จากกรณี เมื่อเวลา 15.00 น. วัน 30 ม.ค.65 เกิดหตุน่าสลดใจ นางวันเพ็ญ ประสานวงษ์ อายุ 48 ปี ภรรยาเก่า ขับรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว มากับลูกสาว พบกับนายประสิทธิ์ ภูทองสุข ผู้ก่อเหตุ บริเวณหน้าตลาดนัดตามูล รอยต่อโป่งน้ำร้อน ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ก่อนที่นางวันเพ็ญเปิดกระจกคุยแล้วมีปากเสียง จนทำให้นายประสิทธิ์ยิงนางวันเพ็ญเสียชีวิต แล้วขับรถออกไป
จนกระทั่งเวลา 15.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุนายประสิทธิ์ ผู้ก่อเหตุไปยิงนายธีรชาติ เต่าทอง อายุ 44 ปี จนเสียชีวิตเป็นศพที่ 2 บริเวณวัดถ้ำสาริกา บ้านทุ่งกร่าง ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า นายประสิทธิ์ คนก่อเหตุเข้ามายิงนายบุญร่วม แสงมา อายุ 47 ปี ที่บ้านพูนทองสามัคคี ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี เสียชีวิตเป็นรายที่ 3 เสียชีวิตในสวนผลไว้ เป็นญาติของนายประสิทธิ์ คนก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่มายิงยังไม่ทราบ
ต่อมาเวลา 17.30 น. นายประสิทธิ์ ผู้ก่อเหตุ ขับรถฟอร์จูนเนอร์มาจอดหน้าร้านชำ ม.4 บ้านหนองมะค่า ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี แล้วตำรวจตามมาจับตัวได้ ขณะที่นายประสิทธิ์กินเหล้าอยู่ ตำรวจค้นรถก่อนพบศพ น.ส.อรญา เชื้อเจริญ ผู้เสียชีวิตอยู่ในรถ เป็นรายที่ 4 ซึ่งเป็น เป็นลูกสาวของนางวันเพ็ญ ผู้เสียชีวิตรายแรก ตำรวจยังไม่มีข้อมูลว่าถูกยิงจากที่ไหน จึงคุมตัวนายประสิทธิ์ มาสอบปากคำที่ สภ.สอยดาว จ.จันทบุรี
โดย พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ออกมาเปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องคับแค้นใจ เรื่องปมกู้ยืมเงินกัน ตอนนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ โดยหลังเกิดเหตุ ได้ระดมกำลังทุกจุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสามารถจับคนร้าย ส่วนจะเตรียมการหรือไม่ ต้องรอสอบปากคำก่อน ผู้ก่อเหตุบอกเพียงว่าคับแค้นใจหลายเรื่อง แต่ยังตอบไม่ได้ว่า เรื่องอะไรบ้าง
ล่าสุด วันที่ 31 ม.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยัง สภ.สอยดาว จ.จันทบุรี เนื่องจากเช้าวันนี้มีรายงานว่าตำรวจจะนำตัว นายประสิทธิ์ ผู้ก่อเหตุ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจได้คุมตัวนายประสิทธิ์ไว้ที่ห้องสืบสวนทั้งคืน เพราะเกรงว่าหากนำตัวไปคุมขัง นายประสิทธิ์อาจจะมีความเครียดและฆ่าตัวตายในห้องขังได้ ซึ่งเมื่อคืนนี้ตำรวจต้องสลับสับเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดเวลา โดยเช้าวันนี้ ตำรวจได้นำตัวนายประสิทธิ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายประสิทธิ์มีสีหน้าเคร่งเครียด
ซึ่งวันนี้ตำรวจจะต้องนำตัว นายประสิทธิ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้ง 4 จุด โดยตำรวจของ สภ.สอยดาว ต้องสนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี กว่า 50 นาย เนื่องจากเกรงว่านายประสิทธิ์จะถูกรุมประชาทัณฑ์จากทางชาวบ้านและญาติของผู้เสียชีวิต
ขณะเดียวกันก่อนที่ทางตำรวจจะนำตัวนายประสิทธิ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทีมข่าวได้มีโอกาส พูดคุยกับนายประสิทธิ์ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตอนนี้ยอมรับว่าเครียด ที่ก่อเหตุไปเนื่องจากมีความแค้นส่วนตัวกับนางวันเพ็ญ ภรรยาเก่าที่เลิกรากันไปเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว เหตุผลหลักเรื่องความแค้น ก็คือเรื่องเงินที่นางวันเพ็ญเอาเงินของตัวเองจำนวน 3 แสนบาท ไปเข้าบัญชีแล้วไม่ยอมคืน และยิ่งไปกว่านั้น นางวันเพ็ญ ยังเอารถ 6 ล้อที่ตัวเองซื้อมาในราคา 1 ล้านบาท ไปขายในราคา 5 แสนบาท
และที่เจ็บช้ำที่สุด นางวันเพ็ญ ยังเอาทอง 8 บาทของตัวเองไปขาย ทรัพย์สินที่ตัวเองมี นางวันเพ็ญเอาไปขายแล้วเอาเงินเข้ากระเป๋าทั้งหมด จนตัวเองหมดความอดทนและบอกเลิกในที่สุด ที่ตัดสินใจยิงนางวันเพ็ญ เพราะนางวันเพ็ญไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองมีจุดยืนในสังคม
เวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เดินทางมาสอบปากคำ นายประสิทธิ์ เพิ่มเติม ก่อนที่จะมีการแถลงและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งการสอบถามนายประสิทธิ์ เปิดเผยถึงมูลเหตุว่าลงมือก่อเหตุจากสาเหตุเรื่องเงินทอง โดยนก่อนจะลงมือก่อเหตุ นางวันเพ็ญได้มีการนัดจะคืนเงินให้กับตัวเอง เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว แต่นางวันเพ็ญคืนเงินให้ตัวเองแค่ 2,000 บาท ซึ่งเหมือนถูกเหยียดหยามมาก จึงทนไม่ได้ เขากินอาหารดี ๆ กัน แต่ตนต้องกินซี่โครงไก่ สุดท้ายก็ยอมทุกอย่าง ตอนเลิกกันขอเงินนางวันเพ็ญเพื่อมาตั้งตัวสร้างชีวิตใหม่แค่ 2 แสนบาท แต่นางวันเพ็ญไม่ยอมให้ ซึ่งที่ผ่านมาระหว่างคบหากัน ตัวเองหารายได้มาให้นางวันเพ็ญ ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านบาท ชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว บ้านช่องก็ไม่มี ที่เจ็บใจที่สุดก็คือถูกลูกสาวของนางวันเพ็ญขู่ว่าถ้าอยากได้เงิน 2 แสนบาทก็ไปฟ้องเอา พ่อกูเป็นตำรวจ นี่คือสาเหตุที่ต้องยิงลูกสาวของนางวันเพ็ญเป็นศพที่ 2
ส่วนศพที่ 3 เป็นความคับแค้นใจเรื่องที่ นายธีรชาติหลอกให้พ่อแม่ของตัวเองไปกู้เงินมาให้แล้วเบี้ยวหนี้ จนทำให้พ่อแม่ของตัวเองที่ลำบากอยู่ ต้องมารับผิดชอบหาคืนเงินให้ แต่พอเวลาผ่านไป นายธีรชาติมีเงินไปออกรถใหม่ จึงทำให้ตนเองต้องยิงนายธีรชาติทิ้ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 2 ศพที่ยิงไปก่อนหน้านี้ ที่ต้องไปก่อเหตุยิงนายธีรชาติ เป็นเพราะว่าตัวเองควบคุมตัวเองไม่อยู่ คิดในใจว่า ไหน ๆ ก็ลงมือแล้ว ก็ชำระแค้นให้หมดไปเลยในวันเดียว
ส่วนรายสุดท้ายที่ตัวเองตามไปยิงทิ้งในสวน ก็เกิดจากความแค้นที่ถูกนายบุญร่วมหลอกขายปืนปลอมให้ ในราคา 17,000 บาท ตัวเองได้ขอเงิน นายบุญร่วมคืน 7,000 บาท แต่นายบุญร่วมก็ไม่ยอมคืนให้ ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก็ซื้อมาจากนายบุญร่วม เมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ซึ่งทั้ง 4 ศพที่ผมต้องฆ่าทิ้ง เพราะพวกเขาทำร้ายผมก่อนทุกคน ขณะก่อเหตุผมยืนยันว่าไม่ได้มีอาการหลอนและมีสติ เป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ผมไม่สำนึกผิด เพราะคนที่ผมฆ่า มันสมควรตาย ผมไม่ทำคนบริสุทธิ์ ผมก่อเหตุเสร็จ ผมก็ไปนั่งรอมอบตัวโดยผมไม่คิดจะสู้ตำรวจ
ต่อมาเวลา 12.00 น. พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทาง มาโดยเฮลิคอปเตอร์ ลงจอดที่ สนามฟุตบอล หน้า สภ.สอยดาว เพื่อมาแถลงข่าว ซึ่งเมื่อมาถึง ก็ได้มีการเรียกตัวนายประสิทธิ์มาสอบปากคำอีกครั้ง โดยนายประสิทธิ์ ก็ให้การคล้ายๆกับที่ให้การกับ รองผู้บังคับบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ มีบางช่วงบางตอน ที่พลตำรวจโทสมพงษ์ ถามว่าทำไมถึงฆ่าถึง 4 ศพ แล้วศพที่ 5 เป็นใคร นายประสิทธิ์ก็ตอบว่าไม่มีศพที่ 5 และ 4 ศพที่ฆ่าเกิดขึ้นเพราะความแค้นส่วนตัวทั้งสิ้น
พลตำรวจโทสมพงษ์ ถามย้ำกับนายประสิทธิ์อีกครั้งว่า การให้การรับสารภาพไม่มีตำรวจหรือใครบังคับให้สารภาพใช่หรือไม่ นายประสิทธิ์ก็ตอบว่าไม่มี เต็มใจรับสารภาพผิดทุกข้อกล่าวหา วันนี้การรับสารภาพ มีทางทนายความที่ตำรวจจัดมาให้เป็นพยานอีกด้วย
จากนั้นเวลา 13.05 น. ตำรวจได้คุมตัวนายประสิทธิ์ นรถปฏิบัติการพิเศษ ของกองกับกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี โดยสวมหมวกกันน็อกและใส่เสื้อเกาะกันกระสุนอย่างแน่นหนา เวลา 13.45 น. ตำรวจได้คุมตัวนายประสิทธิ์ไปทำแผน บริเวณจุดที่ 1 ก่อน คือที่หน้าตลาดนัดตามูล รอยต่อโป่งน้ำร้อน ต.ทรายขาว อ.สอยดาว
ซึ่งจุดเป็นจุดที่นายประสิทธิ์ขี่รถจักรยานยนต์มาเจอและยิงนางวันเพ็ญจนล้มลงข้างถนน ก่อนที่จะยิงนางสาวอรญา ลูกสาวของนางวันเพ็ญ ซึ่งนั่งอยู่บนรถ โดยนายประสิทธิ์ ให้การว่าตนตั้งใจขี่รถมาที่ตลาดนัดเพื่อมาหาซื้อของนำกลับไปกินที่บ้าน แต่ระหว่างนั้นบังเอิญเจอนางวันเพ็ญมาเดินซื้อของเช่นเดียวกัน ด้วยความโกรธจึงจอดรถจักรยานยนต์และเดินข้ามถนนไปยิงนางวันเพ็ญ ในขณะที่ นางวันเพ็ญกำลังจะเปิดประตูรถ ตัวเองได้ถามนางวันเพ็ญว่า "มึงจำกูได้ไหม" แต่นางวันเพ็ญไม่ตอบ และพยายามจะขึ้นรถหนี จึงยิงใส่ไปที่นางวันเพ็ญ 2 นัด หลังจากยิงนางวันเพ็ญจนล้มลง ตนมองไปเห็นนางสาวอรญานั่งอยู่ในรถ และได้ยิงเข้าไปในรถอีกจำนวน 3 นัด
หลังจากยิงทั้ง 2 ตนเองได้ขับรถของนางวันเพ็ญที่มีศพของนางสาวอรญาอยู่ในรถ ออกไปตามเส้นทางและไปก่อเหตุยิง นายธีรชาติ ผู้เสียชีวิตรายที่ 3 โดยบรรยากาศในจุดนี้ไม่มีชาวบ้านหรือญาติของผู้เสียชีวิตมาดูการทำแผนฯ นอกจากนี้ สำหรับภาพกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายสวมใส่วิกผมเพื่อไปก่อเหตุ
จากนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปยังจุดก่อเหตุจุดที่ 2 ที่บ้านทุ่งกร่าง ซอยสองสลึง ใกล้เคียงกับวัดถ้ำสาริกา ซึ่งเป็นจุดที่ยิงผู้เสียชีวิตรายที่ 3 คือนายธีรชาติ เต่าทอง โดยจุดนี้มีชาวบ้านและญาติของผู้เสียชีวิต มารวมตัวกันเพื่อมารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพกันเป็นจำนวนมาก
จากนั้นก่อนที่ตำรวจจะนำตัวนายประสิทธิ์ ลงจากรถเกือบจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้น จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้ากันสถานที่อย่างเร่งด่วน พร้อมขอความร่วมมือญาติให้ถอยห่างออกไป ระหว่างรอการทำแผน นางนวลจันทร์ ภรรยาของ นายธีรชาติ รวมไปถึงพี่สาวของนายธีชาติต่างร้องไห้และตะโกนด่าทอนายประสิทธิ์ ถามว่าเหตุใดจึงต้องมาฆ่าแกงกันด้วยเงินเพียงไม่กี่บาท
โดยการทำแผนในจุดที่ 2 ตำรวจ ต้องล้มเลิกการทำแผนฯ เนื่องจากควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้ และเกรงว่าผู้ต้องหาจะถูกรุมประชาทัณฑ์ เนื่องจากจุดนี้และจุดต่อไปมีญาติของผู้เสียชีวิตมารอดูการทำแผนเป็นจำนวนมาก
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทั้งหมด กรณีนี้หากตำรวจจับผู้ต้องหาไม่ได้ อาจมีผู้เสียชีวิตอีกราย คือลูกเขยของนางวันเพ็ญ หลังพบว่าทางลูกเขยมักจะยุยงให้นางวันเพ็ญไม่จ่ายเงินคืนให้นายประสิทธิ์ ตามคำกล่าวอ้างของนายประสิทธิ์
เบื้องต้นทางตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ยอมรับว่าคดีนี้เป็นคดีที่อุกอาจและสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก ซึ่งคดีนี้จะมีการส่งตัวนายประสิทธิ์ไปฝากขังในวันพรุ่งนี้ และทางตำรวจจะดำเนินการคัดค้านการประกันตัวมิให้ผู้ต้องหาออกมายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอย่างแน่นอน
สำหรับปืนที่นายประสิทธิ์ใช้ก่อเหตุ จากการตรวจสอบพบว่าปืนดังกล่าว เป็นปืนมีทะเบียน ที่มีชื่อของบุคคลที่อาศัยอยู่ที่จังหวัดลพบุรี เป็นผู้ครอบครอง
