หนุ่มโดนบุกบ้านจับตรวจฉี่ โต้เสพยา - ปลัดอ้างบอกบุญ หวังพาบำบัดเพราะมีคนแจ้ง (คลิป)

17 ม.ค. 62
วันที่ 15 ม.ค. 62 นางสมมุ่ง นพเก้า เดินทางร้องทุกข์ต่อผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 62 เวลาประมาณ 15.00 น. มีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายสวมเสื้อกั๊กสีดำ สวมแว่นตาดำ มีวิทยุสื่อสารเหมือนหน่วยคอมมานโด หรือหน่วยปราบปราม กระทั่งทราบภายหลังว่าเป็นฝ่ายปกครองของ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ซึ่งขณะนั้นตนเองเพิ่งจะกลับเข้าบ้าน แต่กลุ่มคนดังกล่าวบอกกับตนเองทำนองว่า "มาบอกบุญ" และกล่าวอีกว่า มีคนแจ้งว่าบ้านตนเองเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด และได้สอบถามหาลูกชายตนเอง แต่ขณะนั้นลูกชายตนเองไม่อยู่บ้าน
นางสมมุ่ง นพเก้า ผู้ร้องเรียน (กลาง)
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงเดินดูรอบบ้าน และสอบถามเกี่ยวกับลูกชายตนเอง ซึ่งหลังจากยืนคุยกันได้สักพัก เจ้าหน้าที่จึงเดินออกจากบ้านไป ซึ่งขณะนั้นตนก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และยังรู้สึกสับสนกับคำว่า "บอกบุญ" เหตุใดลูกชายตนจึงไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเข้ามาในบ้านโดยพลการ ไม่ได้ขออนุญาต โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เดินออกไปจากบ้าน ก็ไปตามตัวลูกชายตนมาตรวจปัสสวะแต่ไม่พบสารเสพติด
ภาพจำลองเหตุการณ์ ขณะเกิดเหตุ
นางสมมุ่ง กล่าวต่อว่า หลังเกิดเรื่อง ตนจึงเดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ก็ได้ไร้วี่แววของเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว และไม่มีการชี้แจงใด ๆ ซึ่งต่อทราบภายหลังคนนำเจ้าหน้าที่ คือ นายวีระพจน์ ธีรชาญวิทย์ หรือ ป.ต้า เป็นปลัดอำเภอประทาย ตนจึงเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ประทาย เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 62 กับปลัดคนดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่บุกรุกบ้านและกล่าวหาลูกชายตนเองว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
บ้านของนางสมมุ่ง
ทั้งนี้ ตนต้องการฝากบอกกับทางเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว ให้ออกมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ครอบครัวพร้อมที่จะรับคำขอโทษและชี้แจงแต่ในเรื่องของคดีความนั้น ครอบครัวจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยไม่มีข้อละเว้นแต่อย่างใด
นายวีระพจน์ ธีรชาญวิทย์ ปลัดอำเภอประทาย
ด้าน นายวีระพจน์ ธีรชาญวิทย์ ปลัดอำเภอประทาย เปิดเผยว่า ตนเองได้รับเรื่องร้องเรียนจากแหล่งข่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวและบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยมีประวัติทะเลาะวิวาทมาแล้วหลายครั้ง ตนเองจึงได้รุดไปตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ อส. อีกจำนวน 4 คน เมื่อถึงบ้านก็ได้พบกับนางนางสมมุ่ง ส่วนคำว่าบอกบุญตามที่ได้ยินนั้น ในความหมายของตนเองคือ หากลูกชายเสพยาจริงก็จะพาไปบำบัด ไม่ได้จับไปดำเนินคดี หลังจากนั้นตนจึงพูดคุยกับนางสมมุ่งประมาณ 10 นาที เพื่อสอบถามเรื่องเกี่ยวกับลูกชายแล้วจึงขับรถกลับ แต่ปรากฏว่าพบกลุ่มวัยรุ่นกำลังมั่วสุมดื่มเหล้ากันอยู่บริเวณบ่อน้ำหลังหมู่บ้าน ตนเองจึงเข้าไปตรวจสอบตามหน้าที่ ปรากฏว่าไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด ต่อมาตนเองทราบว่า นางสมมุ่งมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม เกี่ยวกับการบุกรุกบ้าน จึงได้เดินทางไปพูดคุยกับนางสมมุ่ง พร้อมบอกขอโทษไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ตนเองเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาตนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ยืนยันว่าทำตามหน้าที่ ไม่ได้เจตนาไม่โปร่งใสหรือกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ส่วนเรื่องคดีความ ถ้าผิดวินัยก็จะว่าไปตามผิด ตนเองพร้อมยอมรับเรื่องดังกล่าว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