กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิป บริเวณริมถนนหน้าร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง กำลังจะต่อยผู้ชายคนหนึ่ง ระบุว่าก่อนหน้านี้มาขอตนเองชนแก้ว แต่ไม่ชนด้วย จึงนำเหล้ามาสาดจนตัวเปียก ตนเองโมโหจึงเป็นไปตามคลิปดังกล่าว โดยยังระบุอีกว่า ตนเองเป็นนักมวยด้วย หลังจากนั้นได้ไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง และตำรวจได้ติดตามตัวชายคนดังกล่าวจนเจอ และจะนัดมาพบกันเวลา 16.00 น. วันที่ 8 ก.พ. 65 ที่ สน.ห้วยขวาง
นางสาวแพรพลอย แซ่เอี้ย อายุ 24 ปี ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ว่า เกิดขึ้นที่ร้านข้าวต้มย่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 05.00 น. หลังจากที่ตนเองไปเลี้ยงฉลองวันเกิดที่ร้านเหล้า แล้วมานั่งกินข้าวต้มต่อกับเพื่อน ๆ ทั้งหมด 8 คน เป็นหญิง 4 คน ชาย 4 คน
ก่อนหน้าที่ตนเองจะเดินทางไปถึงร้านข้าวต้ม มีรุ่นพี่ผู้หญิง 2 คน ไปจองโต๊ะก่อน โดยเมื่อไปถึงที่ร้าน กำลังหาโต๊ะก็ถูกกลุ่มคู่กรณีซึ่งเป็นชาย 4 คนแซวตั้งแต่แรก จากนั้นเมื่อมานั่งที่โต๊ะ ชายคู่กรณีก็เดินมาหาและขอชนแก้ว รุ่นพี่ตนเองไม่อยากมีปัญหาจึงชนแก้วเปล่าไป เพราะเพิ่งจะนั่งได้ไม่นาน จากนั้นเมื่อตนเองมาถึงชายคู่กรณีก็เดินอ้อมหลังตนเองมา และขอตนเองชนแก้ว ตนเองจึงหันไปตอบว่าไม่ชน กินข้าวอยู่ ชายคนดังกล่าวจึงหน้าเจื่อน และยืนด้วยความเขินอายอยู่ประมาณ 3 นาที โดยไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ชายคนนี้ได้เดินมาอีก หยิบหลอดออกจากแก้ว ราดน้ำใส่ศีรษะตนเองอย่างช้า ๆ จนเปียกไปทั้งตัว ไม่แน่ใจว่าน้ำอะไร เนื่องจากเมา ด้วยความเมาตนเองยังงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น หันไปมองเจอชายคนที่ขอชนแก้วตนเอง จากนั้นตนเองจึงปาแก้วกับที่ใส่กระดาษทิชชู่ไป แต่ไม่โดน ชายคนดังกล่าวยังยิ้มเยาะตนเอง และเดินออกไปหน้าร้าน ตนเองจึงตามไปถามว่าทำแบบนี้ทำไม รู้จักกันหรือ จากนั้นจึงเป็นไปตามคลิป ชายคนนี้ถูกหมัดตนเองไปเล็กน้อย จากนั้นกลุ่มเพื่อนจึงมาช่วยห้าม ก่อนจะแยกย้ายกันไป
หลังจากเกิดเหตุ ตนเองพยายามสอบถามชายเสื้อแดงในคลิปที่มากับชายที่ก่อเหตุว่าบ้านของผู้ก่อเหตุอยู่ที่ไหน เขาได้แต่อ้างว่าไม่รู้จักกัน แต่มาบังเอิญเจอกันเท่านั้น จากนั้นจึงแยกย้ายกลับบ้าน ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับคู่กรณีมาก่อน
ตอนแรกตนเองจะไม่แจ้งความ แต่มองว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น จึงเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง และคืบหน้าล่าสุด วันนี้ตำรวจจะเรียกตนเองเข้าไปไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ตนเองอยากจะถามว่าทำแบบนี้ทำไม ถ้าเหตุผลที่ได้คือเพราะตนเองไม่ชนแก้ว และอ้างว่าตนเองพูดจาไม่ดีใส่ก็อยากจะฟันศอกสักครั้ง เพราะฝ่ายคู่กรณีเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หากวันนั้นตนเองไม่เมา ชายคนนี้คงจะโดนหนักกว่านี้ ส่วนหากวันนี้คู่กรณีจะนำกระเช้าผลไม้มาขอโทษ ยืนยันจะไม่รับคำขอโทษ และไม่ลบคลิปเด็ดขาด ต้องดูอีกครั้ง ว่าจะมีการพูดคุยอย่างไรบ้าง
