คนบันเทิงและสื่อโซเชียลต่างพากันแชร์โพสต์ประกาศตามหาตัวนายแบบหนุ่ม "นายกุลภัทร พงศ์ประภาพ หรือ เคนโด้" อายุ 27 ปี โดยข้อความระบุว่าฝากถึงผู้ที่เห็นตัวน้องให้ช่วยแจ้งพิกัด เนื่องจากน้องหายตัวไป ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา และขอร้องว่าหากใครพบเจอให้โทรแจ้งเบาะแส
โดยเมื่อวานนี้ 5 ม.ค. 65 ป้าของเคนโด้ไปเคาะห้องว่าน้องอยู่ไหม แต่ไม่มีคนตอบ ป้าไขกุญแจเข้าไปดูไม่พบว่าน้องอยู่ห้องนั้น
ล่าสุด วันที่ 6 มกราคม 2565 เวลา 13.00 น. ร.ต.อ.โยคิน เบญพาด รอง สว.(สอบสวน) สน.ปากคลองสาน รับแจ้งพบศพชายลอยน้ำใกล้ท่าเทียบเรือถนนราชวงศ์ ก่อนไปปลากศพขึ้นมาตรวจสอบบริเวณท่าเทียบเรือใต้สะพานพุทธยอดฟ้า แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าเป็นศพของนายกุลภัทร สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นลายสีรุ้ง กางเกงขายาวสีเขียวขี้ม้า สวมถุงเท้าสีดำ มีรอยสักคำว่า love ที่ต้นคอ และรอยสักลายกราฟิกที่น่องขาด้านซ้าย สันนิษฐานว่าจมน้ำเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน
ตรวจสอบตามร่างกายพบกระเป๋าใส่เงินสดประมาณ 1,000 บาท บัตรประจำตัวผู้ป่วย รพ.ศิริราช, บัตรเครดิต, บัตร ATM, หูฟัง iPod และพระเลี่ยมทอง 1 องค์
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังหอพักย่าน ถนนอิสรภาพ ซอยอิสรภาพ 20 แขวงวัดกัลยา เขตธนบุรี กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบวงจรปิดภายในอะพาร์ตเมนต์ พบว่าวันที่ 3 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 21.20 น. เคนโด้เดินเข้ามายังหน้าอาคาร โดยสวมเสื้อมัดย้อมสีเขียวฟ้า นุ่งกางเกงขายาวสีเขียว รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมหน้ากากอนามัยสีดำ ถือโทรศัพท์ในมือ จากนั้นก็เดินไปนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่ม้านั่งหน้าลิฟต์ เหมือนกับกำลังคุยกับใครสักอย่าง สุดท้ายก็นอนลงไปกับม้านั่ง
จากนั้นเคนโด้ก็เดินออกมาที่หน้าล็อบบี้แล้วนั่งกดโทรศัพท์ที่ม้านั่งโดยพิงกับฝาผนัง ก่อนที่เดินไปซื้อข้าวและน้ำจากตู้สะดวกซื้อ และกลับมานั่งกิน พร้อมดูโทรศัพท์ที่ม้านั่งจุดเดิม หลังจากนั้นเมื่อกินข้าวเสร็จประมาณ 22.00 น. ก็เอนตัวลงนอนกับม้านั่งแล้วเอามือกุมท้อง สลับกับลุกขึ้นนั่งและเอามือจับหน้าผาก ศีรษะตัวเอง ก่อนที่จะมีแม่บ้านเข้ามาถามไถ่ และบอกให้ไปเอาหมอนในห้องสำนักงานมาหนุนนอน เจ้าตัวก็ลุกขึ้นนั่ง หน้าเริ่มแดงก่ำ แล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบหมอนกลับมานอน
จากนั้นผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง เวลา 01.34 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2565 เคนโด้ออกมาจากห้องสำนักงานด้วยสภาพงัวเงีย แล้วก็เดินถือโทรศัพท์ และใส่ชุดเดิมตั้งแต่เข้ามา ออกไปจากอาคาร ก่อนจะถึงปากซอย ก็มีการหยุดก้มดูโทรศัพท์เป็นช่วง ๆ เดินเลี้ยวไปทางขวาของปากซอย
นางสาวโอ๋ โลนุช อายุ 57 ปี แม่บ้านอะพาร์ตเมนต์ เล่าว่า ตนรู้จักเคนโด้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย บุคลิกนิสัยใจคอของเคนโด้เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดจา ไม่คลุกคลีกับใคร มีแค่ตนที่ส่วนใหญ่เขาจะคุยด้วย เพราะสนิทกันในฐานะแม่บ้านกับลูกบ้าน ทักทายกันบ่อย ปกติแล้วเคนโด้จะไม่มานั่งอยู่ที่ล็อบบี้หรือหน้าลิฟต์ ถ้าเขากลับจากที่ทำงานก็จะขึ้นห้องเลย แต่เมื่อคืนรอยต่อวันที่ 3-4 มกราคม 2565 ตนเห็นเขามีอาการคล้ายคนป่วย หน้าแดง ซึม สลับกับกระวนกระวายแปลก ๆ แถมยังไปซื้อข้าวจากตู้สะดวกซื้อ จากที่ปกติจะไม่เคยซื้อเลยด้วยซ้ำ
