กรณีทนายรัชพล ศิริสาคร ออกมาโพสต์คลิปขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปิดล้อมช่วยเหลือสาววัย 25 ที่ถูกแก๊งเงินกู้อุ้มรีดทรัพย์ โดยระบุข้อความว่า “นาทีชีวิต! สาววัย 25 ถูกแก๊งเงินกู้อุ้มรีดทรัพย์ ตำรวจขอนแก่น พร้อมอาวุธ ล้อมปิดบ้าน ช่วยทัน
ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้รับเรื่องที่ สาววัย 25 เล่านาทีชีวิตให้ฟังว่า ตนไปกู้เงินกับแก๊งเงินกู้นอกระบบ เพื่อไปปล่อยต่อ วงเงินหลายสิบล้าน ทำอยู่ 2 ปี ช่วงหลังถูกเบี้ยวเลยไม่มีเงินจ่ายคืนแก๊งเงินกู้ดังกล่าว (แต่ได้โอนเงินต้นและดอกเบี้ยเกินไปหลายล้านพร้อมที่ดินคืนแล้ว) วันเกิดเหตุถูกหญิง 6 คน ชาย 2 คน เข้ามาทำร้ายถึงในบ้านและลากขึ้นรถ อุ้มมาขัง ถูกขู่ฆ่าทำร้าย และช่วงที่ถูกบังคับโอนเงิน ได้แอบส่งพิกัด ซึ่งคุณแม่ได้ไปแจ้งความ ตำรวจเลยตามมาช่วยทัน ตอนนี้กลัวไม่ปลอดภัย ขอต่อสู้ดีกว่าตายไปเฉย ๆ
แก๊งเงินกู้นี้ น่าจะปล่อยกู้จำนวนมาก ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยล่าสุดได้รับแจ้งว่าคลิปวิดีโอที่ใช้เป็นหลักฐานโดนไวรัสลงตรงที่จับภาพคนร้ายได้พอดีเลย”
ล่าสุดวันที่ 6 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่สำนักงานทนายรัชพล อ.เมือง จ.นนทบุรี ทีมข่าวได้พบกับนางสาวอรยา หรือ นก อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบอุ้มตัวไปรีดทรัพย์ ซึ่งช่วงแรกตนได้กู้เงินนอกระบบมาใช่จ่ายส่วนตัว จากนั้นถูกชวนจากแก๊งปล่อยเงินกู้ให้ไปหาลูกค้า เมื่อหามาได้ก็นำเงินไปปล่อยกู้ต่อ เริ่มต้นเป็นรายวัน ทำกันมาประมาณ 2 ปี มีเงินหมุนเวียนช่วงแรกวันละ 20,000-30,000 บาท พักหลัง ๆ เริ่มเพิ่มวงเงินเป็นวันละ 200,000-300,000 บาท
ทั้งนี้ ตนได้กู้เงินจากแก๊งปล่อยเงินกู้ 4 ราย เจ้าแรก ชื่อน.ส.เหมย และนายแซม คู่สามีภรรยา ปล่อยเงินกู้รายใหญ่ของขอนแก่น กู้มา 15 ล้านบาท โอนกลับ 23 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก และที่ดิน 4 ไร่ โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2.5% ต่อวัน 10% ต่อ 7 วัน 20% ต่อ 24 วัน
เจ้าที่ 2 น.ส.แพรว กู้มา 3 ล้านบาท โอนกลับ 5 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อวัน 20% ต่อเดือน
เจ้าที่ 3 น.ส.เหมย และ น.ส.ใหม่ คู่พี่น้อง ตนกู้มาแล้ว 3 ล้านบาท โอนกลับ 5 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อวัน 20% ต่อเดือน
เจ้าที่ 4 แหว๋ว ปล่อยทอง ตนได้เงิน 15 ล้านบาท โอนกลับไป 18 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อเดือน ดอกลอยร้อยละ 2.5% ต่อวัน 4% ต่อ 5 วัน 10% ต่อ 7 วัน รวมยอดเจ้าหนี้ทั้ง 4 ราย ประมาณ 51 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตนก็ได้เพิ่มวงเงินเป็นหลายสิบล้าน เพื่อนำไปปล่อยกู้ต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นเงินหมุนเวียน แต่ช่วงหลังตนถูกลูกหนี้เบี้ยว เลยไม่มีเงินจ่ายคืนแก๊งเงินกู้ของน.สเหมย กับนายแซม ทำให้มีปัญหากัน ที่ผ่านมาตนได้ไกล่เกลี่ยผ่อนส่งทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โอนที่ดินให้ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และยังกำหนดว่าตนต้องคืนเงินจำนวนเท่าไรต่อวัน ถ้าทำไม่ได้จะโพสต์เฟซบุ๊กประจาน
กระทั่งวันที่ 5 ม.ค.65 ตนถูกผู้หญิง 6 คน กับผู้ชายอีก 2 คน บุกเข้ามาทำร้ายถึงในบ้านที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นเจ้าหนี้แก๊งปล่อยเงินกู้รวมตัวกันมา แล้วลากตนขึ้นรถเวลาประมาณ 19.00 น.ไปขังที่โรงแรม บังคับตนเซ็นเอกสารเงินกู้ และเอกสารฝากรถเพื่อที่จะยึดรถของตน นอกจากนั้น ตนยังถูกขู่ฆ่า ทำร้ายร่างกายจนจมูกหัก และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย จนออกจากโรงแรมในเวลาประมาณ 23.00 น.
