ดราม่าถล่มหนุ่มขาลีบถลุงเงินบริจาค เจ้าตัวโต้ติดพนัน แต่ข้างบ้านแฉจนคดีพลิก (คลิป)

กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เตือนภัยให้ระวังผู้ป่วยพิการติดเตียงคนหนึ่ง อ้างว่าตัวเองขาลีบจึงขอเงินบริจาคจากผู้อื่นไปทั่ว เมื่อได้เงินก็จะนำไปเล่นเกมและการพนัน กระทั่งผู้ใจบุญที่โอนเงินเข้ามาเริ่มสงสัย ก่อนจะสืบทราบว่าผู้ป่วยคนนี้นำเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จริง

ล่าสุดวันที่ 14 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านหลังหนึ่ง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบว่านายนรากร มะลิลา หรือ บรีส อายุ 18 ปี ผู้ป่วยพิการติดเตียงคนดังกล่าว อาศัยอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว แต่ประตูด้านหน้าบ้านล็อก จึงต้องโทรติดต่อยายของผู้ป่วย ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านขณะนั้นออกไปข้างนอก ให้มาเปิดประตูบ้าน 

ทีมข่าวสังเกตว่านายนรากร มีรอยบาดแผลบริเวณศีรษะ ซึ่งเกิดจากการผ่าตัด และตามลำตัวมีตุ่มที่เกิดจากโรคส่วนตัว และขาลีบไม่สามารถเดินได้ ส่วนเสียงนั้นก็ค่อนข้างแหบ เวลาพูดจะไม่ค่อยมีเสียง

นายนรากร กล่าวว่า เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ตนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนไปเที่ยวตลาด ก่อนจะประสบอุบัติเหตุรถล้ม ทำให้ตนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จนถึงทุกวันนี้ และรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา ในระหว่างที่ป่วยก็ไม่ค่อยมีใครนำของมาบริจาค มีเพียงจิตอาสาเท่านั้น อีกทั้งตนขอยืนยันว่าไม่เคยไปหลอกขอเงินใคร ส่วนเรื่องที่มีคนโพสต์พาดพิงคนอื่นนั้น เพราะตนถูกใส่ร้ายและถูกกล่าวหาว่านำเงินไปเล่นเกมเกี่ยวกับการพนันบาคาร่า ทั้งที่ ๆ ตนไม่เคยเล่น

แต่ตนยอมรับว่ามักจะส่งข้อความไปขอเงินจากทุก ๆ คนผ่านเฟซบุ๊ก และคนที่ตนส่งข้อความไปหานั้น บางคนตนก็รู้จักส่วนตัว แต่บางคนก็เป็นเพื่อนของเพื่อน แต่สาเหตุที่ตนส่งข้อความไปหาคนที่ไม่รู้จักนั้น เพราะไม่มีผ้าอ้อมผู้ใหญ่ใช้จริง ๆ ส่วนเลขบัญชีที่ตนให้ผู้บริจาคโอนมานั้น ส่วนใหญ่จะไม่ใช่บัญชีของยาย เพราะยายไม่กล้ารับ เลขบัญชีของตนก็ไม่เคยให้ใคร และตนอยากจะให้เรื่องนี้จบ เพราะตนไม่เคยหลอกใคร และจากนี้จะไม่ขอรับเงินใครอีกแล้ว

นางสาวสุนีย์ ยางบางใหญ่ อายุ 72 ปี ยายของผู้ป่วย เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว หลานชายของตนกำลังจะไปเที่ยวกับเพื่อนและซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ก่อนจะประสบอุบัติเหตุ ตอนที่เกิดอุบัติเหตุนายบรีสต้องผ่าสมองเพราะเลือดคั่งในสมอง หลังจากที่ผ่าตัดระบบประสาทก็ไม่ดีเหมือนเดิม ส่วนขาที่มีอาการลีบนั้นไม่สามารถใช้งานได้ประมาณ 1 ปีแล้ว และวันที่ 17 ก.พ.65 แพทย์ได้นัดไปกายภาพบำบัด ส่วนเสียงนั้นเพิ่งจะหายไปได้ 1 ปีเช่นกัน เพราะเป็นวัณโรคปอด ทำให้มีอาการไอ จนพูดไม่มีเสียง

สำหรับค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลนั้น จะนำเงินมาจากสวัสดิการของรัฐบาล และบัตรทองรักษาโรค เพราะตนเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ทำงาน และมีรายได้เพียงวันละ 100 กว่าบาท เงินจำนวนนี้ตนจะนำมาซื้ออาหาร และของใช้ให้นายบรีสกิน กรณีที่มีคนโพสต์ว่า นายบรีสไปขอเงินคนอื่น ๆ ตนไม่เคยรู้มาก่อน และเพิ่งจะมารู้ตอนที่มีคนมาไลฟ์สดหน้าบ้าน ส่วนตัวก็ไม่เคยถามนายบรีส เพราะตนไม่เคยเห็นเงินที่นายบรีสได้รับ ส่วนอาหารการกินของนายบรีส ตนก็มักจะเห็นรถขนส่งนำอาหารมาส่งให้ประจำ แต่ไม่ทราบว่าใครสั่งมาให้