แต่ตอนนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจ ดว่าเขาคงรอเพื่อน จึงให้ไปเอาหมอนมาหนุนแล้วให้ไปนอนในห้องสำนักงานแทน จากนั้นพอกลับมาดูอีกที ตอนเช้าก็หายไปจากห้องสำนักงานแล้ว จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่แม่ของเคนโด้โทรมาบอกว่าติดต่อลูกชายไม่ได้ บวกกับเพื่อนเขามาหาที่ตึก ตนก็เลยเอะใจ ปรึกษากับแม่ของเคนโด้ จึงได้ข้อสรุปว่าจะเข้าไปดูที่ห้อง ซึ่งเมื่อตนกับเพื่อนเขาไปถึง เรียกก็ไม่มีการตอบรับ ตนก็เลยไขกุญแจเข้าไปดู พบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ภาพสุดท้ายก่อนหายตัวไป วงจรปิดพบวาเคนโด้โบกแท็กซี่และมีอาการร้องไห้ด้วย นายฮง (นามสมมติ) อดีตชายคนสนิทของเคนโด้ เปิดใจด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า ตนตกใจและเสียใจกับข่าวการเสียชีวิตของเคนโด้ สมัยที่ตนกับเคนโด้เป็นแฟนกันเมื่อ 7-8 ปีก่อน เป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมากช่วงหนึ่ง
แม้ว่าไลฟ์สไตล์ชีวิตของทั้ง 2 คนจะต่างกันสุดขั้ว คือตัวเองเป็นเด็กเนิร์ด เด็กเรียน แต่เคนโด้เป็นเด็กกิจกรรม เก่ง ชอบเข้าสังคม ชอบแต่งตัว ภายใต้เบื้องหน้าที่ดูเก่งดูสมบูรณ์แบบนั้น เคนโด้มักปรึกษากับตนบ่อย ๆ ว่าเขามีปัญหาเรื่องเงิน เพราะพื้นฐานฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะพาร์ตไทม์หรืองานถ่ายแบบ สุดท้ายคบกันได้ประมาณ 4-5 เดือน ไปต่อด้วยกันไม่ได้ จึงตัดสินใจเลิกกันแบบเงียบ ๆ พอเขามีแฟนใหม่และช่วงหนึ่งได้ไปทำงานที่ต่างประเทศก็คุยกันน้อยลง
จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เขากลับมาไทย ก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง แต่เป็นสถานะเพื่อน เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูเก่งขึ้น ดูหน้าที่การงานมั่นคงขึ้น เจริญก้าวหน้ามาก ยังรู้สึกภูมิใจในตัวเขา ติดตามผลงานมาโดยตลอด ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะตัดสินใจจบชีวิตแบบนี้ แต่ตนมองว่าอาจจะเกิดความกดดันในงานที่ทำจนหาทางออกไม่ได้ หรือค่าใช้จ่ายเยอะ แล้วหมุนเงินไม่ทันหรือไม่
ส่วนผลงานของ "เคนโด้" เคยถ่ายโฆษณาให้กับแบรนด์ดังหลายแบรนด์ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่, รถจักรยานยนต์ฮอนด้า, แบรนด์จิวเวลรี่ และของตกแต่งบ้านจากประเทศไทย โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์, เสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ เช่น Fuxury, CC DOUBLE O, นิตยสาร ลอฟฟีเซียล ออมส์ ไทยแลนด์, เดินแบบในงานแอลฟชั่นวีค ประเทศไทยปี 2017, งาน boys of Bangkok 2017
"เคนโด้" เคยให้สัมภาษณ์กับ Hommes Thailand เล่าถึงเพศสภาพและชีวิตส่วนตัวว่า "ผมเป็นลูกเสี้ยว มีเชื้อญี่ปุ่น ไม่ได้ปิดบังเพศ คนที่รู้จักเราจะรู้อยู่แล้ว โดนล้อเยอะ เสียงรอบข้างที่ไม่สร้างสรรค์หรือทำร้ายเรา ไม่เอามาใส่ใจ คนอื่นมาว่าเรา เราพยายามไม่ใส่ใจ เคยลองพยายามเป็นแบบนั้น ไม่มีความสุข เป็นแบบที่เราอยากเป็นดีกว่า จะมีความสุข แล้วไม่พยายามไปบอกใครให้เป็นแบบโน้นแบบนี้ จริง ๆ เขาอาจจะมีความสุขในแบบนั้นก็ได้"
