กรณีคนร้าย จำนวน 3 คน พร้อมอาวุธปืนพกสั้น ได้เข้าไปปล้นร้านจำหน่ายทองรูปพรรณ ในพื้นที่ ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก พบผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นชาวเมียนมา ต่อมาทราบชื่บ นายชิอาก่า อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าของทางร้านทองที่กำลังเลือกซื้อทองอยู่ภายในร้าน โดนยิงหน้าอกซ้าย 1 นัด
ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น คาดว่าจำนวนน้ำหนักทองที่โดนปล้นไปเกือบ 200 บาท โดยหลังเกิดเหตุ คนร้ายหลบหนีโดยใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเทาดำรุ่น Hilux mighty-x ตอนเดียว ทะเบียน บว1910 กำแพงเพชร ขับมุ่งหน้าไปทางบ้านผากะเจ้อ ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา
ล่าสุดวันที่ 13 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงไปในพื้นที่จุดเกิดเหตุ เป็นร้านทองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ย่านใจกลางอำเภอ และเป็นย่านชุมชนคนหนาแน่น โดยวันนี้พบว่าร้านทองดังกล่าวปิดเงียบ ไม่ได้เปิดให้บริการ
ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับญาติของเจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องคดีตอนนี้ปล่อยให้เป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนมูลค่าความเสียหาย จากการตรวจสอบพบว่ามีมูลค่าความเสียหายเป็นทองคำน้ำหนักประมาณ 187 บาท ซึ่งตอนนี้ทางคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากสภาพจิตใจยังหวาดกลัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และค่อนข้างช็อกกับสิ่งที่เจอ
สำหรับร้านทองดังกล่าว เพิ่งเปิดมาได้ 4 ปี และยังมีอีกหลายสาขา ซึ่งทั้งหมดไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตนยืนยันว่าร้านของตนมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยอย่างดี แต่กลับเจอเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากนี้ทางครอบครัวก็คงต้องมีมาตรการที่ระมัดระวังมากขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นจะเลิกขายทอง
พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบร้านจำหน่ายทองคำรูปพรรณ ต.พบพระ จ.ตาก จากนั้นจึงเดินทางไปยังบ้านผากะเจ้อ หมู่ที่ 9 ตำบลวาเล่ย์ ซึ่งเป็นจุดที่เปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ในการปล้นมาเป็นรถยนต์สำหรับหนีต่อไปอีกคันหนึ่ง และเดินทางต่อไปบ้านยะพอ ตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา และเป็นจุดที่คนร้ายหนีข้ามไปฝั่งเมียนมา โดยมีลำห้วยกั้นระหว่างเขตไทยกับฝั่งประเทศเมียนมา ทหารบก.ควบคุมที่ 14 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 อ.แม่สอด พร้อมด้วยสุนัขสงครามเข้าไปร่วมตรวจสอบพื้นที่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบหลักฐานชิ้นใหม่ เป็นเสื้อยึดกางเกงสีน้ำเงิน และรองเท้าวางอยู่ริมฝั่งลำห้วยยะพอ ติดชายแดนตรงข้ามกับพื้นที่ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นดีโอ เจ้าหน้าที่จึงให้ตำรวจวิทยาการเข้าไปเก็บหลักฐานไว้ โดยมีการดูเบอร์รองเท้า ขนาดความสูงของกางเกง ขณะเดียวกันได้ให้สุนัขสงครามของทหารดมกลิ่นรองเท้า และในจุดที่คนร้ายเดินทางไปแต่เนื่องจากมีลำห้วยกั้นอยู่ สุนัขจึงไม่สามารถไปต่อได้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเพิ่ม พึ่งคอนบุรี อายุ 40 ปี เจ้าของร้านตัดผมที่อยู่ติดกัน เล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุตอนนั้นตนกำลังนั่งอยู่ภายในร้าน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงลักษณะคล้ายปืน กับเสียงทุบกระจกแตก จึงหันไปดูหน้าร้านพบรถกระบะต้องสงสัยจอดอยู่ ด้วยความที่ได้ยินเสียงปืนเลยไม่กล้าออกไปนอกร้าน ได้แต่นั่งหมอบอยู่ข้างใน
ขณะนั้นในใจก็คิดว่าคงเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องของการปล้นทอง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ตนยอมรับหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้สังเกตว่ารถเป็นของใคร
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของบุคคลที่มีรายชื่อในการครอบครองรถคันต้องสงสัยดังกล่าว ที่ตำรวจตรวจยึดไว้ได้ โดยทางครอบครัวไม่ขอชี้แจงเรื่องราวและรายละเอียดที่เกิดขึ้น แต่ในส่วนของลูกชายของอดีตตำรวจที่เป็นคนใช้รถนั้น ขณะนี้เจ้าตัวยังคงอยู่ที่ สภ.พบพระ ยังให้ปากคำอยู่ ขณะที่ครอบครัวได้เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหมดแล้ว
