สมปองอ่วมอีก! แฉคลิปช้อปแหลก เบี้ยวไลฟ์กล่องสุ่มบุญ “อุ๊บ” ลั่นสาวทำเปลี่ยน (คลิป)

กระแสดราม่าของนายสมปอง นครไธสง หรือ ทิดสมปอง ยังคงลากยาวไม่จบ หลังจาก "ติ๋ม ทีวีพูล" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวประกาศตัดขาดขอไม่ร่วมงานกันอีกต่อไป ซึ่งงานนี้ก็จบไม่สวย เพราะหมดเงินค่ารีโนเวตบ้านให้ทิดปองก็ไม่น้อย และยังจัดหาเสื้อผ้าแบรนด์ดี ๆ ให้หลังจะได้ร่วมงานกันยาว ๆ 

ล่าสุดวัน 8 ก.พ.65 ทิดปอง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นนะครับ และขอเวลาเพื่อกลับมาสร้างความสุขให้ทุกท่านอีกครั้งจากใจ...ไอ้ปอง"

ในวันเดียวกัน ทิดสมปอง ยังได้เดินทางไปร่วมรายการโหนกระแส ช่อง 3 ก่อนจะชี้แจงผ่านรายการดังกล่าวว่า ตนขอโทษที่ขนของออกมา เพราะน้อยใจที่เขาสอนและมีกฎข้อห้ามกติกาเยอะ เช่น การคบเพื่อนสีเทา แต่ตนเป็นคนรักเพื่อน ตนยอมรับว่าผิดที่ออกมาโดยไม่กราบมาลาไหว้

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีธุรกิจสีเทา 100% ตั้งแต่สึกมา 40 วันก็ไปอยู่ที่บ้านพี่ติ๋ม ยกเว้นตอนไปทำงานต่างจังหวัด ก็มีค้างแรมที่อื่นบ้าง และอีกหนึ่งประเด็นที่ “บุ๋ม ปนัดดา” ออกมาพูดในเรื่องธุรกิจสีเทา ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องธุรกิจสีเทาอย่างแน่นอน 1,000,000% หากตนทำจริง ๆ ก็ให้พูดออกมา ตนไม่รู้สึกโกรธ แต่การที่มาพูดอ้ำอึ้งแบบนี้ ทำให้ตนเจอผลกระทบในเรื่องของงาน

ส่วนเรื่องดื่มไวน์ พี่ติ๋ม มาบอกตนว่าเวลาดื่มอย่าไปดื่มข้างนอก เพราะจะทำให้เสียภาพลักษณ์ ตนก็เลยดื่มที่บ้าน เพราะพี่ติ๋ม ต้อนรับวันแรกที่เข้าบ้าน ตนก็ลองดื่ม พี่ติ๋มก็สอนด้วยความเมตตา "เอาไว้เข้าสังคม" ตนจึงพูดทีเล่นทีจริงว่า "ถ้างั้นก็ซื้อตู้ให้สิ" ส่วนไวน์ที่เหลือครึ่งขวด ตนนำเอาไปด้วยจริง ๆ ยืนยันว่าตอนเป็นพระไม่เคยดื่ม

อีกประเด็นที่สังคมสงสัย คือ เรื่องเสื้อผ้า ตนเลือกไม่เป็น อยู่ที่เขาจะเลือกให้ ใส่ตัวไหนตนก็ใส่ได้ และด้วยความที่ตนเป็นคนตัวใหญ่จึงหาเสื้อไซต์ XXL ใส่ยาก ลาคอสตนไม่รู้จัก ยังพูดล้อเล่นอยู่เลย ส่วนเรื่อง 3 เดือน 100 ล้านบาท ตนยืนยันว่าพูดจริง เพราะตนมีหนี้อยากใช้หนี้ให้หมด เนื่องจากพี่ติ๋ม พาไปดูดวงพระทักว่า 3 เดือน 100 ล้านบาท ตนก็อยากเอาเงินไปใช้หนี้เรื่องที่ดิน ดูแลทีมงาน และดูแลครอบครัวด้วย

