ฝรั่งเฒ่าหลงสาวเชียร์เบียร์แอบติดจีพีเอส อ้างเปย์เป็นหมื่น ลูกสาวสุดอายสงสารเหยื่อ (คลิป)

8 เม.ย. 65

กรณีนางสาวเก๋ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ หลังพบว่ามีคนนำเครื่องติดตามสัญญาณ GPS มาติดไว้ที่ช่องระบายหม้อน้ำหน้ารถยนต์ส่วนตัว สร้างความตกใจและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับชีวิต ทั้งนี้ คาดว่าผู้ก่อ่เหตุน่าจะเป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 71 ปี ทราบชื่อต่อมา David Robert Massingham จึงถอดเครื่องติดตามสัญญาณ GPS มามอบให้ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานเอาผิดต่อไป 

375026

จากการสอบสวนของเจ้าที่ตำรวจ พบว่านายเดวิด เป็นอดีตโปรแกรมเมอร์ชาวอังกฤษ ซึ่งรู้จักกับนางสาวเก๋ เพราะฝ่ายหญิงทำงานในร้านบาร์เบียร์แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยพ.ต.ท.คมสันต์ พิมพ์พันธ์ชัยบูลย์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุนายเดวิด ใช้โทรศัพท์มือถือมายืนแอบถ่ายรูปฝ่ายหญิงขณะที่ทำงานในร้านอยู่หลายครั้ง กระทั่งฝ่ายหญิงนำรถยนต์ส่วนตัวไปล้าง พบว่าที่กันชนหน้ารถมีอุปกรณ์ GPS พร้อมซิมโทรศัพท์ติดอยู่ จึงได้ถอดออกและนำไปสอบถามที่ศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ จนทราบว่าผู้ลงทะเบียนเจ้าของซิมชื่อ เดวิด 

860008

นายเดวิด ให้การรับสารภาพอ้างว่า ตนเคยทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศอังกฤษ หลังจากที่เกษียณแล้วกลับมาใช้ชีวิตแต่งงานอยู่กับภรรยาชาวไทย แต่หลังจากภรรยาเสียชีวิต จึงเช่าบ้านพักอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และยอมรับว่าที่นำ GPS ไปติดตามรถยนต์ของผู้เสียหายนั้น เป็นเพราะว่าเกิดความหึงหวงกลัวว่าฝ่ายหญิงจะไปมีคนอื่น

พ.ต.ท.คมสันต์ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความกันได้ ผู้เสียหายขอให้เจ้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเจ้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในความผิดก็ความเดือดร้อนรำคาญผู้อื่น และมรโทษปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท ก่อนจะว่ากล่าวตักเตือนห้ามไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกันอีก ซึ่งนายเดวิด ก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

257587

ล่าสุดวันที่ 8 เม.ย.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนางสาวเก๋ กล่าวว่า เมื่อประมาณปี 63 ก่อนจะมีสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ตนไปเที่ยวร้านบาร์เบียร์ของเพื่อนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แต่ไม่ได้เป็นสาวเชียร์เบียร์ตามข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ ตนก็ได้เจอกับนายเดวิด เขาพยายามจะเดินเข้ามาทักทาย ท่าทางอัธยาศัยก็ดูเหมือนชาวต่างชาติทั่วไป พูดจาดี ในตอนนั้นตนยอมรับว่ามีปัญหากับสามี กำลังฟ้องหย่ากัน จึงคุยกับฝรั่งคนนี้ในฐานะคนรู้จัก แต่ไม่เคยนัดเจอที่อื่น ๆ 

ทั้งนี้ ทุก ๆ ครั้งที่ตนไปบาร์เบียร์แห่งนี้ ก็จะเจอกับนายเดวิด เพราะเพื่อนของตนที่เป็นเจ้าของร้านบอกว่าฝรั่งคนนี้มารอตนที่ร้านทุกวัน ตอนนั้นจึงตัดสินใจเล่าปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับการฟ้องหย่าสามีให้เขาฟัง และบอกว่าการดำเนินคดีต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งเขาก็รับฟังและบอกว่าจะช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้ขอร้อง ต่อมานายเดวิด ก็เริ่มให้เงินตนครั้งละ 2,000-10,000 บาท และเริ่มแสดงออกว่าตั้งใจจะจีบตน พูดคำหวาน ตนก็เลยตัดสินใจตีตัวออกห่าง เพราะเม่ได้อยากเป็นแฟนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำให้นายเดวิด แอบถ่ายรูป ถ่ายคลิปโดยที่ไม่บอกตนและไม่ทักทายตนเหมือนเคย

