กรณีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อว่า @Thanakan Meesuk หรือ คุณครูเเบงค์ ได้เผยแพร่บทสนทนา หลังจากเด็กหญิง ป.6 ทักเข้ามาในเเชตของแอปพลิเคชันหนึ่งเพื่อจะขอจีบคุณครู ก่อนที่ครูหนุ่มจะตอบกลับไปว่า "ครูเป็นกะเทยนะครับ" แต่เด็กคนดังกล่าวก็ไม่ยอมลดละ กลับอ้างว่าตัวเองเป็นเด็กชาย ทำให้ครูรายนี้นำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์เพื่อให้พ่อแม่หมั่นดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
โดยบทสนทนาสรุปได้ว่า น้องเป็นเด็กหญิงวัย 12 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 โสด และอยากจะจีบคุณครู ซึ่งคุณครูก็บอกว่า "ไม่ได้ น้องยังเด็ก ควรตั้งใจเรียนมากกว่า" แต่เด็กหญิงยังไม่ลดละความพยายาม ถามครูไปอีกว่า "ครูมีแฟนรึยัง หนูมีแฟนแล้ว แต่ครูหล่อเลยอยากจีบ"
แต่สุดท้ายคุณครูแบงค์ จึงตอบกลับไปว่า "พี่เป็นจะเทยค่ะ ไม่เชื่อมาดู__ เป็นสาวสองฟีลผมสั้น" เด็กหญิงถึงกับอึ้งและไปต่อไม่ถูก ก่อนจะตามตื๊อต่ออีกว่า "หนูก็เป็นผู้ชายค่ะ"
ล่าสุดวันที่ 12 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนสัตหีบวิทยาคม จึงได้พบกับนายธนาคาร มีสุข หรือ ครูเเบงค์ อายุ 28 ปี เจ้าของเเชตสนทนาดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนนี้มาได้ 5 ปีเเล้ว ช่วงนี้เปิดเทอมเเล้วเเต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตนต้องสอนออนไลน์ ตนจึงได้เล่นแอปพลิเคชันติ๊กต็อก ลงคอนเทนต์เล่นขำ ๆ ล้อเลียนโฆษณา ล้อเลียนดารา ร้องเพลง พากย์เสียง เต้น เป็นต้น ก่อนจะนำมาลงในแอปพลิเคชัน JOOX ด้วย
โดยก่อนหน้านี้ ตนไม่เคยมีเด็กทักมาหาในลักษณะจีบแบบนี้มาก่อน เพราะส่วนใหญ่จะทราบว่าตนเป็นครู ตนก็ไม่เเน่ใจว่าน้องคนนี้ทักมาเพื่ออะไร เเต่น้องเป็นแฟนคลับติดตามตนมานานเเล้ว ซึ่งน้องได้เริ่มทักตนมาครั้งเเรกในวันที่ 15 พ.ย.64 หลังจากนั้นก็พยายามทักมาอีกเรื่อย ๆ ตนตอบบ้างไม่ตอบบ้าง คิดว่าหากไม่ตอบเลย น้องคงจะเลิกทักไปเอง เเต่ปรากฏว่าไม่ใช่ น้องก็ยังคงทักมาเรื่อย ๆ ซ้ำยังเคยจะหาสาว ๆ มาให้ตนคุยด้วย
กระทั่งวันที่ 7 ม.ค.65 เวลา 11.55 น. น้องทักมาถามว่าตนทำงานอะไร จากนั้นในวันที่ 8 ม.ค.65 เวลา 13.00 น. ตนก็ตอบกลับไปว่าทำงานเป็นครู ส่วนในวันที่ 9 ม.ค.65 เวลา 18.46 น. น้องตอบกลับมาว่า "ถ้าจะจีบจะได้ไหม" จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเเชตดังกล่าว
แต่จริง ๆ แล้วยังมีบทสนทนาต่ออีกยาว โดยหลังจากที่น้องรู้เเล้วว่าตนมีรสนิยมอย่างไร น้องก็ดูจะช็อกไปเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย โดยอ้างว่า "หนูก็เป็นผู้ชาย" ก่อนจะบอกว่า "หนูล้อเล่น" ตนจึงบอกไปว่า "พี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่เป็นจริง" ก่อนที่น้องจะย้ำอีกว่า "หนูเป็นผู้ชาย พี่ชอบหนูไหมคะ"
นอกจากนี้ เท่าที่มีการพูดคุยกัน ตนคิดว่าน่าจะเป็นเด็กพิมพ์จริง ๆ เพราะลักษณะการพิมพ์เป็นคำ ๆ จะไม่เรียงประโยค เเละเรื่องของการใช้ภาษาก็ไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก เเละไม่ใช่เด็กในโรงเรียนของตนที่เข้ามาแกล้งเเน่นอน เเต่ตนไม่ทราบว่าเป็นเด็กที่ไหน สุดท้ายนี้ตนอยากจะฝากถึงผู้ปกครองที่มีบุตรหลาน โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นการเรียนออนไลน์ นักเรียนจะต้องอยู่หน้าจอหรือโทรศัพท์มือถือทั้งวัน ผู้ปกครองอาจจะไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกับใครบ้าง ตนจึงอยากให้หมั่นสังเกต คอยซักถาม และให้ความรู้เรื่องการระมัดระวังตัวเองจากคนแปลกหน้าบนโลกออนไลน์ เพราะเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงได้