จากนั้นแก๊งเงินกู้พาตนไปบ้านที่บ้านของ น.ส.เหมย กับนายแซมที่จ.ขอนแก่น และถูกบังคับโอนเงินคืนเพื่อเป็นการตัดส่งดอก แต่ตนมีเงินเหลือติดบัญชีเพียง 3,000 บาท จึงโอนให้ไปเท่านั้น ซึ่งในระหว่างการโอนเงิน ตนได้แอบส่งพิกัดให้แม่ของตน เพื่อไปแจ้งความ ก่อนนำกำลังตำรวจตามมาช่วยตนออกมาได้ในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 6 ม.ค.65 และตำรวจอีกส่วนพาตัวตนไปที่สภ.เมืองขอนแก่น
ต่อมาวันที่ 7 มกราคม 65 ตนไปร้องทุกข์ที่กองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และดีเอสไอ ทั้งนี้ ตนมีหลักฐานสลิปการโอน เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยเรียกตนให้ไปชี้ตัวจากคลิปวงจรปิดของโรงแรมในวันที่ตนถูกลักพาตัวไป เมื่อตนจะขอคลิปวงจรปิดมาเก็บไว้ประกอบหลักฐาน ตำรวจแจ้งว่าคลิปตัวดังกล่าวถูกไวรัส ไม่สามารถเปิดและให้ตนได้แล้ว ตนก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร จึงมาร้องทุกข์ทนายรัชพล เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองและคนในครอบครัว
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด เวลา 19.43 น. แก๊งเงินกู้พาตัวของนางสาวอรยา มาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งระหว่างที่พักในโรงแรม นางสาวอรยาได้โทรขอความช่วยเหลือจากพนักงานโรงแรม แต่ไม่สำเร็จ แก๊งเงินกู้จับได้ก่อน จึงพานางสาวอรยา ออกจากโรงแรมเวลา 23.00 น. ไปอยู่ที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บานเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น
โดย นางสาวอรยา ส่งคลิปวงจรปิดที่โรงแรมดังกล่าว ตอนที่เห็นกลุ่มผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ 3 คน เดินเข้าไปในโรงแรมไปให้ทีมข่าวดู และบอกว่า "นี่เป็นภาพตัวเดียวที่มี" เพราะช่วงที่ผู้ก่อเหตุรวม 8 คนอุ้มตนออกจากโรงแรมไปบ้านพักนั้น ตำรวจบอกว่าโดนไวรัส
ทนายรัชพล ศิริสาคร เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนรับว่าความนั้น ประเด็นแรกตนมองว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย ก็สมควรที่จะได้รับโทษ แต่ไม่ควรมาลงโทษกันเอง ไม่ว่าจะเป็นการจับขังเพื่อทำร้ายหรือขู่ฆ่า ประเด็นที่สอง ตนมองว่าผู้เสียหายอายุยังน้อย หากสำนึกผิดยังมีโอกาสในการประกอบอาชีพสุจริต แต่หากยังกลับไปทำอาชีพที่ผิดกฎหมายซ้ำอีก ตนคงช่วยอะไรไม่ได้ ประเด็นสุดท้าย ผู้เสียหายมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบได้ และถือเป็นพยานคนสำคัญต่อคดีนี้ และได้แจ้งความไว้กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจแล้ว ซึ่งจะมีการส่งมอบพยานหลักฐานต่อไป
สำหรับการชดใช้เงินที่กู้มา ผู้เสียหาย อ้างว่าปัจจุบันได้โอนเงินต้นและดอกเบี้ยเกินไปหลายล้านบาท พร้อมที่ดินคืนให้กับแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบไปแล้ว แต่ขณะนี้กลัวมากว่าจะไม่ปลอดภัย จึงมาหารือกับตน เพื่อจะหาแนวทางต่อสู้ ดีกว่าตายไปเฉย ๆ
โดยในเบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยทำให้กลัวต่อสิทธิเสรีภาพหรือร่างกาย และข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนตัวตนมองว่าการตั้งข้อกล่าวหายังไม่ครบ ควรมีข้อหาเพิ่มกรรโชกทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ปล้นทรัพย์ ทำร้ายร่างกายอันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อกาย เพราะว่าผู้เสียหายจมูกหัก ซึ่งอาจจะต้องมีการพิจารณ์การตั้งข้อหาอีกครั้ง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่หมู่บ้านดังกล่าว โดยนางสาวแยม (นามสมมติ) เพื่อนของนางสาวอรยา ให้ข้อมูลว่า จริง ๆ แล้วไม่มีใครอุ้มตัวนางสาวอรยา โดยแรกเริ่มเดิมทีนางสาวอรยา ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นหนี้อยู่กับเจ้าหนี้หลายราย ทำให้เจ้าหนี้พยายามตามตัวเพื่อจะเคลียร์เรื่องกำหนดวันคืนเงิน เนื่องจากไปตามที่บ้านใน จ.ชัยภูมิ แล้วไม่เจอ จนสุดท้ายก็มาเจออยู่ที่บ้านพักใน จ.อุดรธานี ด้านของนางสาวเหมย, นางสาวแพรว และ นางสาวเหมยเล็ก รวม 3 คนก็เข้าไปหาที่บ้านพักใน จ.อุดรธานี
จากนั้นก็ขับรถยนต์ส่วนตัวของนางสาวแพรว พากันมาที่โรงแรมใน จ.ขอนแก่น เพราะตอนแรกตั้งใจจะพากลับบ้านที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อไปคุยกับครอบครัว แต่เห็นว่าดึกมากแล้วจึงแวะพักกันที่นั้นก่อน กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ก็มีเพื่อนอีก 3 คน คือ นางสาวปาล์ม , นางสาวแคท เพื่อนของนางสาวเหมยเล็ก และนายแซม แฟนหนุ่มของนางสาวเหมย เดินถือของกินเข้ามา เพราะนางสาวอรยา บ่นว่าหิว ก็เลยให้ซื้อมาให้ ประกอบกับนายแซม ต้องมารับนางสาวเหมยด้วย ตามที่ปรากฏในคลิปวงจรปิดตัวที่นางสาวอรยา ส่งให้ทีมข่าว
หลังจากนั้นพอกินข้าวเสร็จทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่นางสาวอรยา บอกว่าอยากออกไปด้วย จะได้ไปคุยเรื่องกำหนดชำระหนี้ ทั้งหมดก็เลยตกลงว่าจะไปที่บ้านส่วนตัวนางสาวเหมย ซึ่งเป็นหลังที่ตำรวจเข้าไปปิดล้อม แล้วนางสาวอรยา ก็เลยซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปกับนางสาวแคท และนางสาวปาล์ม
"พอไปถึงบ้านหลังนั้น ทั้งหมดก็นั่งคุยกันที่โซฟากลางบ้าน มีการสั่งกับข้าว ลูกชิ้นมากินที่อยู่บ้านด้วยซ้ำ ไม่ได้มีการทำร้ายหรือเก็บโทรศัพท์ใด ๆ ด้วย ส่วนรอยบาดแผลที่เขาเอามาเปิดให้สื่อดูนั้น ยืนยันว่าไม่ได้ทำร้าย เพราะถ้ามีการกักขังหรืออุ้มลักพาตัวจริง คงไม่ทำแค่นั้น จนเวลาตี 2 ของวันที่ 6 มกราคม 65 ก็แยกย้ายกันไปนอน โดยนางสาวอรยา นอนอยู่ข้าง ๆ ระหว่างนั้นก็นอนอ่านนิยายในโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ แล้วนางสาวอรยา ก็ลุกขึ้นแล้วลั่งไปที่ชั้นล่าง ก็คิดว่าไปเข้าห้องน้ำ" นางสาวแยม กล่าวให้ฟัง
กระทั่งช่วงเวลา 04.00 น. ตนเห็นว่านางสาวอรยา หายไปนานมาก ๆ จึงเดินลงมาตามห้องน้ำ แต่ไม่เจอ ไฟในบ้านก็ปิดมืดสนิท แต่ตนเหลือบไปเห็นไฟส่องออกมาจากนอกบ้าน ก็เลยลองเปิดประตูบ้าน ก็ถึงกับตกใจเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3 คันรถ มาล้อมที่บ้าน แล้วบอกว่าพวกตนได้กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวนางสาวอรยา ในขณะเดียวกันสิ่งที่เห็นคือนางสาวอรยา ยืนร้องไห้พลางพูดว่า “กลัว ๆ มากเลย” อยู่ที่หน้าบ้าน
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเขากำลังวางแผนจัดฉากแจ้งตำรวจให้ดูเหมือนนำตัวเขามากักขังไว้ที่บ้าน และที่ช็อกไปมากกว่านั้น คือ ทุกคนรู้จักกับนางสาวอรยา มาตั้งแต่เด็ก และรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ตระเวนกู้เงินจากคนใกล้ชิด เช่น เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนสมัยเรียน เป็นจำนวนหลายล้านบาท เพื่อเอาไปปล่อยกู้ต่อในเฟซบุ๊ก และเอาเงินไปซื้อทอง ซื้อของแบรนด์เนม ซื้อรถหรู ซื้อโทรศัพท์ราคาแพง ๆ มาอวด สร้างเครดิตบนเฟซบุ๊กให้มีคนเข้ามาเห็นแล้วใช้บริการเงินด่วนตามที่เขาโฆษณาเอาไว้ ตนก็อยากจะถามกับนางสาวอรยา ผ่านสื่อว่า “ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้?”