892536

กระทั่งมีอยู่วันหนึ่งหลังจากรู้จักกันได้ประมาณ 5 เดือน เพื่อบอกตนว่า นายเดวิด เอาภาพของตนกับลูกสาวไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก คาดว่าหาจากเฟซบุ๊กของเพื่อนอีกที พร้อมกับคลิปที่เขาพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งเนื้อหาเป็นการขอรับบริจาคจากชาวเน็ต เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือตนในการดำเนินฟ้องหย่าสามี ทันทีที่ตนเห็นก็ตกใจมาก ๆ จึงติดต่อเขาว่าจะแจ้งตำรวจ เพราะไม่รู้ว่าเงินที่นายเดวิด เอามาให้ตนในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเขาออกมาโพสต์ขอรับบริจาคหรือไม่

795782

นอกจากนี้ นายเดวิด ยังมีพฤติกรรมไปเฝ้าตนที่บาร์เบียร์อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งตนก็ไม่คุย ไม่ทักทายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทั่งในวันที่ 5 เมษายน 65 ขณะที่ตนไปทำธุระแถวแม่ริม จ.เชียงใหม่ แล้วเกิดฝนตกทำให้ตนสังเกตเห็นว่ามีน้ำบางอย่าง ลักษณะสีดำไหลออกมาจากช่องระบายหม้อน้ำ จึงเดินเข้าไปดูก็พบว่ามีก้อนคล้ายพลาสติกเหนียว ๆ แปะอยู่ เมื่อแกะออกมาดูก็พบเป็นเครื่องติดตามสัญญาณ GPS พร้อมซิมการ์ด ตนก็เลยเอาซิมไปให้ศูนย์โทรศัพท์ตรวจสอบ จึงรู้ว่าซิมถูกเปิดใช้ในชื่อชาวต่างชาติแต่ไม่สามารถบอกชื่อได้ ก่อนตัดสินใจนำมาให้ตำรวจและทราบว่าเป็นนายเดวิด

"หลังจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ และที่สำคัญอยากจะให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับสาว ๆ ด้วย ว่าปัจจุบันใช้ชีวิตยากต่อให้เราจะระวังตัวแค่ไหน แต่ก็มีคนอื่นที่พยายามจะทำให้เราเดือดร้อนอยู่ดี ยืนยันว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายเดวิดฯ ไม่เคยไประรานชีวิตเขา ไม่เคยไปหลอกเอาเงิน" นางสาวเก๋ กล่าวทิ้งท้าย 

194250

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายเดวิด ในพื้นที่อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงได้พบกับนางสาวบัวชมพู อายุ 19 ปี ลูกสาวของนายเดวิด กล่าวว่า พ่อออกไปเดินเล่นในตัวเมืองตั้งแต่ช่วงเย็น ๆ เพื่อลดน้ำหนักและต่อด้วยเที่ยวกลางคืน เป็นปกติของทุก ๆ วันอยู่แล้ว และจะกลับมาบ้านอีกครั้งก็ประมาณ 21.00-22.00 น. เพราะแม่ซึ่งเป็นคนไทยเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 62 ปัจจุบันที่บ้านเหลือแค่พ่อ ตนและแฟนหนุ่ม นอกจากนี้ยังมีพี่สาวต่างพ่ออีกคน 

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนทราบเรื่องตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะพี่สาวมาบอกว่าตำรวจคุมตัวพ่อไปโรงพัก แต่ไม่รู้ว่าพ่อถูกดำเนินคดีเรื่องอะไร และบอกอีกว่าเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 65 พ่อสั่ง GPS มาจากแอปฯ ออนไลน์ ในราคา 155.55 บาท เพราะตนเป็นคนรับของ ตอนนั้นก็สงสัยว่าพ่อจะซื้อมาทำไม จึงสอบถามแต่พ่อบอกว่าจะซื้อมาติดที่รถจักรยานยนต์ของตน ซึ่งตนก็ไม่ว่าอะไร เนื่องจากเข้าใจว่าพ่อคงเป็นห่วง

“ถ้าถามถึงความรู้สึกตอนนี้ กับสิ่งที่พ่อทำ หนูก็อยากบอกพ่อว่าทำเพื่ออะไร หนูไม่เข้าใจ และเสียใจมากที่พ่อทำแบบนี้ อยากถามพ่อว่าแล้วแม่ละ แม่ตายแล้วทำไมหนูอยู่ได้ แต่พ่ออยู่ไม่ได้เหรอ เรื่องของนางสาวเก๋นั้น หนูก็ไม่ทราบ เพราะไม่มีเฟซบุ๊กพ่อ และไม่รู้ด้วยว่าพ่อเล่นเฟซบุ๊ก หนูเห็นแค่ว่าเล่นแอปฯ หาคู่” ลูกสาวนายเดวิด กล่าว 

349891

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีความนั้น หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนทั้ง 2 ฝั่ง จึงมีการดำเนินคดีกับนายเดวิด ในฐานความผิดกระทำการด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งนายเดวิด ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้เปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส