แม่แห่ศพลูกประท้วงถูกยิงดับปริศนา เชื่อจงใจฆ่าจัดฉากปืนลั่น พยานยันไม่ฆ่ากันเอง (คลิป)

กรณีแม่แห่โลงศพลูกชายขอความเป็นธรรมกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอยุธยา หลังลูกชายวัย 15 ปี เสียชีวิตจากอาวุธปืน โดยรุ่นพี่วัย 18 ปี อ้างว่าทำปืนลั่นใส่ หลังแย่งปืนกันนั้น

วันที่ 28 มี.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดวิเวกวายุพัด อ.บางปะอิน จ.อยุธยา นางหนูเหลี่ยม โสสุ่ย อายุ 40 ปี เก็บศพนายพิพัฒน์นุพงษ์ ตามลิขิต หรือ น้องจเด็ด ลูกชายวัย 15 ปี ไว้ที่ใต้ถุนเมรุ โดยนางหนูเหลี่ยมและสามีนำกับข้าวมาวางหน้าโลงศพลูกชาย พร้อมจุดธูปเคาะโลงเรียกลูกกินข้าว

นางหนูเหลี่ยม เล่าว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2565 ช่วงค่ำลูกชายไปนั่งเล่นที่บริเวณหน้าห้องเช่าของรุ่นพี่ ใน ต.คลองจิก อ.บางปะอิน ส่วนตนกับสามีออกไปทำงานขับรถส่งของที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร เวลาประมาณ 01.00 น. เจ๊เตย รุ่นพี่ของลูกชายซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่า โทรศัพท์มาบอกตนว่าลูกชายยิงตัวเอง อาการสาหัส ขณะนั้นตนกำลังทำงานจึงยังไม่สามารถกลับมาดูลูกได้ทันที

จนเวลา 06.00 น. ตนมาถึงโรงพยาบาลพบว่าลูกอยู่ห้องไอซียู อาการสาหัส กระสุนเจาะจากท้ายทอยทะลุหน้าผาก จากนั้นก็เข้าพบตำรวจ สภ.บางปะอิน ทางพนักงานสอบสวนเล่าว่าจากคำให้การของเพื่อนผู้ตาย อ้างว่าน้องจเด็ดทำปืนลั่นใส่ตัวเอง ตนก็ไม่เชื่อ เพราะวิถีกระสุนเข้าจากท้ายทอย และคำให้การไม่เหมือนกับที่เจ๊เตยบอกตัวเองตอนแรก กระทั่งลูกชายเสียชีวิต ก็ส่งศพชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ หมอก็บอกว่าผลเบื้องต้น เป็นลักษณะการจ่อยิงจากท้ายทอย ไม่ใช่อุบัติเหตุ

โดยตนก็มีข้อสงสัยว่าในตอนแรกมีการนำปืนไปทิ้ง จุดเกิดเหตุถูกล้างคราบเลือดทันที และมีการเผาโต๊ะไม้ที่ลูกชายนั่งเล่นช่วงเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากเค้นสอบ นายโอม อายุ 18 ปี รุ่นพี่ของลูกชายรับสารภาพว่าทำปืนลั่นใส่ลูกชายของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการแจ้งข้อหา และทางครอบครัวของนายโอมก็ประกันตัวลูกชายออกมา

ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นการทำปืนลั่น คิดว่าจงใจยิงมากกว่า และเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็น่าจะมีส่วนรู้เห็น เพราะทุกคนจงใจปกปิด รวมถึงให้การเท็จในตอนแรก มองว่าน่าจะมีการดำเนินคดีส่วนนี้ด้วย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ตนรับศพลูกชายมาประกอบพิธีทางศาสนา สวดเป็นเวลา 3 คืน จนวันที่ 17 มีนาคม ตั้งใจจะฌาปนกิจลูกชาย แต่ไม่มีเงิน จึงขอค่าใช้จ่ายเบื้องต้นจากคู่กรณี อีกฝ่ายให้มา 5,000 บาท จากนั้นครอบครัวของตนพูดคุยกันว่าอยากให้คดีได้รับความเป็นธรรมมากกว่านี้ จึงตัดสินใจเก็บศพเอาไว้ก่อน

โดยก่อนหน้านี้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องเงินเยียวยาจากฝั่งคู่กรณี ซึ่งตนเรียกเงินไป 200,000 บาท แต่อีกฝ่ายบอกว่าให้ได้แค่ 150,000 บาท แต่เมื่อสอบถามไปอีกฝ่ายบอกให้ไปฟ้องศาลเอาเอง

นายต๋อม อายุ 24 ปี สามีของเจ๊เตย ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า คืนเกิดเหตุขณะนั่งเล่นอยู่ด้านหน้ากระท่อม ตัวเองก้มหน้าเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ ขณะนั้นนายจเด็ดกำลังเล่นปืนของนายโอม ได้ยินเสียงปืน 1 นัด เมื่อเงยหน้ามาดูพบว่านายจเด็ดฟุบลงไปบนโต๊ะ ศีรษะมีเลือดอาบแล้ว ตนจึงรีบนำนายจเด็ดไปส่งโรงพยาบาล ตอนแรกคิดว่าเจ้าตัวคิดสั้นยิงตัวเอง ส่วนนายโอม ก็อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ตนไม่ได้ซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ก่อนเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงทะเลาะหรือเห็นจังหวะแย่งปืน แต่มั่นใจว่านายโอมไม่มีทางตั้งใจยิงนายจเด็ดแน่นอน เพราะนายโอมรักนายจเด็ดมาก ตอนที่นายจเด็ดมีเรื่องนายโอมยังไปช่วยล้างแค้นให้ และทั้ง 2 คนก็ไม่ได้มีปัญหาบาดหมางกัน ส่วนเรื่องอาวุธปืนที่มีการนำไปทิ้งหลังเกิดเหตุตนไม่รู้ แต่เหตุที่ต้องล้างเลือด เพราะจุดเกิดเหตุเป็นห้องเช่า และตำรวจก็อนุญาตให้ล้างได้