราะสร้างความตื่นตกใจให้กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าประเด็นนั้นจะเป็นประเด็นที่ผิดหรือถูกก็ตาม แต่มีคนตกใจกลัว ภาครัฐควรเข้ามากำกับดูแล เพราะว่าในสภาวะที่คนหวาดกลัว คนจะเชื่อง่าย อยากให้ยึดหลักวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหามากกว่า พูดก็พูดเถอะ ผมเห็นพวกร่างทรงหมอดูออกมาถ่ายทักแบบนี้หลายคนแล้ว ระวังผมตกใจกลัวและไปแจ้งความนะ"

ล่าสุดวันที่ 14 เม.ย.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สอบถามไปยังทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เปิดเผยว่า การทำนายลักษณะนี้สร้างความตื่นตกใจให้กับประชาชน และเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 384 ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จ ให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการฉุกเฉิน ตามมาตรา 9 ประกาศข้อที่ 11 กำหนดห้ามผู้ใดเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ไม่ว่าข่าวจริงหรือข่าวปลอม จนเป็นเหตุให้ประชนตื่นตกใจหรือเกิดความหวาดกลัวจะถูก จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท

ทั้งนี้ การที่หมอปลาย ไปทำนายทายทักว่าจะมีการระบาดหนักของโรค จะมีคนตาย การกลายพันธุ์ และจะมีสงครามเชื้อโรค ฟังแล้วน่าหวาดกลัว เพราะหมอปลาย ไม่ได้เป็นหมอทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นหมอพลายกระซิบ ซึ่งใครไม่รู้มากระซิบ และไม่รู้จริงเท็จอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ในอดีตก็มีพ่อของด.ช.ปลาบู่ บอกว่าลูกชายได้ทำนายว่า จะมีเขื่อนแตกที่จังหวัดตาก ทำให้คนไม่กล้าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ และมีผู้นำเอาข้อความดังกล่าวไปแจ้งความ ศาลมีคำสั่งจำคุก 15 วัน รอลงอาญา 2 ปี เพราะฉะนั้นกรณีหมอปลาย ถ้าตนกลัวไปแจ้งความได้เหมือนกัน ตนแนะนำให้ไปทำนายเรื่องอื่น ๆ อย่านำเรื่องโควิด-19 มาเสี่ยงกับคนเพราะทุกวันนี้คนก็หวาดกลัวเป็นทุกข์กับสถานการณ์กันมากพอแล้ว

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพบกับหมอปลาย กล่าวว่า ตนไปออกรายการหนึ่ง จุดประสงค์ในการพูดก็เพื่อที่จะเตือนให้ทุกคนไม่ประมาทและระวังในการใช้ชีวิต ก่อนจะพูดอะไรตนก็จะย้ำเสมอว่าต้องใช้วิจารณญาณในการรับชมรับฟังตลอด ซึ่งตนก็แค่อยากให้ทุก ๆ คนระมัดระวังตัวมากกว่าที่จะตื่นตะหนก แต่ถ้าจะตื่นตระหนกตกใจ ก็แสดงว่าคำพูดของตนไปมีผลกับจิตใจของเขามากพอสมควร ตนก็ต้องขอบคุณด้วย แต่จุดประสงค์ตนไม่ได้คิดไม่ดี แค่อยากเตือนให้ระมัดระวัง อย่าการ์ดตกเท่านั้นเอง

ส่วนการที่ตนรับสารมาจากท่านยมบาลนั้น นอกจากท่านจะมีสารมาบอกแล้ว ก็จะเตือนในเรื่องของความดี ความชั่วร้าย นรกและสวรรค์มีอยู่จริง เพราะเราก็เป็นชาวพุทธ ท่านก็อยากจะให้ทุก ๆ คนนึกถึงบาปบุญคุณโทษ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ใช่ใจคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ทั้งนี้ ตนคิดว่านายรณณรงค์ เป็นผู้ใหญ่มากพอ คงจะไม่มาเสียเวลาฟ้องผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างตน และตนก็ไม่ได้เตรียมรับมือการถูกฟ้อง เพราะคิดว่านายรณณรงค์ เป็นผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กมากกว่า

"ถามว่าท้อไหม จริง ๆ แล้วไม่ได้ท้อ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วที่ต้องออกมาพูดว่าผิด ชอบ ชั่ว ดี คืออะไร และทุกครั้งที่ออกมาเตือน เราใช้ตรรกะและเหตุผลในการเตือนตลอด อีกอย่างเราไม่เคยบอกชื่อบุคคล หรือเจาะจงว่าเป็นใครหรือตั้งใจจะทำให้ทุกคนเสียหาย ก็เลยจะไม่ท้อใจในเรื่องนี้ค่ะ หลังจากบวชภิกษุณีที่ศรีลังกาเสร็จ ถ้ามีเหตุการณ์ที่จะต้องกลับมาพูดอีก ก็จะต้องทำ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่จะต้องมาเตือนทุกคนให้ระวัง" หมอปลาย พรายกระซิบ กล่าวทิ้งท้าย 

นางสมบัติ ลาดทอง อายุ 57 ปี พี่สาวคนโตของด.ช.ปลาบู่ เปิดเผยว่า เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ตนยังเป็นเด็ก ตอนนั้นไม่ค่อยได้สนใจเรื่องที่น้องชายพูด แต่ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เพราะคิดว่าเด็กวัย 5 ขวบเศษ ๆ จะพูดเรื่องต่าง ๆ ได้เป็นเรื่องเป็นราวมากแค่ไหน แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ตามคำทำนายทายทัก คนก็เริ่มเดินทางมาหาพ่อมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนที่เชื่อกับคำทำนาย แต่จนถึงปัจจุบันตนก็ยังเชื่อ แม้จะไม่มีเขื่อนแตกแต่ก็มีรอยร้าว ส่วนหนึ่งทำให้คิดได้ว่าจะใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท

ทั้งนี้ พ่อของตนเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการให้ข้อมูลเป็นเท็จตอนอายุ 77 ปี แต่ตนไม่รู้ข้อมูลอะไรมาก พ่อก็เคลียร์จนจบจนพ่อเริ่มป่วยและป่วยหนักได้ตัดสินใจถวายที่ดินของสำนักสงฆ์เขาลับแลให้กลายเป็นที่ดินสงฆ์ ส่วนที่อีกผืนได้เตรียมเป็นที่ไว้ฝังกระดูกของ ด.ช.ปลาบู่ พร้อมกับปลูกต้นโพธิ์ไว้เป็นจำนวนมากตามที่ด.ช.ปลาบู่ เคยบอกไว้