เปิดปฏิบัติการ "ล่าไม่ถอย" รวบ 4 นักโทษหนีกักตัวโควิด สุดแสบแบ่งทีมแหกคุก - ชิงทรัพย์ชาวบ้าน (คลิป)

16 ม.ค. 65

กรณีพ.ต.อ.สุธี วรรณสูตร ผกก.สภ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนักโทษแรกรับ 4 ราย อยู่ระหว่างกักกันโรคโควิด-19 หลบหนี ประกอบด้วย 1.นายพงษ์สิริ อินทผลา หรือ บอม อายุ 25 ปี ข้อหาลักทรัพย์ ต.นาทุ่ง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร 2.นายสหรัฐ เสนามนตรี หรือ จ๋า อายุ 28 ปี ข้อหายาเสพติด ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 3.นายธนวัฒน์ อยู่คง หรือ ต้า อายุ 21 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ครอบครองเพื่อจำหน่าย ต้องโทษครั้งที่ 2 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ 4.นายพงษกร แสงงาม หรือ โจ้ อายุ 35 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ครอบครองเพื่อจำหน่าย ต้องโทษครั้งที่ 2 ต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย 

901555

ตามรายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องขังทั้ง 4 คนได้หลบหนีจากสถานกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่ เรือนจำชั่วคราวบางนางรม โดยอาศัยจังหวะที่ผู้คุมขังปิดประตูห้องควบคุมที่ 7 เพื่อนำเอาน้ำเข้าไปให้ผู้ต้องขัง โดยผู้ต้องขังทั้ง 4 คนได้ดันประตูห้องควบคุม ทำให้ผู้คุมขังเสียหลักล้มลง ต่อมาผู้ต้องขังได้วิ่งหลบหนีออกมาทางด้านหน้าเรือนจำ และวิ่งไปทางถนนประจวบคีรีขันธ์ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้านหน้าสนามกีฬาจังหวัด

589688

โดยนายต้า กับนายโจ้ ได้จี้ชิงรถจักรยานยนต์ของขาวบ้านที่ขี่ผ่านมา โดยพาเจ้าของรถจักรยานยนตร์ ซึ่งเป็นชายผู้สูงอายุนั่งซ้อนท้ายเป็นตัวประกันหลบหนีไปด้วย ตามถนนเพชรเกษมขาเข้า กทม. ก่อนจะขี่รถไปหาแม่ ในพื้นที่ม.12 ต.อ่าวน้อย เเละขอเงินแม่ จำนวน 500 บาท เปลี่ยนรถหลบหนี เป็นรถฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ ทะเบียน 1 กณ 8879 ประจวบคีรีขันธ์

156442

ล่าสุดวันที่ 16 ม.ค.65 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พร้อมคณะ ได้เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นายพงษ์สิริ เเละนายสหรัญ ที่ถูกจับกุมตัวได้เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.65) พร้อมตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุในสถานที่แรกรับภายในเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

272664

โดยพล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ (ผบช.ภ.7) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เเละฝ่ายปกครอง ร่วมกันติดตามจับกุมตัวได้อีก 2 ราย ในพื้นที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี รวมทั้งสิ้น 8 ราย สามารถติดตามจับกุมตัวได้ครบทุกรายเเล้ว ซึ่งนักโทษทั้ง 8 ราย อยู่ในขั้นตอนการกักตัวที่จะเข้าสู่เรือนจำ เเละจะมีการเเจ้งข้อหาเพิ่มเติมทุกคน ทั้งนี้ ทราบตัวผู้ที่เป็นคนวางเเผนเเล้ว ก็จะมีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป นอกจากนี้ จะได้ขยายผลผู้ร่วมกระทำผิดวางแผนหลบหนี รวมถึงผู้ที่ช่วยเหลือให้การหลบหนี หรือให้ที่พักพิง ก็จะมีการดำเนินคดีทั้งหมด

cg_5

จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหา ให้การว่า มีการวางแผนไว้ก่อนแล้วประมาณ 4-5 วันว่าจะหลบหนี เเละได้อาศัยจังหวะที่ผู้คุมส่งอาหารและน้ำดื่มผลักประตูสวนออกมา ซึ่งสาเหตุที่อยากหลบหนี เป็นเพราะต้องการไปเยี่ยมญาติ พ่อและเเม่ เจากการตรวจสอบประวัติเคยมีการต้องโทษมาเเล้วทุกราย ทั้งข้อหาชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ เเละยาเสพติด ซึ่งตัวผู้ต้องหาก็พยายามหนีอย่างสุดชีวิต แต่ตำรวจทุกภาคส่วนรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันทำงานอย่างรวดเร็วภายในเวลา 24 ชม. ก็สามารถจับกุมตัวนักโทษได้ทุกคน ซึ่งผบ.ตร. ได้เน้นย้ำสั่งการให้เร่งรัดจับกุมตัวนักโทษที่หลบหนีให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน

567443

นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เรือนจำของจ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือนจำเก่า มีแดนเดียวสามารถเดินเข้าไปถึงกันหมด และพื้นที่น้อย ทำให้ไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะสร้างห้องกักกัน เเละเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงนำผู้ต้องขังเข้าไปอยู่รวมกัน เเล้วติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งตอนนี้หากเรือนจำใดมีพื้นที่เพียงพอ เเละมีความพร้อมก็สามารถสร้างห้องกักภายในเรือนจำได้ ตอนนี้ผู้ต้องขัง จำนวน 200,000 คนทั่วประเทศ ได้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มหมดเเล้ว ฉะนั้นความเสี่ยงที่หากได้รับเชื้อเเล้วเสียชีวิตจึงมีน้อย

606603

"จากการหลบหนีของผู้ต้องขังเมื่อวานนี้ ผมได้สอบถามผู้ต้องขัง เบื้องต้นทราบว่าได้มีการวางแผนล่วงหน้า 3-4 วันเเล้วก่อนหลบหนี ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของเรือนจำชั่วคราว ให้ผู้ต้องขังที่เข้ามาใหม่แยกกับตัว จำนวน 21 วัน เพื่อรอดูว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปอยู่ข้างในเรือนจำ ซึ่งผู้ต้องขังได้สังเกตพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ผู้คุมที่ได้กระทำอยู่ทุกวัน อาศัยจังหวะตอนที่เจ้าหน้าที่กำลังส่งน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องเปิดประตูลูกกรง ก่อนจะอาศัยจังหวะชั่วงสั้น ๆ ตอนที่เจ้าหน้าที่เผลอ ผลักประตูสวนออกมาเเละหลบหนี โดยที่เกิดเหตุนี้มีผู้ต้องขัง จำนวน 26 คน แต่ได้หลบหนีออกมาทั้งหมด 8 คน" 

เเม้ว่าผู้ต้องขังทั้ง 8 รายจะกักตัวไม่ครบ 21 วัน เเต่จากการตรวจ ATK ผู้ต้องขังที่ควบคุมตัวได้เเล้ว ตอนนี้ผลตรวจยังไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 หลังจากนี้จะย้ายผู้ต้องขังทั้ง 8 คน ไปที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ซึ่งได้มีการขอศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เเละศาลจังหวัดหัวหินเเล้ว หลังจากนี้จะต้องมีการวางมาตรการดูแลพื้นที่ ที่เป็นเรือนจำชั่วคราวให้ดีกว่านี้ กรมราชทัณฑ์จะได้นำเหตุการณ์นี้ไปถอดบทเรียน เเละสั่งการให้เรือนจำทั่วประเทศดำเนินการตามนโยบายให้มั่นคงมากขึ้น

416895

ทีมข่าวได้เดินทางไปสอบถามกับ นายมะพร้าว (นามสมมติ) อายุ 70 ปี ลุงที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่ง 2 ผู้ต้องขัง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.65) ช่วงเวลา 18.00 น. ตนไปออกกำลังกายที่สนามกีฬา ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียน กพง 710 ประจวบคีรีขันธ์ กลับมาบ้าน แต่ในระหว่างทางกำลังจะยูเทิร์นรถ ตนก็เห็นผู้ชาย 2 คนไม่สวมเเมสก์โบกมือเรียก ตนจึงจอดรถ ผู้ชาย 2 คนก็วิ่งมาที่รถเเละบอกว่า “ขอยืมรถหน่อย” หรือ “ไปส่งผมหน่อย” ตนก็จำไม่ค่อยได้ ก่อนจะขึ้นคร่อมรถ โดยที่ตนนั่งอยู่ตรงกลาง ในช่วงระหว่างนั้น ตนก็กลัวว่าจะถูกปล้นหรือไม่ จึงไม่กล้าพูดหรือถาม เเต่เท่าที่สังเกต 2 คนนี้ไม่มีอาวุธ