ขณะที่ประเด็นต่อมา ทิดสมปอง กล่าวว่า ที่ดินเป็นของญาติ เพราะญาติ ๆ อยากมีที่ทำกิน จากนั้นตนจึงไปหายืมเงินมาให้ญาติ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นพระ ตนไม่รู้ว่าเป็นที่ ส.ป.ก. เพราะไม่ตรวจสอบให้ละเอียด ซึ่งเรื่องที่ตนพูดว่า 300 ไร่ เป็นเรื่องพูดเล่น จริง ๆ ตนก็ไม่รู้ว่ามีถึงหรือเปล่า มีคนรอบข้างเตือนว่าอย่าพูดเยอะ จะเป็นหอกทิ่มแทงตัวเอง ส่วนที่ดินถ้าถูกยึดคืนตนต้องยอมรับให้ได้ แต่ที่ดินแปลงนี้ไม่ได้เป็นชื่อของตน สามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมาย

เรื่องความรักตนไม่มี ส่วน “ชมพู่” แม่ค้าออนไลน์ เป็นเพื่อนที่รู้จักกัน เขามีสามี มีครอบครัวแล้ว เขาเป็นคนดีให้คำแนะนำเสมม ตนยอมรับว่าเพื่อนคนนี้ พี่ติ๋มไม่อยากให้ไปคบ จริง ๆ เขาเป็นแม่ค้าออนไลน์ ตนยืนยันว่าเป็นเพื่อนล้านเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้ก็เป็นส่วนที่ทำให้ตนเดินออกมาจากบ้านพี่ติ๋ม ส่วนเรื่องชู้สาวตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ตนไม่คิดแบบนั้นแน่นอน

"ผมรู้สึกว่าคนยังมองผมเป็นพระอยู่ ถ้างั้นจะสึกมาทำไม เวลาไปเจอสิ่งต่าง ๆ ก็ตื่นตาเป็นธรรมดา อย่างประเด็นพี่ศรีสุวรรณ ร้องเข้ามาว่าผมเบี้ยวงาน ผมขอเคลียร์ ถ้าเบี้ยวงานผมต้องได้เงิน แต่วันนั้นผมช่วยฟรี ไม่ได้เงินสักบาท ค่าตัว ค่าน้ำมันก็ไม่ได้ การพูดแบบนี้มันกระทบกับงานของผม" ทิดสมปอง กล่าวผ่านรายการโหนกระแส 

หลังจากจบรายการโหนกระแส ทีมข่าวได้เดินเข้าไปพูดคุยกับ “ทิดสมปอง” กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงผ่านรายการโหนกระแสไปหมดแล้ว หากถามก็ตอบเช่นเดิม "อันไหนผิดก็ว่ากันตามผิด หลังจากนี้คงจะใช้ชีวิตในการทำงานต่อไป ถ้าว่างก็เตะบอล ร้องเพลง ทำจิตอาสา กลับบ้านไปหาแม่บ้าง ผมอยากเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขเหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่ดินเราก็ว่ากันไปตามกฎหมายได้เลยครับ"

นอกจากนี้ แม่ค้าออนไลน์ที่ถูกโยงว่ามีความสนิทสนมกับทิดสมปอง ก็ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ตอนนี้มีสำนักข่าวบางสำนัก สื่อบางสื่อ เอารูปคู่พู่กับพี่ปองไปลง เป็นลักษณะที่สื่อไปในทางให้เข้าใจผิด ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากพู่ โดยที่เห็นหน้าตาและชื่อ facebook พู่อย่างชัดเจน ซึ่งเนื้อข่าวที่ออกมาในสภาวะข่าวตอนนี้ สื่อให้เกิดการเข้าใจผิด และเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อพู่และครอบครัวเป็นอย่างมากในวงกว้าง โดยมีการ comment ต่อข่าวในเชิงเสียหายเยอะมาก ซึ่งพู่มีครอบครัวที่ชัดเจน และคนถ่ายรูปทั้งหมดก็เป็นคนในครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างพู่กับพี่ปอง ยืนยันชัดเจนตรงนี้ว่า เพื่อน ข้อมูลทุกอย่างตอนนี้พู่กำลังรวบรวม และจะดำเนินคดีกับทุกฝ่ายให้ถึงที่สุด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง"

