เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 65 เวลา 09.00 น. นางพิมพ์วรัชญ์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยพระชัยยศ ฐานทินฺโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเปรมประชานายเดชาละลีย์ นักวิชาการศาสนา ชำนาญการพิเศษ และนายดำรงศักดิ์ เกตุแก้ว นักวิชาการศาสนา ชำนาญการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ปทุมธานี ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบตู้คอนทนเนอร์ ในพื้นที่ของเอกชน บริเวณซอยเวหากิจ หมู่ที่ 1 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี หลังจากได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีพระสงฆ์ออกบิณฑบาต และพักอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัดนาวง ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี เพื่อพูดคุยกับพระคณุปทุม เขตวิกรมรวิวณฺโณ เจ้าอาวาดวัดนาวง เจ้าคณะตำบลบางกะดี เขต 2 พระผู้ที่ไตร่สวนกรณีดังกล่าว
พระคณุปทุม เขตวิกรมรวิวณฺโณ กล่าวว่า กรณีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีพระสงฆ์ออกบิณฑบาต และพักอาศัยอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ ใกล้กับสถานีรถไฟรังสิต จึงเข้าไปตรวจสอบปรากฏพบพระสง่า กลิ่นสด อายุ 64 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ในพื้นที่ อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ซึ่งภายในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวมีเต็นท์สนาม 1 หลัง กลดธุดงค์อีก 1 หลัง ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีใบสูติบัตร พระสง่าอ้างว่าได้ทำเอกสารหาย และให้การวกวน จึงต้องนำตัวส่งมาให้อาตมาเป็นผู้ไตร่สวน
จากการตรวจสอบพบว่า พระสง่าไม่มีวัดต้นสังกัด อีกทั้งยังเคยโดนจับที่ ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี เนื่องจากในยามวิกาลออกเดินทางจากวัดเวลา 01.00 น. เพื่อนั่งรถไฟฟรีจาก จ.ลพบุรี มาบิณฑบาตที่ซอยอารีย์-แยกสะพานควาย และเคยถูกดำเนินคดีข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ในวันที่ 9 ส.ค.61 ทั้งนี้ อาตมาจึงลงความเห็นว่าให้ลาสิกขาทันที ก่อนสั่งให้เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมที่ จ.ลำปาง อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น อาตมามองว่า ขณะนี้กำลังเป็นกระแสในสังคม จึงอยากให้หยุดพฤติกรรมที่เป็นเสมือนการสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนาต่อไป
หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังตู้คอนเทนเนอร์ ภายในพื้นที่ซอยเวหากิจ หมู่ที่ 1 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ใกล้สถานีรถไฟรังสิตที่พระรุปดังกล่าวเข้ามาอาศัยอยู่
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางวันเพ็ญ จรเจศ อายุ 70 ปี แม่ค้าขายของชำ เปิดเผยว่า บริเวณพื้นที่ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของเอกชน ซึ่งจะมีตู้คอนเทนเนอร์ร้างถูกทิ้งไว้นานหลายปีแล้ว อีกทั้งประตูทางเข้าพื้นที่ก็ไม่ได้ถูกปิดล็อก จึงทำให้บุคคลภายนอกสามารถแอบเข้าไปได้
ส่วนพระสง่า จู่ ๆ ก็ได้มาอาศัยอยู่ภายในพื้นที่นานกว่า 1 ปีแล้ว จากการสังเกตช่วงเช้าจะออกไปบิณฑบาตนอกพื้นที่ แล้วจะกลับมาอีกทีช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ก่อนจะแวะซื้อของ เช่น น้ำแข็ง น้ำเปล่า ที่ร้านของตน ซึ่งจะอาศัยอยู่ได้อย่างไรตนก็ไม่ทราบ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีห้องน้ำ และน้ำ หรือไฟฟ้าใช้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะใช่พระจริง ๆ เนื่องจากหากเป็นพระจะต้องมีสังกัดอยู่ภายในวัด ไม่ใช่อาศัยในลักษณะแบบนี้ แต่ตนก็ไม่เคยสักถาม กระทั่งมีชาวบ้านที่พบเห็นบันทึกภาพและคลิปวิดีโอ ส่งให้สำนักพุทธศาสนา
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ชาวบ้านคอยช่วยกันเป็นหูเป็นตา เนื่องจากหากไม่ใช่พระจริงก็ต้องทำการลาสิขาให้เรียบร้อย เพราะไม่สมควรทำพฤติกรรมดังกล่าวเสมือนเป็นมิจฉาชีพ และสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนาอีกด้วย
