เมียไม่เชื่อผัวฝรั่งถูกฟันดับเพราะเปิดเพลงดัง ตามือมีดเผยหลานบ้า ไม่ประกันปล่อยติดคุก (คลิป)

22 ม.ค. 65

จากกรณีเหตุหนุ่มชาวอังกฤษถูกคนสติไม่ดีทำร้ายจนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.17 ของวันที่ 22 ม.ค.65 พ.ต.ท.ภูชิต เกตุแก้ว สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถูกทำร้ายจนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย และเป็นคนไทยอีก 1 ราย

571768

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ภายในซอยศรีลังกา ฝั่งตรงข้ามร้านสะดวกซื้อ 7-11 สะพานสุดใจ ถนนนานาชาติ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี จะเห็นได้ว่าที่เกิดเหตุพบร่องรอยคราบเลือดเต็มบริเวณพื้น โดยชาวบ้านได้ช่วยทำความสะอาดนำดินกลบถมคราบเลือด

611680821672

โดยที่เกิดเหตุจะเป็นโต๊ะหินอ่อน ที่ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บนั่งดื่มแอลกอฮอล์กัน ตรงข้ามจุดเกิดเหตุ เพียงประมาณ 5 เมตร เป็นบ้านผู้ก่อเหตุ อยู่หลังในสุดของซอย ซึ่งอยู่ตรงข้ามเยื้องกัน

688503

น.ส.วาสนา เหมือนจิต อายุ 43 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองได้นั่งทานอาหารอยู่กับเพื่อน ๆ และนายอีวานมาร์คุส จอห์น อายุ 49 ปี สามี รวมกัน 4 คน หน้าบ้านนั่งกินอาหารถึงประมาณ 21.00 น. สามีก็บอกว่าอยากจะขอไปดื่มแอลกอฮอล์สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ตนเองก็ได้ให้ไปนั่งดื่ม และตนกลับเข้าห้องนอน

492131

จากนั้นนั่งดื่มที่บ้านเพื่อนได้สักระยะ สามีกลับเข้ามาที่ห้องเพื่อที่จะมาหยิบเบียร์อีก 1 ขวด ซึ่งสภาพไม่ได้มึนเมาหนักแต่อย่างใด ดูปกติดี ก็เดินออกไปดื่มต่อ ตลอดระยะเวลาที่สามีดื่ม เสียงเพลงไม่ได้ดังมาก เพียงแค่ดังพอประมาณ พอได้ยิน แต่สำหรับคนเมาอาจจะไม่ดังมาก แต่ถ้าสำหรับคนอื่นอาจจะดังหรือไม่ก็ตอบไม่ได้ ตนเองจะออกไปเตือนตลอด ถ้าเสียงเพลงดัง หรือพูดเสียงดัง ก็เดินออกไปเตือนสามีทุกครั้งว่าดึกแล้วให้เบาเสียงลง

cg

ในขณะที่เกิดเหตุนั้นตนเองก็นึกเอะใจอยากจะมาหาสามี มาชะโงกหน้าดูว่าเสียงดังหรือไม่ เมื่อเปิดประตูดูก็ยังไม่เห็นอะไร และไม่ได้มีเสียงเอะอะโวยวาย โดยตนเองกำลังจะกลับเข้าห้อง มีป้าข้างบ้านบอกให้ออกมาดูสามี โดยรบเร้าให้ออกมาดูหลายครั้ง บอกว่าสามีนอนอยู่ เมื่อออกมาดูก็พบเห็นว่า สามีเสียชีวิต ตนเองก็สติหลุดทันที ยอมรับว่าตนเองต้องดูแลครอบครัวต่อตนเองมีลูกสาว 1 คน กำลังเรียนอยู่ โดยสามีเป็นเสาหลักดูแลครอบครัว จ่ายเงินให้ทุกอย่าง อีกทั้งให้เงินเดือนทุกเดือน ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่สามีก็ดูแลดีเสมอมา

ตอนนี้ออกหมายจับตัวได้แล้ว ได้พูดคุยเขาได้รับสารภาพ เนื่องจากนำตัวฝากขังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยอมรับว่าโกรธมาก อยากถามว่า "ทำไมถึงต้องฆ่ากันเลย ทำไมไม่พูดคุยกันดี ๆ ถ้าเสียงดังก็เดินมาบอกก็ได้ หรือจะแจ้งตำรวจก็ได้ ไม่ควรทำเช่นนี้"

449715

นายนิคม แจ้งสว่าง อายุ 59 ปี ชาวบ้าน เล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเสียงเพลงนั้นค่อนข้างดัง เนื่องจากเวลาประมาณ 21.00 น. พื้นที่แถวนี้เงียบสนิท เมื่อเปิดเพลงก็จะได้ยินกันทั้งหมด สำหรับตนเองนั้นรู้สึกว่าไม่ได้เสียงดังมาก แต่สำหรับนายประสูติ ทิพย์เทพย์ หรือ ตั้น ผู้ก่อเหตุ อายุ 23 ปี ตนเองไม่มั่นใจว่าเขาคิดอะไร เพราะผู้ก่อเหตุเป็นคนเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร อีกทั้งต้องทานยาเกี่ยวกับโรคประสาท เป็นคนคล้ายคนสติไม่ดี

โดยนายอีวานมาร์คุส จอห์น อายุ 49 ปี ผู้เสียชีวิต เดินทางออกมาจากห้อง นั่งดื่มที่ห้องของนายชอน เควิน อายุ 50 ปี ผู้บาดเจ็บ โดยตนเองเห็นว่านั่งดื่มตั้งแต่ประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 21 ม.ค. 65 ส่วนคนก่อเหตุนั่งอยู่บ้านตรงข้าม และตนเองก็กลับเข้าห้องหลับไป จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. 22 ม.ค.65 ตนเองตื่นมาเพราะเสียงกรีดร้องของภรรยาผู้เสียชีวิต และห้องใกล้เคียงชาวบ้านก็ออกมาดูเหตุการณ์ ส่วนผู้ก่อเหตุหายไป และโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ 1669 กู้ชีพเข้ามาพื้นที่เกิดเหตุ

โดย นายอีวานมาร์คุส ผู้เสียชีวิตนั้นมีภรรยาอยู่ที่นี่ อาศัยไป-กลับ มาครั้งละ 1-2 เดือนและกลับไปทำงาน ส่วนภรรยาอาศัยอยู่มาประมาณ 3-4 ปีแล้ว ผู้เสียชีวิตเป็นคนนิสัยดี ทราบมาว่าเพิ่งมาไทยเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา และกำลังจะกลับวันที่ 26 ม.ค.65 ที่จะถึงนี้ และมาเสียชีวิตลง

511484

นายประยูร เจริญพัฒน์ อายุ 77 ปี ตาผู้ก่อเหตุ บอกว่า ส่วนตัวตนเองไม่สนิทสนิมกับนายประสูติ ทิพย์เทพย์ หลานชายผู้ก่อเหตุ เนื่องจาก หลานชายพักอาศัยอยู่คนเดียวอีกหลัง ส่วนตนเองก็อยู่กับภรรยาคือยายของผู้ก่อเหตุ โดยวันที่เกิดเหตุ ตนเองนอนหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงเพลงจริง เสียงดังบ้าง

ทั้งนี้ ตนเองก็หลับไปไม่ทราบอะไร จนมาสะดุ้งตื่นจากเสียงกรีดร้องของภรรยาผู้เสียชีวิต จึงมาทราบว่าเกิดเรื่องเกิดขึ้น ตอนนี้รู้แล้วว่าหลานเป็นผู้ก่อเหตุ ตนเองรู้สึกเฉย ๆ เพราะไม่สนิทกับหลาน หลานสติไม่สมประกอบ สติไม่ดี ต่างคนต่างอยู่ และปล่อยให้เป็นกระบวนการทางกฎหมาย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินเอาผิดได้เต็มที่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส