ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายกัน บริเวณสวนสาธารณะแก่งดอนกลาง ที่เกิดเหตุพบ นายชัยวัฒน์ อายุ 54 ปี มีแผลที่ศีรษะเลือดไหลอาบ มีอาการบาดเจ็บที่ท้ายทอย มีบาดแผลที่หลังหูฝั่งขวา เป็นแผลยาว 5 ซม. ใบหน้าขวาบวม กระดูกหูแตก กู้ภัยจึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ ทราบชื่อคือ นายจตุพล อินทะชัย อายุ 22 ปี
วันที่ 10 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ชุมชนแก่งดอนกลาง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ จุดเกิดเหตุจุดที่ 1 คือจุดที่ผู้ก่อเหตุและกลุ่มเพื่อนได้ยืนจับกลุ่มกัน ส่วนจุดเกิดเหตุจุดที่ 2 จุดที่นายชัยวัฒน์ถูกทำร้ายร่างกาย บริเวณหน้าป้ายแก่งดอนกลาง ห่างจากจุดแรกประมาณ 150 เมตร
นางบัว ภรรยาของผู้บาดเจ็บ ได้นำคลิปกล้องหน้ารถนายชัยวัฒน์ให้ทีมข่าวดู โดยในคลิปดังกล่าวภาพจะไม่ค่อยชัด ไม่เห็นภาพตอนเกิดเหตุ แต่จะได้ยินเสียงผู้บาดเจ็บร้อง "โอ้ย" ช่วงที่ถูกทำร้าย ช่วงเวลา 00.22 น. ก็จะเห็นรถของผู้ก่อเหตุขับออกไป หลังจากก่อเหตุแล้ว
คลิปวงจรปิดตอนเกิดเหตุ เวลา 00.08 น. ในคลิป นายชัยวัฒน์ขับรถยนต์ไปจอดที่หน้าป้ายแก่ง จากนั้นก็ลงมาจากรถแล้วยืนสูบบุหรี่ เวลา 00.56 น. เห็นกลุ่มผู้ก่อเหตุขับรถมา แล้วเดินเข้าไปหานายชัยวัฒน์ ก่อนที่นายจตุพลจะทำร้ายร่างกายนายชัยวัฒน์ จนนายชัยวัฒน์ล้มลงไปนอนที่พื้น แล้วกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป
สำหรับความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า อยู่ระหว่างนอผลตรวจร่างกายผู้บาดเจ็บจากแพทย์ หลังจากนั้นก็จะเรียกผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ แล้วแจ้งข้อหาต่อไป
นายจตุพล ผู้ก่อเหตุ เปิดใจเล่าว่า คืนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 8 มกราคม 2565 ตัวเองและกลุ่มเพื่อนประมาณ 10 คน ได้ยืนพูดคุยกันที่ริมถนน ในซอยจุดเกิดเหตุ เนื่องจากตอนนั้นเพื่อนของตัวเอง และพ่อเลี้ยงของเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ได้มีปากเสียงทะเลาะกัน ระหว่างนั้น นายชัยวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ ขับรถยนต์เข้ามาด้วยความเร็ว จนพวกตัวเองต้องรีบวิ่งหลบลงข้างทาง เพราะถ้าพวกตัวเองไม่หลบรถของนายชัยวัฒน์อาจชนพวกตัวเองแล้วก็ได้ จากนั้นนายชัยวัฒน์จึงลดกระจกหันมามองหน้าพวกตัวเอง พวกตัวเองจึงเดินตามไปสอบถามนายชัยวัฒน์ว่า "มีปัญหาอะไร" เขาก็ตอบว่า "ไม่ได้มีปัญหา"
จากนั้น นายชัยวัฒน์ก็ขับรถออกไป แล้วขับวนกลับมาหาพวกตัวเองเป็นรอบที่ 2 ด้วยความเร็ว ประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นพวกตัวเองก็ยืนอยู่สองข้างทางเหมือนเดิม ทำให้รถนายชัยวัฒน์เกือบชนพวกตัวเองเป็นรอบที่ 2 พวกตัวเองจึงเดินเข้าไปถามนายชัยวัฒน์อีกว่า "ทำไมขับรถแบบนี้ ไม่เห็นคนหรอ" นายชัยวัฒน์ก็ตอบว่า "ไม่เห็น" จากนั้นนายชัยวัฒน์ ก็ขับรถยนต์ออกไปที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย คาดว่าน่าจะไปซื้อเบียร์มาดื่ม
ซึ่งระหว่างนั้นพวกตัวเองก็กำลังทยอยเดินเข้าบ้าน แต่นายชัยวัฒน์ขับรถมาหาพวกตัวเองเป็นรอบที่ 3 พร้อมกับบีบแตรเสียงดัง 1 ครั้งแบบลากยาว ซึ่งรอบนี้ตัวเองคิดว่านายชัยวัฒน์เขาน่าจะหาเรื่องพวกตัวเองแล้ว ตัวเองพร้อมเพื่อนผู้ชายอีก 2 คน จึงขับรถมอเตอร์ไซค์ตามหลังรถถยนต์ของนายชัยวัฒน์ไป ก็เห็นนายชัยวัฒน์ยืนดื่มเบียร์ที่ริมบ่อน้ำแก่งดอนกลาง จึงเดินเข้าไปถามเขาว่า "มีปัญหาอะไร บีบแตรทำไม" แต่นายชัยวัฒน์ไม่ตอบ ตัวเองจึงเข้าไปทำร้ายร่างกายโดยการฟันซอกเข้าไปที่กรามของนายชัยวัฒน์ 1 ครั้ง จนนายชัยวัฒน์ล้มลงไปหัวฟาดแท่นปูน ทำให้หัวของนายชัยวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บมีแผลที่หัว หลังเกิดเหตุ เพื่อนของตัวเองก็ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มายังจุดเกิดเหตุ
ตัวเองขอยืนยันว่าก่อเหตุเพื่อเป็นการสั่งสอนนายชัยวัฒน์ ที่เขามาก่อกวนพวกตัวเองก่อน ตัวเองไม่ได้กะเอาเขาให้ถึงตาย แผลของนายชัยวัฒน์เกิดจากการล้มหัวกระแทกพื้น ตัวเองไม่ได้ใช้อาวุธ ตนอยากขอโทษผู้บาดเจ็บกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เขาทำกับพวกตัวเองนั้นก็ไม่สมควร เพราะผู้บาดเจ็บเขาก็เป็นถึงครูสอนเทคนิคในจังหวัดกาฬสินธุ์ เขาน่าจะขับรถให้ดีกว่านี้
นางบัว (นามสมมติ) อายุ 57 ปี ภรรยาของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่นายชัยวัฒน์ ผู้เป็นสามี ก็ได้เล่าให้ตัวเองฟังแล้วว่าวันที่เกิดเหตุได้ดื่มเบียร์มาจากที่อื่น ทำให้สามีมีอาการเมามาถึงจุดเกิดเหตุ สามีได้ขับรถเข้าไปในซอยเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน แล้วได้เห็นวัยรุ่นคู่กรณีวิ่งข้ามถนนไปมา ตอนนั้นสามียังไม่รู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีเขามีการทะเลาะกันอยู่แล้ว สามีตัวเองคิดว่ากลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีจะเข้ามาหาเรื่อง ทำให้สามีได้ขับรถวนไปมาที่ซอยดังกล่าวหลายรอบ
กระทั่งสามีตัวเองได้ไปจอดรถดูดบุหรี่ที่ข้างบ่อน้ำแก่งดอนกลาง กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นชายจำนวน 3 คน ได้ขับรถตามสามีมา แล้วเดินเข้ามาทำร้ายสามี จนสามีตัวเองหมดสติ แล้วจำเหตุการณ์ต่อจากนั้นไม่ได้ สำหรับนายชัยวัฒน์ สามีตัวเองตอนนี้ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ โดยสามีมีบาดแผลที่หลังหูฝั่งขวา เป็นแผลยาว 5 ซม. ใบหน้าขวาบวม กระดูกหูแตก ตอนนี้เลือดก็ยังซึมออกจากบาดแผล
ตัวเองขอยืนยันว่าสามีและกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่รู้จักกันมาก่อน คิดว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องเข้าใจผิด เพราะสามีตัวเองเมาไม่รู้ว่าฝั่งคู่กรณีเขาทะเลาะกันอยู่ จึงคิดว่าคู่กรณีเขามาหาเรื่อง สามีตัวเองจึงโมโหแล้วไปขับรถก่อกวนกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี กระทั่งเขาตามมาก่อเหตุ ยอมรับว่าผู้ก่อเหตุเขากระทำเกินกว่าเหตุ เพราะสามีตัวเองก็ยังไม่ได้ขับรถยนต์ชนพวกเขา ส่วนเรื่องทางคดี ตัวเองก็ปล่อยให้ผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