141003

นอกจากนี้ ตนยังได้ยินเขาคุยกันด้วยว่า “ระวังโซ่เข้าล้อ” ตนก็ยังไม่ทันเอะใจ เพียงเเต่เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี เเละพฤติกรรมชายคนขี่รถยังชอบมองไปทางรถด้านหลัง ตนจึงบอกว่าให้ขี่รถดี ๆ มองทางข้างทาง ชายคนดังกล่าวก็รับปาก ก่อนที่ชายคนขี่จะขี่รถพาตนไปยังร้านขายของบริเวณริมถนนเพชรเกษม ขาขึ้นกรุงเทพฯ เเละตนยังได้ยินชายคนหนึ่งเรียก ผู้หญิงเจ้าของร้านว่า “เเม่ ขอเงินให้ลุงเขา 100 บาท เป็นค่าน้ำมัน” ตอนเเรกตนก็ปฏิเสธ เเต่ชายคนนั้นก็ยัดเยียดให้เงินมา ตนจึงต้องรับ ก่อนจะขี่รถกลับมาที่บ้าน ซึ่งก่อนกลับ ชายที่มาด้วยกันก็ย้ำกับตนว่า “อย่าไปบอกใครนะ” ซึ่งตลอดระยะทางกว่า 12 กิโลเมตรที่ขี่รถมา ชายทั้ง 2 คนก็ไม่ได้พูดจาไม่ดี หรือมีท่าทีจะทำร้ายตน

"จากนั้นพอผมมาถึงบ้าน หลานชายก็อ่านข่าวให้ฟัง เเละเอาภาพให้ดู ตอนเเรกตกใจมาก ๆ เพราะเพิ่งจะรู้ว่าคนที่ไปส่งคือนักโทษแหกเรือนจำ ผมก็ยังไม่กล้าบอกใคร ได้เเต่ถามว่าเขาออกมาได้ยังไง ข้อหาอะไร จนนำเรื่องไปบอกลูกสาวจึงพาไปแจ้งความที่สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ว่าไม่รู้จักกับผู้ต้องขังทั้ง 2 คน ไม่เคยมีความสนิทสนมกันมาก่อน" นายมะพร้าว กล่าวยืนยัน 

228835

ทีมข่าวได้พบกับ นางสมใจ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี เเม่ของนายธนวัฒน์ หรือ ต้า กล่าวว่า ปกตินิสัยใจคอของลูกชายเป็นคนไม่ค่อยพูด ใจเย็น ไม่เคยเห็นเขามีเรื่องมีราวกับใคร เเม้กระทั่งจะตีสัตว์ ลูกชายของตนยังไม่กล้าตี ลูกชายของตนเรียนจบชั้น ม.3 ก็ออกมาทำงาน เเละไม่เคยขอเงินตนอีกเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 3 ปีที่เเล้ว ลูกชายอายุ 18 ปี เคยถูกจับในข้อหาเสพยาเสพติดมาก่อน กระทั่งออกจากคุกมาเมื่อช่วงเดือน ม.ค.64 จากนั้นในคืนวันที่ 3 ม.ค.65 ลูกชายถูกจับกุมตัวอีกครั้ง

ทั้งนี้ ตนไม่ได้ยื่นเงิน หรือกุญเเจรถให้ลูก ไม่อยากให้ลูกหนีด้วยซ้ำ เเต่พอมาหนีออกไปแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าลูกชายจะต้องติดคุกอีกกี่ปี ตนก็เสียใจมาก ๆ เพราะน้องต้าคือลูกชายคนเดียวของตน เป็นความหวัง เป็นอนาคตของตน ส่วนสาเหตุที่ลูกชายหนีออกมาคาดว่าเกิดจากความเครียดที่ไม่สามารถเจอหรือติดต่อพ่อกับตนได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส