พล.ต.ต.ปวีณ เปิดใจหลังลี้ภัย เชื่อถ้าสืบสวนต่อ สาวถึงปลาใหญ่ อีกหลายตัว

19 ก.พ. 65

พล.ต.ต.ปวีณ เปิดใจครั้งแรกหลังลี้ภัย เชื่อถ้าได้สืบสวนคดีค้ามนุษย์ต่อ สาวถึงปลาใหญ่ ได้อีกหลายตัว

วันนี้ (19 ก.พ.65) พรรคก้าวไกล ได้จัดงานแถลง ‘กว่าจะเป็นตั๋วช้างภาค 2 เปิดเบื้องหลังอภิปราย รังสิมันต์ โรม’ เพื่ออภิปรายเพิ่มเติมจากประเด็นที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายในประเด็นการค้ามนุษย์ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วม คือ รังสิมันต์ โรม, พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า รวมถึง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา เมื่อปี 2558 ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ประเทศออสเตรเลีย 

ในการแถลงครั้งนี้ พรรณิการ์ เกริ่นถึงที่มาที่ไปการอภิปรายถึงคดีค้ามนุษย์ในสภาฯ ของรังสิมันต์ ว่า ใช้เวลาเตรียมตัวนานถึง 2 ปี ตั้งแต่ก่อนยุบพรรคอนาคตใหม่เสียอีก เมื่อเวลาผ่านไปก็ยังได้ติดต่อกับ พล.ต.ต.ปวีณ อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งประมาณกลางปีที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งบอกว่าพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด

อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลา พล.ต.ต.ปวีณ ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ปลอดภัยพอที่จะเปิดเผย แต่เวลาล่วงเลยมาถึงปลายปี หลังจากปรึกษากับคนรอบตัว พล.ต.ต.ปวีณ ก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เกินไปที่จะเก็บไว้กับตัว อยากให้ประชาชนและนานาประเทศได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้มีการส่งต่อเรื่องให้รังสิมันต์เป็นผู้อภิปรายเรื่องนี้

vlcsnap-2022-02-19-17h01m36s1

ด้าน พล.ต.ต.ปวีณ ได้เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังจากที่รังสิมันต์ ได้อภิปรายเรื่องของตนในสภาฯ รวมถึงหลังจากที่ลี้ภัยออกจากประเทศไทยตั้งแต่ 6 ปีก่อน โดยเปิดเผยว่า “วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดวันหนึ่ง มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ติดค้างคาอยู่ในใจ ที่สร้างความทุกข์ระทมขมขื่น ทั้งเครียด กลัว และทุกข์ร้อนจิตใจ นับตั้งแต่หลบหนีออกจากประเทศไทย จนถึงวันนี้ นานถึง 6 ปี 3 เดือน 3 วัน จากการที่ผมปฏิบัติหน้าที่และถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รัฐบาล รวมทั้งผู้มีอำนาจ เพราะเรื่องราวทั้งหมดได้รับการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาให้คนไทยและทั่วโลกได้รับทราบ”

พล.ต.ต.ปวีณ เปรียบเทียบประสบการณ์ลี้ภัยว่าเหมือนผู้ที่หนีภัยสงคราม ต้องมาเรียนภาษาและทำงานหาเลี้ยงชีพเหมือนคนทั่วไป โดยที่ไม่เคยเตรียมตัวมาก่อน แต่เมื่อถึงเวลานี้ ก็รู้สึกได้รับความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่ง ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งยังขาดหายไป

พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวด้วยว่า ถ้าวันนั้นประเทศไทยเราเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีผู้นำที่อยากให้ประเทศใสสะอาด มีความซื่อสัตย์ และมีความกล้าหาญ ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเที่ยงตรงเหมือนนานาอารยประเทศ และปล่อยให้ดำเนินไปจนสุดทาง ชีวิตราชการที่ยังเหลือ 3 ปี ประกอบกับความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการสอบสวน ตนมั่นใจว่าจะสาวไปถึง "ปลาตัวใหญ่" ได้อีกหลายตัวอย่างแน่นอน  

ขณะที่รังสิมันต์ ตอกย้ำถึงจุดยืนของพรรคก้าวไกล ว่าจะไม่ให้เรื่องนี้เงียบอีกต่อไป โดยจะเดินหน้าทวงถามความยุติธรรมที่ พล.ต.ต.ปวีณ ถูกพรากไป รวมทั้งเดินหน้าทลายขบวนการค้ามนุษย์ที่หากินอยู่บนคราบน้ำตา และความเจ็บปวดของประชาชน และเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็อยากจะใช้โอกาสนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยเติบโตมากยิ่งขึ้น อย่างมีวุฒิภาวะ และไม่ให้กลับไปมีปัญหาแบบเดิม

จากเรื่องราวของ พล.ต.ต.ปวีณ นั้น พรรณิการ์ ฝากถึงประชาชนใน 2 ประเด็น คือ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการขุดเอาอดีตมาอภิปรายรัฐบาลปัจจุบัน เพราะไทยเองเพิ่งถูกปรับเป็น Tier 2 Watch List ในปีที่แล้ว นั่นหมายความว่า ขบวนการค้ามนุษย์ไม่ได้ถูกถอนรากถอนโคน แต่กลับเติบโตและมีโอกาสแสวงหาความร่ำรวยบนคราบเลือด-คราบน้ำตาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียเกียรติภูมิในประชาคมโลก 

ขณะที่อีกประเด็นหนึ่งคือ ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ที่ความขัดแย้งทางการเมืองทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับตำรวจย่ำแย่ลง คนจำนวนมากรู้สึกว่าตำรวจไม่ได้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลายเป็นผู้ที่คุกคามข่มขู่เสียเอง เรื่องราวของ พล.ต.ต.ปวีณ คือเรื่องที่ยืนยันว่า ตำรวจดียังมีอยู่ แต่ไม่มีที่ยืน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

พล.ท.มนัส คงแป้น จำเลยคดี ค้ามนุษย์โรฮิงญา หัวใจวายดับในเรือนจำ

advertisement

ข่าวยอดนิยม