สำหรับที่ตนเองบอกว่าเป็นนักมวยนั้น ตนเองชกมวยมาตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้น จนถึงได้เป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จนไปแข่งขันตามที่ต่าง ๆ และเลิกต่อยมวยไปได้ 2 ปีแล้ว
สำหรับฉายาแรก เพชรพลอย ศิษย์ชาญสิงห์ ก่อนเข้ามหาลัย และได้ฉายาช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ขวาท่อนซุง เพชรพลอย ม.กรุงเทพธนบุรี สถิติชก 60 ชนะ 50 แพ้ 10
กวาดเหรียญรางวัลในระดับประเทศมานับไม่ถ้วน และยังเคยเป็นตัวแทนทีมชาติ คว้าเหรีญเงินรุ่น 63.5 กิโลกรัม ในการแข่งขันมวยไทย ชิงชนะเลิศมหาวิทยาลัยโลก เมื่อปี 2018
บรรยากาศเวลา 16.00 น. คู่กรณีที่ถูกน้องพลอยต่อย เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สน.ห้วยขวาง โดยมีการขึ้นไปพูดคุยบริเวณชั้นสอง ที่ห้องพนักงานสอบสวน ทั้งคู่มีการไหว้ขอโทษซึ่งกันและกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน และสื่อมวลชน ยืนยันจะจบเรื่องดังกล่าว ด้านแพรพลอย ผู้เสียหายถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายปรับ 500 บาท และข้อหาทะเลาะวิวาท 500 บาท รวม 1,000 บาท ส่วนชายคู่กรณีถูกแจ้งข้อหาทำสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนกับผู้อื่น 500 บาท และข้อหาทะเลาะวิวาท 500 บาท รวม 1,000 บาท
ขณะที่ข้อมูลระบุว่าคู่กรณี ยอมรับว่าวันดังกล่าวเมาและยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ยอมจบเรื่องดังกล่าว และยังออกเงินค่าปรับจำนวน 1,000 บาท ให้แพรพลอยด้วย และยอมรับผิดอยากให้แพรพลอยลบคลิป แต่อีกฝ่ายยืนยันไม่ลบ
ขณะที่นางสาวแพรพลอยได้สาธิต ท่าถีบ และต่อย ในวันที่เกิดเหตุกับครูฝึกมวยด้วย
ด้านนักมวยชื่อดัง "สุขเกษม จี จี พี เรือใบไข่มุก" เป็นผู้ฝึกสอนของผู้เสียหาย เดินทางมายัง สน.ห้วยขวาง เพื่อพูดคุยกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมร่วมกับทางผู้เสียหาย
นายสุขเกษม เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาน้องแพรพลอยเป็นนักมวยอยู่ในค่าย และฝึกซ้อมกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ยอมรับว่าเป็นนักมวยที่เข้งหนักจริง ที่ผ่านมาน้องนิสัยดี ตั้งใจซ้อมมวย ไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน วันนี้ตนเองเดินทางมาพบตำรวจเป็นเพื่อนกับน้อง ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้นแน่นอน
คู่กรณี ยอมรับว่าตนเองยอมรับผิดกับสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ขอแก้ตัว ไม่ขอโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น และขอก้มหน้ายอมรับผิด ตนเองมี ลูกสาว 2 คน และมีครอบครัวแล้ว และหากลูกสาวตนเองเจอกับตัวก็คงต้องทำเช่นเดียวกัน หลังจากนี้ คงต้องลดการดื่มเหล้าให้น้อยลง และเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของชีวิต
