ส่อพลิกสาวโวยแก๊งเงินกู้อุ้มซ้อม โดนแฉสุดแสบที่แท้นอนชิลเรียกตร.อ้างเป็นเหยื่อ (คลิป)

6 ก.พ. 65

กรณีทนายรัชพล ศิริสาคร ออกมาโพสต์คลิปขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปิดล้อมช่วยเหลือสาววัย 25 ที่ถูกแก๊งเงินกู้อุ้มรีดทรัพย์ โดยระบุข้อความว่า “นาทีชีวิต! สาววัย 25 ถูกแก๊งเงินกู้อุ้มรีดทรัพย์ ตำรวจขอนแก่น พร้อมอาวุธ ล้อมปิดบ้าน ช่วยทัน

994367

ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้รับเรื่องที่ สาววัย 25 เล่านาทีชีวิตให้ฟังว่า ตนไปกู้เงินกับแก๊งเงินกู้นอกระบบ เพื่อไปปล่อยต่อ วงเงินหลายสิบล้าน ทำอยู่ 2 ปี ช่วงหลังถูกเบี้ยวเลยไม่มีเงินจ่ายคืนแก๊งเงินกู้ดังกล่าว (แต่ได้โอนเงินต้นและดอกเบี้ยเกินไปหลายล้านพร้อมที่ดินคืนแล้ว) วันเกิดเหตุถูกหญิง 6 คน ชาย 2 คน เข้ามาทำร้ายถึงในบ้านและลากขึ้นรถ อุ้มมาขัง ถูกขู่ฆ่าทำร้าย และช่วงที่ถูกบังคับโอนเงิน ได้แอบส่งพิกัด ซึ่งคุณแม่ได้ไปแจ้งความ ตำรวจเลยตามมาช่วยทัน ตอนนี้กลัวไม่ปลอดภัย ขอต่อสู้ดีกว่าตายไปเฉย ๆ

แก๊งเงินกู้นี้ น่าจะปล่อยกู้จำนวนมาก ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยล่าสุดได้รับแจ้งว่าคลิปวิดีโอที่ใช้เป็นหลักฐานโดนไวรัสลงตรงที่จับภาพคนร้ายได้พอดีเลย”

353981

ล่าสุดวันที่ 6 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่สำนักงานทนายรัชพล อ.เมือง จ.นนทบุรี ทีมข่าวได้พบกับนางสาวอรยา หรือ นก อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบอุ้มตัวไปรีดทรัพย์ ซึ่งช่วงแรกตนได้กู้เงินนอกระบบมาใช่จ่ายส่วนตัว จากนั้นถูกชวนจากแก๊งปล่อยเงินกู้ให้ไปหาลูกค้า เมื่อหามาได้ก็นำเงินไปปล่อยกู้ต่อ เริ่มต้นเป็นรายวัน ทำกันมาประมาณ 2 ปี มีเงินหมุนเวียนช่วงแรกวันละ 20,000-30,000 บาท พักหลัง ๆ เริ่มเพิ่มวงเงินเป็นวันละ 200,000-300,000 บาท

726364

ทั้งนี้ ตนได้กู้เงินจากแก๊งปล่อยเงินกู้ 4 ราย เจ้าแรก ชื่อน.ส.เหมย และนายแซม คู่สามีภรรยา ปล่อยเงินกู้รายใหญ่ของขอนแก่น กู้มา 15 ล้านบาท โอนกลับ 23 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก และที่ดิน 4 ไร่ โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2.5% ต่อวัน 10% ต่อ 7 วัน 20% ต่อ 24 วัน

เจ้าที่ 2 น.ส.แพรว กู้มา 3 ล้านบาท โอนกลับ 5 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อวัน 20% ต่อเดือน

เจ้าที่ 3 น.ส.เหมย และ น.ส.ใหม่ คู่พี่น้อง ตนกู้มาแล้ว 3 ล้านบาท โอนกลับ 5 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อวัน 20% ต่อเดือน

เจ้าที่ 4 แหว๋ว ปล่อยทอง ตนได้เงิน 15 ล้านบาท โอนกลับไป 18 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อเดือน ดอกลอยร้อยละ 2.5% ต่อวัน 4% ต่อ 5 วัน 10% ต่อ 7 วัน รวมยอดเจ้าหนี้ทั้ง 4 ราย ประมาณ 51 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ตนก็ได้เพิ่มวงเงินเป็นหลายสิบล้าน เพื่อนำไปปล่อยกู้ต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นเงินหมุนเวียน แต่ช่วงหลังตนถูกลูกหนี้เบี้ยว เลยไม่มีเงินจ่ายคืนแก๊งเงินกู้ของน.สเหมย กับนายแซม ทำให้มีปัญหากัน ที่ผ่านมาตนได้ไกล่เกลี่ยผ่อนส่งทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โอนที่ดินให้ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และยังกำหนดว่าตนต้องคืนเงินจำนวนเท่าไรต่อวัน ถ้าทำไม่ได้จะโพสต์เฟซบุ๊กประจาน

cg2_1

กระทั่งวันที่ 5 ม.ค.65 ตนถูกผู้หญิง 6 คน กับผู้ชายอีก 2 คน บุกเข้ามาทำร้ายถึงในบ้านที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นเจ้าหนี้แก๊งปล่อยเงินกู้รวมตัวกันมา แล้วลากตนขึ้นรถเวลาประมาณ 19.00 น.ไปขังที่โรงแรม บังคับตนเซ็นเอกสารเงินกู้ และเอกสารฝากรถเพื่อที่จะยึดรถของตน นอกจากนั้น ตนยังถูกขู่ฆ่า ทำร้ายร่างกายจนจมูกหัก และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย จนออกจากโรงแรมในเวลาประมาณ 23.00 น.

จากนั้นแก๊งเงินกู้พาตนไปบ้านที่บ้านของ น.ส.เหมย กับนายแซมที่จ.ขอนแก่น และถูกบังคับโอนเงินคืนเพื่อเป็นการตัดส่งดอก แต่ตนมีเงินเหลือติดบัญชีเพียง 3,000 บาท จึงโอนให้ไปเท่านั้น ซึ่งในระหว่างการโอนเงิน ตนได้แอบส่งพิกัดให้แม่ของตน เพื่อไปแจ้งความ ก่อนนำกำลังตำรวจตามมาช่วยตนออกมาได้ในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 6 ม.ค.65 และตำรวจอีกส่วนพาตัวตนไปที่สภ.เมืองขอนแก่น

390742

ต่อมาวันที่ 7 มกราคม 65 ตนไปร้องทุกข์ที่กองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และดีเอสไอ ทั้งนี้ ตนมีหลักฐานสลิปการโอน เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยเรียกตนให้ไปชี้ตัวจากคลิปวงจรปิดของโรงแรมในวันที่ตนถูกลักพาตัวไป เมื่อตนจะขอคลิปวงจรปิดมาเก็บไว้ประกอบหลักฐาน ตำรวจแจ้งว่าคลิปตัวดังกล่าวถูกไวรัส ไม่สามารถเปิดและให้ตนได้แล้ว ตนก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร จึงมาร้องทุกข์ทนายรัชพล เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองและคนในครอบครัว 

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด เวลา 19.43 น. แก๊งเงินกู้พาตัวของนางสาวอรยา มาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งระหว่างที่พักในโรงแรม นางสาวอรยาได้โทรขอความช่วยเหลือจากพนักงานโรงแรม แต่ไม่สำเร็จ แก๊งเงินกู้จับได้ก่อน จึงพานางสาวอรยา ออกจากโรงแรมเวลา 23.00 น. ไปอยู่ที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บานเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น

516420

โดย นางสาวอรยา ส่งคลิปวงจรปิดที่โรงแรมดังกล่าว ตอนที่เห็นกลุ่มผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ 3 คน เดินเข้าไปในโรงแรมไปให้ทีมข่าวดู และบอกว่า "นี่เป็นภาพตัวเดียวที่มี" เพราะช่วงที่ผู้ก่อเหตุรวม 8 คนอุ้มตนออกจากโรงแรมไปบ้านพักนั้น ตำรวจบอกว่าโดนไวรัส

256768

ทนายรัชพล ศิริสาคร เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนรับว่าความนั้น ประเด็นแรกตนมองว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย ก็สมควรที่จะได้รับโทษ แต่ไม่ควรมาลงโทษกันเอง ไม่ว่าจะเป็นการจับขังเพื่อทำร้ายหรือขู่ฆ่า ประเด็นที่สอง ตนมองว่าผู้เสียหายอายุยังน้อย หากสำนึกผิดยังมีโอกาสในการประกอบอาชีพสุจริต แต่หากยังกลับไปทำอาชีพที่ผิดกฎหมายซ้ำอีก ตนคงช่วยอะไรไม่ได้ ประเด็นสุดท้าย ผู้เสียหายมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบได้ และถือเป็นพยานคนสำคัญต่อคดีนี้ และได้แจ้งความไว้กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจแล้ว ซึ่งจะมีการส่งมอบพยานหลักฐานต่อไป

930115

สำหรับการชดใช้เงินที่กู้มา ผู้เสียหาย อ้างว่าปัจจุบันได้โอนเงินต้นและดอกเบี้ยเกินไปหลายล้านบาท พร้อมที่ดินคืนให้กับแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบไปแล้ว แต่ขณะนี้กลัวมากว่าจะไม่ปลอดภัย จึงมาหารือกับตน เพื่อจะหาแนวทางต่อสู้ ดีกว่าตายไปเฉย ๆ

โดยในเบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยทำให้กลัวต่อสิทธิเสรีภาพหรือร่างกาย และข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนตัวตนมองว่าการตั้งข้อกล่าวหายังไม่ครบ ควรมีข้อหาเพิ่มกรรโชกทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ปล้นทรัพย์ ทำร้ายร่างกายอันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อกาย เพราะว่าผู้เสียหายจมูกหัก ซึ่งอาจจะต้องมีการพิจารณ์การตั้งข้อหาอีกครั้ง

108317

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่หมู่บ้านดังกล่าว โดยนางสาวแยม (นามสมมติ) เพื่อนของนางสาวอรยา ให้ข้อมูลว่า จริง ๆ แล้วไม่มีใครอุ้มตัวนางสาวอรยา โดยแรกเริ่มเดิมทีนางสาวอรยา ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นหนี้อยู่กับเจ้าหนี้หลายราย ทำให้เจ้าหนี้พยายามตามตัวเพื่อจะเคลียร์เรื่องกำหนดวันคืนเงิน เนื่องจากไปตามที่บ้านใน จ.ชัยภูมิ แล้วไม่เจอ จนสุดท้ายก็มาเจออยู่ที่บ้านพักใน จ.อุดรธานี ด้านของนางสาวเหมย, นางสาวแพรว และ นางสาวเหมยเล็ก รวม 3 คนก็เข้าไปหาที่บ้านพักใน จ.อุดรธานี

377002

จากนั้นก็ขับรถยนต์ส่วนตัวของนางสาวแพรว พากันมาที่โรงแรมใน จ.ขอนแก่น เพราะตอนแรกตั้งใจจะพากลับบ้านที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อไปคุยกับครอบครัว แต่เห็นว่าดึกมากแล้วจึงแวะพักกันที่นั้นก่อน กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ก็มีเพื่อนอีก 3 คน คือ นางสาวปาล์ม , นางสาวแคท เพื่อนของนางสาวเหมยเล็ก และนายแซม แฟนหนุ่มของนางสาวเหมย เดินถือของกินเข้ามา เพราะนางสาวอรยา บ่นว่าหิว ก็เลยให้ซื้อมาให้ ประกอบกับนายแซม ต้องมารับนางสาวเหมยด้วย ตามที่ปรากฏในคลิปวงจรปิดตัวที่นางสาวอรยา ส่งให้ทีมข่าว

846465

หลังจากนั้นพอกินข้าวเสร็จทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่นางสาวอรยา บอกว่าอยากออกไปด้วย จะได้ไปคุยเรื่องกำหนดชำระหนี้ ทั้งหมดก็เลยตกลงว่าจะไปที่บ้านส่วนตัวนางสาวเหมย ซึ่งเป็นหลังที่ตำรวจเข้าไปปิดล้อม แล้วนางสาวอรยา ก็เลยซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปกับนางสาวแคท และนางสาวปาล์ม

469139

"พอไปถึงบ้านหลังนั้น ทั้งหมดก็นั่งคุยกันที่โซฟากลางบ้าน มีการสั่งกับข้าว ลูกชิ้นมากินที่อยู่บ้านด้วยซ้ำ ไม่ได้มีการทำร้ายหรือเก็บโทรศัพท์ใด ๆ ด้วย ส่วนรอยบาดแผลที่เขาเอามาเปิดให้สื่อดูนั้น ยืนยันว่าไม่ได้ทำร้าย เพราะถ้ามีการกักขังหรืออุ้มลักพาตัวจริง คงไม่ทำแค่นั้น จนเวลาตี 2 ของวันที่ 6 มกราคม 65 ก็แยกย้ายกันไปนอน โดยนางสาวอรยา นอนอยู่ข้าง ๆ ระหว่างนั้นก็นอนอ่านนิยายในโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ แล้วนางสาวอรยา ก็ลุกขึ้นแล้วลั่งไปที่ชั้นล่าง ก็คิดว่าไปเข้าห้องน้ำ" นางสาวแยม กล่าวให้ฟัง

กระทั่งช่วงเวลา 04.00 น. ตนเห็นว่านางสาวอรยา หายไปนานมาก ๆ จึงเดินลงมาตามห้องน้ำ แต่ไม่เจอ ไฟในบ้านก็ปิดมืดสนิท แต่ตนเหลือบไปเห็นไฟส่องออกมาจากนอกบ้าน ก็เลยลองเปิดประตูบ้าน ก็ถึงกับตกใจเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3 คันรถ มาล้อมที่บ้าน แล้วบอกว่าพวกตนได้กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวนางสาวอรยา ในขณะเดียวกันสิ่งที่เห็นคือนางสาวอรยา ยืนร้องไห้พลางพูดว่า “กลัว ๆ มากเลย” อยู่ที่หน้าบ้าน

203931

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเขากำลังวางแผนจัดฉากแจ้งตำรวจให้ดูเหมือนนำตัวเขามากักขังไว้ที่บ้าน และที่ช็อกไปมากกว่านั้น คือ ทุกคนรู้จักกับนางสาวอรยา มาตั้งแต่เด็ก และรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ตระเวนกู้เงินจากคนใกล้ชิด เช่น เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนสมัยเรียน เป็นจำนวนหลายล้านบาท เพื่อเอาไปปล่อยกู้ต่อในเฟซบุ๊ก และเอาเงินไปซื้อทอง ซื้อของแบรนด์เนม ซื้อรถหรู ซื้อโทรศัพท์ราคาแพง ๆ มาอวด สร้างเครดิตบนเฟซบุ๊กให้มีคนเข้ามาเห็นแล้วใช้บริการเงินด่วนตามที่เขาโฆษณาเอาไว้ ตนก็อยากจะถามกับนางสาวอรยา ผ่านสื่อว่า “ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้?”

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส