สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้เข้ายื่นหนังสือเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ปมเรื่องสิทธิในการปฏิเสธการตรวจหาสารเสพติดในร่างการของผู้ต้องสงสัยรวม 5 คน ในคดีการเสียชีวิตของแตงโม มีผู้ต้องสงสัย 2 รายที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถตรวจสอบได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีผลตรวจเลือดของ 3 คนบนเรือคือ โรเบิร์ต ปอ และจ๊อบ ออกแล้ว ไม่พบแอลกอฮอล์และสารเสพติด
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 7 เม.ย. 65 ทนายรณณรงค์โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมเอกสารราชการตีตราหน้าซองว่า "ลับ" พร้อมแคปชั่นอธิบายรูปภาพว่า "ผู้ตรวจการแผ่นดินเรียกผู้บังคับบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ชี้แจงประเด็นตรวจสารเสพติดคนบนเรือ กรณีไม่ตรวจทุกคนในคดีคุณแตงโม"
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวถึงกรณีร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจว่า สืบเนื่องจากตนเองรู้สึกพบความผิดปกติในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในคดีแตงโม เพราะหลังจากเกิดเหตุไม่มีการอายัดเรือของกลางไปตรวจสอบ ไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และสารเสพติดของคนบนเรือในทันที ถึงเเม้ว่าตนจะเป็นบุคคลภายนอก แต่ตนเป็นคนที่ขับเคลื่อนทางสังคม และมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าตำรวจใช้ดุลยพินิจใดในการไม่ตรวจสารเสพติดและปริมาณแอลกอฮอร์ในวันนั้น อยากทราบว่าคนบนเรืออ้างสิทธิพิเศษใดในการไม่ยินยอมให้ตรวจสอบ จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ สามารถตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้
จนกระทั่งวันนี้ผู้ตรวจการเเผ่นดินได้ส่งหนังสือตอบรับมาถึงตนว่ารับเรื่องไว้แล้ว แจ้งว่าได้ส่งหนังสือเชิญผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และแพทย์สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ให้เข้าชี้แจงรายละเอียด ก็รู้สึกดีใจที่รับเรื่อง โดยหลังจากนี้หากกระบวนการเสร็จสิ้น ทางผู้ตรวจการฯก็จะส่งรายละเอียดคำชี้แจงมาให้ตน ถ้าหากตนยังรู้สึกไม่พอใจกับคำชี้เเจงของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แล้วยังรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม มองว่าตำรวจบังคับใช้กฎหมายเเบบเลือกปฏิบัติ ตนก็จะนำเรื่องนี้ยื่นต่อคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. รัฐสภา ของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ เตมียเวช หรืออาจส่งให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบโดยตรงก็ได้ หากผลการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่มีความผิด ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะตนไม่ชอบความไม่เป็นธรรม ไม่ชอบการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ
ซึ่งการยื่นเรื่องของตนในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยุ่งเหยิงกับคดีแตงโม เพียงแต่ต้องการคำตอบจากตำรวจ เพื่อเป็นบรรทัดฐานแก่สังคม เพราะเปรียบเทียบกับคดีอื่นตำรวจสามารถจับผู้ต้องหามาตรวจได้ แต่คดีนี้กลับทำไม่ได้ ดังนั้นต้องขอโทษคุณแม่ของแตงโมไว้ล่วงหน้าหากไม่พอใจ "ยืนยันว่าผมจะไม่หยุด จนกว่าจะมีคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ากฎหมายเปิดช่องให้คนบนเรือปฏิเสธได้ ผมก็จะทำเรื่องต่อไปถึงรัฐสภาให้แก้กฎหมาย ให้ทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะปัจจุบันคำว่าดุลยพินิจของตำรวจทำให้กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา"
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะที่เป็นทนายความให้กับทางคุณแม่แตงโม ในคดีการเสียชีวืต ตลอดจนวันนี้เองก็ได้เข้าไปพูดคุยกับ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยได้สอบถามเรื่องราวดังกล่าวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าการเรียกไปของผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น เป็นไปตามระบบขั้นตอน
หลังจากที่ทางทนายรณรงค์ได้ไปยื่นเรื่องไว้ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนตามที่มีคนร้องเรียนทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็เลยต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคดีแตงโมไปให้ข้อมูล ซึ่งทางท่าน ผบช.ภ.1 เองก็ไม่ได้กังวล พร้อมตอบข้อมูลตามความจริง และขั้นตอนที่ได้ทำตามกรอบกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็แค่เข้าไปชี้แจง ยืนยันว่าไม่มีปัญหา และไม่มีผลต่อรูปคดีแน่นอน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการทำงานของตำรวจไม่ได้ดำเนินการช้า แต่ด้วยมีเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่เจอตัวบุคคลบนเรือ ประจวบกับตอนนั้นเองยังไม่ได้มีการสรุปว่าใครผิดใครถูกด้วย "ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามขั้นตอนครบ อธิบายได้ ถึงแม้จะตรวจเจอหรือไม่ตรวจเจอ แต่วัตถุพยานอย่างอื่นสามารถพิสูจน์ได้ในเรื่องที่ตำรวจต้องการคำตอบ"
