หมอพรทิพย์โต้ปูดหลักฐานพลิกคดีแตงโม รณณรงค์รับพลาดขอตบปากรับผิด (คลิป)

กรณี พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และ อดีตผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์  ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตรศพ ซึ่งร่วมสังเกตการณ์การผ่าชันสูตรศพครั้งที่ 2 ของสาวแตงโม ดาราสาวชื่อดังที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า “ไม่ได้พูด” ตามที่รายการ “ทนายคู่ใจ” นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์  นำเสนอเรื่องหยดเลือดพลิก! “คดีแตงโม” เป็นการฆาตกรรม?

หลังจากนั้น พญ.คุณหญิง โพสต์ข้อความระบุว่า "เมื่อคืนมีคนส่งคลิปนี้มาให้ดูหลายคน งงว่าเอาอะไรมาจากไหน พูดเป็นตุเป็นตะ ตอนนี้บอกเบื้องต้นว่าไม่ได้พูดอะไรกับใครเช่นในคลิปเลย รู้จักเกมกระซิบไหม คนแรกฟังแล้วส่งต่อแบบจำได้ไม่หมด บวกความเข้าใจของตัวเอง บวกข้อมูลที่มั่วเติม ส่งต่อไปเป็นทอดๆ ก็เลยออกมา แบบนี้ คุณหมอที่ถูกคุยทางโทรศัพท์ได้โทรมาคุยด้วยว่าเขาไม่ได้พูดและไม่รู้ว่ามีการอัดไปตัดต่อ รู้ดีว่าทุกคนอยากให้ความจริงปรากฏ แต่ต้องไม่ทำลาย ทำร้ายคนอื่น หมอยังคงเดินหน้า ไม่ต้องห่วง ทั้งชีวิตไม่เคยได้เงินจากการทำคดีใดๆ ทำเพราะเป็นหน้าที่ที่เลือกแล้ว สิ่งที่ได้คือกรรมดีที่จะเป็นสะพานไปสู่เป้าหมาย ถูกด่า ถูกใส่ร้าย ถูกกลั่นแกล้ง ไม่เอาใจไปรับก็ไม่กระทบและไม่กระเทือน ใครทำอะไรย่อมได้เช่นนั้น

ที่สำคัญที่สุดอยากบอกตำรวจว่าหมอไม่เคยเกลียดองค์กรหรือใคร แต่พ่อสอนให้เก็บเศษแก้วที่แตกออกเพื่อไม่ให้มีอันตรายต่อผู้คนที่ผ่านไปมา เก็บแล้วให้ห่อก่อนทิ้ง พ่อสอนว่าต้องทำเพราะเป็นกรรมดี การละเว้นเดินผ่านก็เป็นบาป นี่คือรากฐานชีวิต ที่สำคัญพ่อและคุณครูโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยสั่งสอนว่าต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง สุดท้ายได้เคยสนทนาธรรมกับพระธรรมปิฎก (สิบกว่าปีแล้ว) ท่านให้กำลังใจว่าต่อให้เหลือเพียงคนเดียวก็ต้องมุ่งมั่นทำดีตลอดไป ฝากถึงทุกคนที่พาดพิงกรุณาทบทวนด้วย #ความจริงไม่ใช่ความลับในคดี #ความยุติธรรมต้องไม่ถูกครอบงำ #งานนิติเวชคือการค้นหาความจริงให้คนตาย"

ล่าสุดวันที่ 20 มี.ค. 65 พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะทีมนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า ในประเด็นนี้ตนมองว่ามีทนายความหลายคนต้องการที่จะเข้ามาช่วยเหลือในด้านคดีความ และมีแพทย์อีกหลายท่านร่วมกันวิเคราะห์สภาพศพ แต่ในการวิเคราะห์และกล่าวถึงเนื้อหาในคลิปดังกล่าวนั้น ตนได้ดูรายละเอียดแล้ว ปรากฏว่ามีการพาดหัวว่าตนฟันธงว่าเป็นคดีฆาตกรรม แต่พอดูเนื้อหาด้านในแล้ว กลับเป็นคำพูดของทนายความท่านหนึ่ง ซึ่งมีการพูดคุยกับแพทย์อีกท่านหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตน แต่มีการนำเนื้อหาที่คาดว่าเกิดจากการฟังแถลงข่าว ไปวิเคราะห์และจับต้นชนปลายใหม่ กระทั่งถูกตีความไปในแนวทางอื่น

ฉะนั้น ตนจึงเชื่อว่าคำพูดของตนที่พูดเกี่ยวกับแผลที่ต้นขาซ้าย รวมถึงระดับน้ำในตา ที่วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 93 นั้น จึงถูกนำไปตีความใหม่ และวิเคราะห์ในแนวทางอื่น กระทั่งเข้าใจว่าตนเป็นคนพูดว่า “คดีแตงโม เป็นคดีฆาตกรรม” ตนจึงขอยืนยันให้สังคมเข้าใจว่า ตนไม่ได้พูดเพราะคำพูดนี้ไม่เคยหลุดออกจากปากของตน แต่เกิดจากการผสมเนื้อหาเข้าไปกับการวิเคราะห์ของทนายความ รวมถึงแพทย์ท่านหนึ่ง จึงกลายเป็นเนื้อหาดังกล่าวที่อาจจะทำให้สังคมเข้าใจผิด และหากจะย้อนกลับไปในวันที่แถลงข่าว ตนพูดคำว่าคดีฆาตกรรมออกมาตั้งแต่แรก คนที่จะต้องประโคมข่าวหรือลงข่าวคนแรก ๆ จะต้องเป็นนักข่าวที่นั่งฟังการแถลงข่าวในวันนั้น ซึ่งไม่ใช่ทนายความหรือหมอที่จะนำข่าวมาประโคมภายหลัง

"เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คุณหมอท่านนี้ได้โทรมาขอโทษ ซึ่งหมอก็ไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนทนายความ หมอก็ไม่ได้ถือโกรธ หรือนำมาเป็นประเด็นอะไร แต่สุดท้ายไม่ว่าคดีไหนที่ช่วยอย่างเต็มใจ หรือช่วยอย่างเต็มที่ ก็ไม่มีคดีใดที่หมอจะรับเงิน หรือหวังเงินจากการทำคดีเพื่อช่วยเหลือใคร" พญ.คุณหญิง พรทิพย์ กล่าว 

สำหรับประเด็นที่สังคมเข้าใจผิดเกี่ยวกับลิ่มเลือดที่ต้นขาซ้าย ประเด็นนี้ตนไม่เคยพูด ฉะนั้นจึงอยากให้ย้อนฟังการแถลงในวันดังกล่าว เพราะตนพูดแต่ว่ามีบาดแผลที่ต้นขาซ้าย แต่ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นลิ่มเลือดอย่างที่สังคมเข้าใจ อีกทั้งการที่ตนตอบข้อสงสัย โดยเฉพาะประเด็นน้ำในดวงตา ที่มีการวัดค่าแอลกอฮอล์ได้ 63 นั้น ก็เป็นเพราะว่าตนต้องการตอบประเด็นข้อสงสัยของสังคม เป็นการนำข้อมูลจากคณะทีมนิติวิทยาศาสตร์ทีมแรก มาเปิดเผยให้สังคมรับทราบหรือหายข้อสงสัย ฉะนั้นการตอบทุกประเด็นก็ไม่ได้ฟันธงหรือยืนยันชี้ชัด และไม่ได้พูดออกมาด้วยซ้ำว่าเป็นคดีฆาตกรรม

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวว่า ตนอยากขอภัยพญ.คุณหญิง พรทิพย์ ที่ตนอาจจะพาดพิงไปถึง ซึ่งตนก็พร้อมที่เป็นกระโถนรับความผิดทุกอย่างเอาไว้เอง แต่ตนยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวมีข้อมูลจากอาจารย์นิติเวชรายหนึ่ง ที่ตนได้รับฟังมา และนำเสนอไปโดยที่ไม่ได้กลั่นกรองว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่หลังจากที่ข้อมูลเผยแพร่ออกไป สังคมต่างให้ความสนใจ แม้ว่าคดีนี้จะมีหลักฐานมุ่งไปทางอุบัติเหตุ ไม่ใช่คดีฆาตกรรม แต่ลักษณะของศพยังมีข้อสงสัยอีกหลายอย่าง ซึ่งตนเชื่อว่าทุกคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าสาวแตงโม อาจจะถูกทำร้ายร่างกายก่อนที่จะเสียชีวิตหรือไม่ 

ทั้งนี้ ตนมองว่าการเก็บหลักฐานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมีปัญหา ตนจึงไม่คาดหวังว่าจะได้หลักฐาน 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงบาดแผลของสาวแตงโมนั้น คงไม่ได้เกิดจากหางเสือหรือใบพัดเรืออย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ ตนก็อยากเป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยงาน ทนายเดชา และแม่ของสาวแตงโม ให้ได้รับความเป็นธรรมในคดีนี้