อย่างไรก็ตาม ยังมีดราม่าทิดสมปอง ช่วยไลฟ์สดขายกล่องสุ่มบุญ เพื่อนำเงินไปช่วยวัดแห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานี แต่หลังจากนั้นเมื่อไลฟ์สดจบ ทิดสมอปองกลับลบไลฟ์สดออกจากหน้าแฟนเพจ จนทำให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเจ๊วรรณ พีรวรรณ ภัทรศิลสุนทร และเจ๊แอมป์ บุศย์รินทร์ เฉยบรรดิษฐกุล ก็ได้ออกมาแสดงตัวว่าตนเป็นผู้เสียหาย สูญเงินร่วมล้านบาท จากการร่วมทำกล่องสุ่มบุญดังกล่าว 

เจ๊แอมป์ และเจ๊วรรณ กล่าวว่า กล่องสุ่มบุญดังกล่าว เป็นความคิดของพวกตน หลังจากพวกตนไปทำบุญที่วัดประสิทธิเวช จ.นครนายก แล้วรู้สึกว่าที่วัดมีศูนย์ผู้สูงวัย แต่ยังขายอุปกรณ์ และรถที่ไปรับผู้ใหญ่ ตนจึงได้ปรึกษาคนบันเทิง ทุกคนก็เห็นด้วย และจะร่วมนำผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาใส่ในกล่องสุ่มนี้ เป็นการช่วยทำบุญ จึงติดต่อไปหาทิดสมปอง หลังจากคุยกันตกลงว่าจะไปไลฟ์สดที่ศูนย์ผู้สูงวัย วัดประสิทธิเวช ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 65 โดยไลฟ์สดจะใช้แฟนเพจ "สมปอง นครไธสง" ทุกอย่างดีมาก หลังจากนั้นภายใน 48 ชั่วโมง จู่ ๆ ไลฟ์สดก็ถูกลบทิ้ง

ในวันที่ไลฟ์สด ทีมงานบอกตนว่าลูกค้าจะเข้าไปสั่งกล่องสุ่มบุญในไลฟ์สด แต่ก็เข้าไม่ได้ เหมือนแอดมินเพจสมปองไม่อนุญาต ตนก็คุยกับทิดสมปอง เขาก็บอกไม่มีปัญหา ถ้าเป็นการกุศลเต็มที่ ยินดีกลับมาไลฟ์สดให้ใหม่ ซึ่งวันนั้นมีดาราหลายท่านวางแผนว่าจะกลับมาไลฟ์ใหม่ในโอกาสต่อไป กระทั่งเมื่อวานนี้ (7 กุมภาพันธ์ 65) ตนไลน์ถามทิดสมอปองว่า "กล่องสุ่มบุญจะเอายังไง" ทิดสมปองก็ไม่อ่านจนกลายเป็นข่าว ทิดสมปองถึงไลน์กลับมาว่า "พี่ผมขอเคลียร์เรื่องข่าว ทำไมข่าวออกไปแบบนั้น" ตนก็บอกว่าไม่เคยใช้คำว่าเบี้ยว ติดต่อแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ ทิดสมปองก็บอกว่า "งานยุ่ง ข่าวเยอะ ผมเครียด"

"หน้างานเจตนาดูดีมาก ที่จะมาช่วย ถ้าไม่ช่วยแล้วจะลบคลิปทำไม ทางทิดสมปองก็ไม่ยอมตอบ เราก็เสียความรู้สึก เพราะวันนี้เราก็ไม่ได้อยากให้ทิดสมปอง กลับมาไลฟ์สดแล้ว ถามว่าจะร่วมงานกันได้ไหม คงไปไม่ได้ เข็ดแล้ว อนาคตกลัวว่าอาจจะสื่อสารไม่ตรงกันอีก" คณะกล่องสุ่มบุญ กล่าวให้ฟัง 

สำหรับกล่องสุ่มบุญนั้น จะจำหน่ายในราคา 499 บาท แต่ของในกล่องมีมูลค่าของมากกว่า 1,000 บาท พวกตนตั้งใจจำหน่ายให้ได้ขั้นต่ำ 1,000 กล่อง โดยวันนั้นเตรียมจำหน่ายให้ได้ 10,000 กล่อง คาดว่าสูงสุดจะได้ 50,000 กล่อง แต่ขายได้ 28 กล่อง ซึ่งตนและเพื่อน ๆ ดาราตั้งใจจะไลฟ์เรื่อย ๆ ให้ครบ 100,000 กล่อง เพื่อซื้อรถพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ที่ขาดเหลือ ซึ่งวันนั้นลูกค้าสั่งไม่ได้ ลักษณะเหมือนเพจของทิดสมปอง ถูกห้ามสั่งของ ทำให้ตนต้องรับผิดชอบ แต่ทุกคนก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่มีทิดสมปอง ก็ไลฟ์กันได้

ด้าน "อุ๊บ - วิริยะ พงษ์อาจหาญ" ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ฝากบรรดาทิด ๆ กันด้วย...นะจ๊ะ #คนเรามีขึ้นมีลง #เวลาขึ้นแล้วอย่าหลง #เวลาลงจะได้ไม่เจ็บตัว #และเมื่อถึงตอนนั้นเราก็คือหมาหัวเน่าตัวหนึ่ง...พี่อุ๊บเจอมาเยอะแล้วคนแบบนี้...ปล.ด้วยความเป็นห่วง"

ทีมข่าวได้ติดต่อสัมภาษณ์ "อุ๊บ วิริยะ" กล่าวว่า ก่อนทิดสมปองจะสึก ตนมีโอกาสเข้าไปกราบไหว้เสมอ ๆ เพราะสอนธรรมมะแฝงความสนุก ตนก็รู้สึกอยากให้มีพระแบบนี้เยอะ ๆ ก่อนหน้าที่จะสึก เขามักจะพูดกับตนว่าหากมีหนัง หรืออะไรที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงสามารถบอกได้ ตนก็รับปากว่าจะช่วยดูแนวทางให้ ถามเรื่องค่าตัวเขาก็บอกว่าไม่รับ ไปด้วยใจ ซึ่งตนก็เปิดใจให้เต็ม 100% กระทั่งทิดสมปองสึกจริง ๆ ตนก็ใจหาย และยังรู้สึกงง ๆ ว่าทำไมคนต้องต่อต้าน ก่อนจะส่งไลน์ไปให้กำลังใจ 

"หลังจากสึก พี่อุ๊บก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับทิดสมปอง พี่เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ในฐานะผู้ใหญ่ที่เป็นนักปั้น ก็เลยอยากเตือน คนไหนทำดีก็อวย คนไหนทำไม่ดีก็ตักเตือนให้เป็นอุทาหรณ์ ทิดสมปองในเวลาทำงานก็ติดขี้เล่น เวลาเจอผู้หญิงก็จะไปกระแซะนางเอกเกินไป ที่พี่เตือนเพราะรู้สึกว่าพฤติกรรมที่ทิดปฏิบัติไม่ใช่แล้ว เลยอยากเตือนให้ออกมาจากตรงนั้น พี่เลยมองว่าบวชมา 30 ปี พอออกมาแล้วเป็นแบบนี้ หลายคนก็รู้สึกหมดศรัทธา ในวันที่มีเรื่องกับพี่ติ๋ม ก็พยายามเคลียร์ งานที่ค้างคาพี่ก็เดินหน้าทำต่อ แม้จะไม่มีทิดสมปอง" อุ๊บ วิริยะ กล่าว 

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางลงพื้นที่ไปบ้านทิดสมปอง ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ โดยบ้านของนายสมปอง ยังคงปิดเงียบเช่นเดิม เเละในวันนี้ประตูหน้าบ้านถูกล็อกกุญเเจจากด้านใน นอกจากนี้ ช่างที่มาก่อสร้างร้านค้าหน้าบ้าน ก็ไม่ได้มาทำงาน 2 วันเเล้ว และในวันนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินของทิดสมปอง จำนวน 7 แปลง ตั้งแต่เวลา 09.30 -14.00 น. พบว่ามีการบุกรุกแผ้วถางปลูกพืช ยางพารา 6 แปลง และปลุกทุเรียน 1 แปลง