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่นายบรีสนำเงินไปเล่นเกมนั้น ตนไม่เคยทราบจริง ๆ เพราะตนเล่นโทรศัพท์ไม่ค่อยเป็น แต่จากนี้ตนไม่ขอรับเงินบริจาคอีกแล้ว เพราะกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าไปหลอกคนอื่น และตนอยากจะนำเงินที่ได้มาจากการทำงาน มาเลี้ยงตัวเองมากกว่า

จากนั้นนายบรีส หยิบเงินที่อ้างว่าได้มาจากการรับบริจาค ซึ่งแอบซ่อนไว้ในปลอกหมอน จำนวน 3,000 บาท มาให้ทีมข่าวดู พร้อมกับเปิดแอปพลิเคชันกระเป๋าตังค์ที่อ้างว่า มีคนโอนเงินมาให้ประมาณ 600 กว่าบาท นอกจากนี้ ยังได้เปิดโทรศัพท์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้นำเงินไปเล่นเกม แต่นำเงินไปสั่งอาหารในแอปพลิเคชัน ซึ่งจากการเปิดดูประวัติการสั่งอาหาร พบว่ามีการสั่งอาหารจริงครั้งละ 100 กว่าบาท ส่วนภายในโทรศัพท์มีแอปพลิเคชันเล่นไพ่ แต่ไม่ต้องเติมเงินในเกม และไม่ต้องเสียก่อนเล่น 

นายปฐวี ชื่นประดิษฐ์ อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนไม่เคยรู้จักกับนายบรีส มาก่อน แต่เมื่อประมาณวันที่ 13 ธ.ค.64 นายบรีส ได้เพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ก และส่งข้อความมาหาตน อ้างว่าเคยเห็นตนขับรถผ่านหน้าบ้าน และเป็นคนในพื้นที่ ก่อนจะทำทีขอเงินไปซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ด้วยความสงสารตนจึงโอนเงินให้ 500 บาท

กระทั่งครั้งต่อมาเขาก็ส่งข้อความมาหาเช่นเดิม ตนก็โอนเงินให้ 200 บาท และตนยังก็โพสต์เรื่องราวของนายบรีส ให้ผู้ใจบุญที่สนใจอยากจะช่วยเหลือติดต่อไป จนมีกลุ่มเพื่อนโอนเงินไปให้นายบรีสหลักพัน จากนั้นตนสืบทราบว่า นายบรีส นำเงินไปเล่นเกมและเล่นพนัน ตนก็เลยเลิกที่จะข้อเกี่ยว และบล็อกเฟซบุ๊ก พร้อมกับแจ้งกลุ่มเพื่อนให้ระวังภัย

"ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกโกรธ และไม่ได้ติดใจเอาความนะครับ แต่คิดเสียว่าเราทำบุญไปแล้ว เขาจะนำเงินไปทำอะไรก็เป็นสิทธิของเขา แต่วิธีการใช้เงินนั้นอาจจะผิดวิธี อยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์ถึงคนที่ใจบุญ หากจะช่วยเหลือใครให้ดูดี ๆ เพราะมิจฉาชีพมักจะแฝงมาในรูปแบบของความน่าสงสารครับ" ผู้เสียหาย กล่าว  

นายสิทธา ชาวโพงพาง อายุ 20 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายบรีส เพราะบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน แต่หลังจากที่นายบรีส ประสบอุบัติเหตุ ตนก็ไม่ค่อยได้เข้าไปพูดคุยด้วย กระทั่งนายบรีส ส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊ก ขอให้ตนซื้อของให้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของกิน เช่น ปูอัด ไอศกรีม แต่ตนไม่ค่อยว่างจึงไม่ได้ไปซื้อของให้ทุก ๆ ครั้ง 

สำหรับเรื่องที่เขาไปขอเงินซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ตนก็เคยถูกนายบรีสขอเงิน แต่ตนไม่ได้ให้ไป เพราะทราบว่าเขานำเงินจำนวนนี้ไปเล่นเกมบาคาร่า เมื่อชนะได้เงินมาจำนวน 4,000 บาท ก็จะขอยืมบัญชีร้านค้าให้ถอนเงินดังกล่าวออกมา นอกจากนี้ วีรกรรมก่อนที่นายบรีสจะป่วยนั้น ยังเคยเสพยา และเล่นการพนัน รวมถึงไปขโมยของที่วัดแห่งหนึ่ง จนชาวบ้านในพื้นที่ทราบพฤติกรรมนี้เป็นอย่างดี จึงไม่ค่อยมีใครเชื่อ และยอมให้เงิน