กรณีหญิงสาวรายหนึ่ง ได้ส่งเรื่องร้องเรียนผ่านสื่อว่าถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกายจนม้าม และตับอ่อนแตก อีกทั้งยังถูกข่มขู่ว่าจะย้อนกลับมาทำร้าย เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ต่อมาทางทนายไพศาล จึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของคดีความดังกล่าวนั้น
เวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความชื่อดัง ได้พาผู้เสียหาย กรณีที่ถูกอดีตสามีทำร้าย มายื่นเรื่องร้องเรียนผ่าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นางสาววรลักษณ์ หรือ ฟิล์ม ผู้เสียหาย อายุ 21 ปี เปิดเผยว่า ตนได้เลิกกับทางอดีตสามีไปประมาณ 1 เดือนแล้ว สามีเป็นคนบอกเลิกตน แต่ก็ยังติดต่อพูดคุยกันอยู่ จนเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 65 ทางนายปาล์ม อดีตสามีได้มีการนัดเจอกัน เพื่อจะมาปรับความเข้าใจกัน ซึ่งตนก็ยินยอมที่จะไป เพราะตั้งใจว่าจะไปขอจบความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด เนื่องจากส่วนตัวกำลังจะเริ่มต้นคุยกับคนอื่น
แต่วันนั้นตนทำงานมาเหนื่อย และมาถึงที่พักเวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ของวันที่ 18 ม.ค. ตนจึงนอนหลับทันที และยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน กระทั่งช่วงเช้า นายปาล์ม อดีตสามี ได้หยิบโทรศัพท์ของตนไปดู และสืบทราบว่าตนได้คุยกับผู้ชายคนใหม่แล้ว ก่อนจะปลุกตนขึ้นมาถามว่าบุคคลที่ตนคุยคือใคร แต่ตนยังไม่ทันได้อ้าปากตอบ
นายปาล์มก็ลากขาลงมาจากที่นอน และนำของเล่นลูกอายุ 2 ขวบมาทุบที่ศีรษะ ตนตกใจจึงส่งเสียงร้อง นายปาล์มก็พูดว่า "ร้องไปเลยให้คนอื่นได้ยิน" ตนเลยเงียบปากลง แต่นายปาล์มยังไม่ยอมจบ และกลับมากระทืบเข้าที่หน้าท้องของตนอีก 1 ครั้ง แรงกระทืบค่อนข้างจะแรง เพราะเขาตัวใหญ่ สูงกว่า 170 ซม. และน้ำหนักประมาณ 80 กก.
จากนั้นตนได้พูดว่าอยากเจอพ่อแม่ และขอร้องไม่ให้ทำ นายปาล์มจึงหยุดการกระทำ และเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงาน ทั้งที่ตนยังนอนเจ็บอยู่ที่เดิม หลังจากที่นายปาล์มออกไป ตนได้พยายามตั้งสติอยู่สักพัก และหยิบกุญแจรถจักรยานยนต์เพื่อขับรถไปหาเพื่อนร่วมงาน เมื่อไปถึงตนก็ทิ้งตัวลง และบอกเพื่อนร่วมทำงานว่าถูกทำร้ายร่างกายมา ทุกคนจึงพาไปส่งที่โรงพยาบาลทันที และต่อมา ได้ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ระหว่างที่รอผลเอกซเรย์นั้น แพทย์ได้แจ้งให้กลับบ้านก่อน แต่ตนทนไม่ไหวเลยไม่ยอมกลับ เมื่อแพทย์ลองตรวจร่างกายด้วยการจับบริเวณลำตัว ให้ตนเข้าไปตรวจในเครื่องซีทีสแกนอีกครั้ง จึงพบว่าม้ามและตับอ่อนฉีกขาด เลยต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าไม่ผ่าตัดก็เสี่ยงที่จะเสียชีวิต
ช่วงที่ตนรักษาอยู่ นายปาล์มได้พยายามติดต่อมาหาตนอยู่ตลอด ส่งข้อความมากล่าวขอโทษ และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนถูกทำร้ายร่างกาย ตนกับนายปาล์มคบหากันได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว ช่วงแรกที่คบหากันนายปาล์มมีพฤติกรรมโมโหร้อน หากไม่พอใจอะไรก็จะทำร้ายตัวเอง เช่น มีอยู่ครั้งหนึ่งกำลังมีปากเสียงกันเรื่องที่นายปาล์มอยากอยู่กับตน แต่ทางบ้านของตนไม่ยอม อยู่ดี ๆ นายปาล์มก็เอาหัวไปโขกกับรถจักรยานยนต์จนกระจกรถแตก
ซึ่งครั้งนั้น ตนก็ได้แต่คิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่อีกมุมหนึ่งก็มองว่าเขาน่าสงสาร เลยคบหากันต่อ กระทั่งตนคลอดลูกชาย และหลังจากที่คลอดลูกได้เพียง 1 เดือน นายปาล์มก็เริ่มมีคนอื่น แต่ตนก็พยายามเข้าใจ กระทั่งมีผู้ชายส่งข้อความมาหาตน และกดไลก์ในเฟซบุ๊กแค่ 1 ครั้ง พอนายปาล์มทราบเรื่องก็โมโห และเตะท้องของตนสุดแรง 1 ครั้ง ทั้งที่ตอนนั้นอยู่ในบ้านของตน และแม่ก็ทำกับข้าวอยู่หลังบ้านไม่ห่างกัน เมื่อแม่เข้ามาเจอพอดี นายปาล์มก็มีอาการตกใจ และสำนึกผิด ตนเลยยังคบหากันต่อ
จนครั้งที่ 2 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะที่ลูกชายอายุได้ 2 ปี ตนกับนายปาล์มได้ทะเลาะกัน เรื่องที่นายปาล์มหาเงินมาใข้จ่ายภายในครอบครัวไม่ทัน แต่ระหว่างที่ทะเลาะนั้น นายปาล์มก็ต่อยหน้าผากตน จนตนหัวแตก ต่อมา ครั้งที่ 3 เมื่อปีที่แล้ววันนั้นตนจะขอไปหาเพื่อน แต่นายปาล์มไม่ยอมให้ไป อ้างว่าไม่ชอบให้ไปคุยกับคนอื่น และพอกลับมาอยู่ในห้องเช่ากัน 2 คนก็ลงมือเตะและต่อยตนอีก
จากนั้น ครั้งที่ 4 เมื่อช่วง 4-5 เดือนต่อมา ขณะที่นายปาล์มนำรถมาแต่งที่ร้าน ตนก็ได้ไถ่ถามว่าเมื่อไรรถจะซ่อมเสร็จ เพราะเห็นว่า นำมาทำอยู่เรื่อย ไม่จบเสียที พอมาถึงห้องเช่า นายปาล์มก็เริ่มโวยวายเตะต่อยตนเหมือนเช่นเคย กระทั่งเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ตนได้กลับมาอยู่ที่บ้าน และพอมีโอกาสได้เห็นครอบครัว ตนเลยรู้สึกว่าอยู่กับที่บ้านแล้วมีความสุข แต่อยู่นายปาล์มมีแต่ทะเลาะกัน จึงเริ่มไม่ค่อยอยากอยู่ และมีอยู่วันหนึ่งตนได้บอกนายปาล์มว่าวันนี้จะอยู่กับเพื่อน พอตนบอกไปเช่นนั้น นายปาล์มก็บอกเลิกเล่าทันที และด่าทอตนหลายอย่าง
กระทั่งอารมณ์เริ่มเย็นลง นายปาล์มก็ส่งข้อความมาขอโทษ และง้อ จนตนเริ่มใจอ่อน เลยคุยกันเหมือนว่ายังเป็นแฟนกัน แต่หลังจากนั้นตนก็ยอมรับว่า ตนเริ่มเปิดใจคุยกับคนอื่นแล้ว แต่ไม่เคยบอกกับเขาตรง ๆ และวันที่ถูกทำร้ายครั้งล่าสุด คือวันที่จะไปจบความสัมพันธ์ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เกิดเรื่องขึ้นก่อน จนเมื่อเช้านี้พอนายปาล์มถูกจับ ก็ติดต่อมาว่าอยากจะเจอลูก ซึ่งตนก็อยากจะพาไปเจอ แต่ไม่พร้อมจริง ๆ
ด้านว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่า วันนี้ทนายไพศาลได้พาผู้เสียหายมายื่นเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรม และทางกระทรวงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือดูแล ทั้งในเรื่องของคดีความ และค่ารักษาพยาบาล ซึ่งล่าสุด ทางอดีตสามีได้ถูกจับกุมตัวเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เสียหายว่าหลังจากเกิดเรื่อง อดีตสามีและกลุ่มเพื่อนของอดีตสามีได้มีการเข้ามาข่มขู่ ด้วยเหตุนี้ทางกระทรวงจะประสานให้มีการคุ้มครองพยาน และจะประสานกระทรวงสาธารณะสุขเกี่ยวค่ารักษาพยาบาล สุดท้าย อยากจะฝากถึงผู้ชายที่ชอบทำร้ายร่างกายผู้หญิงว่ากฎหมายไม่ได้อนุญาตให้สามีทำร้ายร่างกายภรรยา และการทำร้ายร่างกายนั้นมีโทษทางกฎหมาย
น.ส.จิราภรณ์ สระน้ำอ้อม อายุ 37 ปี น้าของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผู้เสียหายมีศักดิ์เป็นหลานสาวของตน ส่วนตัวเคยทราบเรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่เคยเข้าไปวุ่นวาย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว กระทั่ง ช่วงเดือน ม.ค. แม่ของผู้เสียหายได้โทรมาเล่าเรื่องที่นางสาวฟิล์ม ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตนจึงมีโอกาสได้คุยกัน แนะนำให้ไปแจ้งความ ก่อนที่ะช่วยดำเนินเรื่องให้
กระทั่ง เวลาผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ทางแม่ของผู้เสียหายได้แจ้งมาว่ามีคนเข้ามาข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายแม่ของผู้เสียหาย รวมถึงตัวผู้เสียหายเอง พร้อมกับอ้างว่าคดีครอบครัวถ้าทำร้ายจะเสียเงินเพียง 500 บาท แต่ตนมองว่าถึงขั้นม้ามและตับแตกนั้น อาจจะเข้าข่ายพยายามฆ่าได้ จึงมองว่าไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้จึงร้องเรียนไปทางพี่หนุ่ม กรรชัย รวมถึงสื่อมวลชนให้เข้ามาช่วยเหลือ เพราะอยากจะขอความยุติธรรม เกรงว่าจะถูกทำร้ายซ้ำอีก
หลังจากเกิดเรื่องตนยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับทางผู้ก่อเหตุ และคิดว่าขอให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้ที่เคยทะเลาะกันนั้น เคยให้โอกาสทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจแล้ว แต่ก็ยังเกิดเรื่องซ้ำอีก